ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 523 ผมไม่ยอมล้มเลิกการรักษาหรอก



ตอนที่ 523 ผมไม่ยอมล้มเลิกการรักษาหรอก

ตอนที่ 523 ผมไม่ยอมล้มเลิกการรักษาหรอก

เธอรีบก๋าเศษเส้นผมเข้าด้วยกัน แล้วทิ้งลงในถังขยะทันที พร้อมกับอดกลั้นความรู้สึกไม่ปล่อยให้ตัวเองน้ำตาไหลออก มา

หลังจากรักษามะเร็งทางเคมีครั้งก่อน เธอก็เริ่มมีอาการ เส้นผมหลุดแล้ว และคงยิ่งรุนแรงขึ้นทุกครั้ง จนกระทั่งหัวล้าน ซึ่งนี่เป็นผลข้างเคียงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ลั่วหานลูบจมูกเบาๆ พร้อมกับฝืนใจเก็บน้ำตากลับไป ขณะ เดียวกันนิ้วมือเรียวยาวก็ลูบบนเส้นผมของหยวนชูเฟินอย่าง เบาๆ

ผู้หญิงที่รักสวยรักงาม และอ่อนโยนสูงส่งแบบนี้ ถ้าหากหัว ล้านจะเป็นยังไงหรอ? เธอจะสามารถยอมรับผลข้างเคียง ไหม?

เธอก้มหน้าลงอีกครั้ง ขณะเดียวกันหยวนซูเฟินก็ลืมตาขึ้นมา

“ลั่วหาน เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ?” หยวนชูเฟินยิ้มแย้ม เพราะอ้วกและรับน้ำเกลือต่อเนื่อง เธอเลยมีสีหน้าขาวซีด ตรง หางตามีริ้วรอย และคิ้วยังคงอยู่บนใบหน้าไม่หลุดหาย แต่ไม่ สามารถต่อต้านการรุกรานของอายุได้
เมื่อนับวันรู้สึกร่างกายเริ่มอ่อนแอก็ยิ่งรู้สึกโศกเศร้ามากขึ้น ซึ่งเธอรู้อยู่แก่ใจดี

ลั่วหานนั่งลงข้างเตียง พร้อมลูบหลังมือของเธออย่างอ่อน โยน แขนที่รับน้ำเกลือมีอุณหภูมิเย็นเล็กน้อย “ฉันเพิ่งมาค่ะ แม่เป็นยังไงบ้างคะ? รู้สึกเวียนหัวไหมคะ?”

หยวนชูเฟินส่ายหน้า ซึ่งทำให้เห็นริ้วรอยตรงหางตาชัดเจน มากขึ้น ไม่เลย ตอนนี้ ฉันไม่เป็นอะไร การรักษาทางเคมีจะมี ผลข้างเคียงคืออาเจียนใช่ไหม ฉันรู้เรื่องนี้ ในเมื่อเลือกรักษา ทางเคมีก็ต้องยอมรับผลข้างเคียงเหล่านี้ อย่าเป็นกังวลฉัน เลย”

ลั่วหานพยักหน้าด้วยความเอ็นดู “วันนี้ต้องรับน้ำเกลือก่อน คืนนี้แม่จะได้นอนหลับสบาย พรุ่งนี้พวกเขาจะใช้ยารักษาตัว ใหม่ จะไม่เจ็บปวดขนาดนี้แล้ว ครั้งนี้หนูกับหลงเซียวจะอยู่ เคียงข้างเป็นเพื่อนแม่เอง”

หยวนชูเฟินพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เธอตั้งท้องอยู่ ไม่ต้องอยู่โรง พยาบาลเป็นเพื่อนฉันหรอก เธอต้องพักผ่อนมากๆ รู้ไหม? หลานของฉันต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เธอเองก็ต้องแข็ง แรงเหมือนกัน”

ลั่วหานเพิ่งตั้งท้องไม่กี่เดือน เลยยังไม่เห็นตรงหน้าท้อง ชัดเจนมาก แต่เมื่อนึกออกว่าข้างในมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆอยู่ เธอก็ อดใจไม่ไหวคลี่ยิ้มออกมา
“หนูกับลูกไม่เป็นอะไรค่ะ ลูกน้อยมีการเจริญเติบโตดีมาก ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ”

ลั่วหานพูดปลอบโยนเธอ พร้อมกับพูดกําชับให้เธอวางใจ เซลล์มะเร็งต้องถูกกำจัดอย่างแน่นอน จากนั้นไม่นาน หยวน เฟินก็นอนหลับต่อ

ลั่วหานดูเวลาเล็กน้อย และพบว่าเป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว เธอเลยรีบเดินไปที่ตึกผู้ป่วยนอก

“พี่สะใภ้!”

หลงจื่อเขย่ากุญแจรถ พร้อมเดินออกมาจากลิฟท์ และพบกับ ลั่วหานโดยบังเอิญ เมื่อเจอเธอ เขาก็เรียกหาเธอทันที

ลั่วหานสะดุ้งตกใจเล็กน้อย “เสี่ยวจื่อ นายมาได้ยังไงหรอ?”

หลงจื่อเกี่ยวกุญแจรถบนนิ้วมือ เขายิ้มแย้มอย่างเบิกบาน ดวงตาเรียวยาวเผยสายตาเป็นประกาย ขณะเดียวกันเขา สวมชุดสูทด้วย ซึ่งเป็นชุดสูทที่พอดีตัวสไตล์ตะวันตก จากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “ดูสิว่า ผมถืออะไรอยู่?”

ลั่วหานจำกุญแจรถของหลงเซียวได้ หลงจื่อขับรถหลงเซียว มารับเธอที่โรงพยาบาลหรอ? คงไม่หรอกมั้ง เธอตกลงให้เขา มารับแล้ว หรือว่าเสี่ยวจื่อรู้อะไรมาหรอ?

“รถของพี่ใหญ่นาย แล้วยังไงหรอ?” ลั่วหานแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

หลงจี๋อยักไหล่ แล้วกำกุญแจในมืออย่างแน่น “ไม่ยังไงครับ ผมแค่ยืมรถพี่ใหญ่มารับแฟนสาวเลิกงานครับ พี่สะใภ้ช่วย เลิกงานล่วงหน้าหน่อยได้ไหม?”

หลงจื่อ มแย้มอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะเดียวกันก็เดินมาเขย่าแข นของลั่วหานเพื่อข้อร้อง “ได้ไหมครับ พี่สะใภ้? ได้ไหมครับ?”

ลั่วหานเผยสีหน้าแข็งทื่อทันที แล้วดึงมือของหลงจื่อออกจาก แขน และพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “อายุเท่าไหร่กันแล้ว ยัง ท่าตัวเหมือนเด็กอีกหรอ? นายอุตส่าห์มาด้วยตัวเองขนาดนี้ ฉันจะไม่สามารถปล่อยคนได้ยังไง? แต่คุณหมอหลินของนาย ยังอยู่ในห้องผ่าตัด วันนี้เธอกับหวาเทียนเป็นผู้ช่วยให้กับคุณ หมอถัง การผ่าตัดยังต้องใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ นายต้อง รอ”

“อืม! มิน่าตอนผมโทรศัพท์ไม่มีคนรับสาย ผมนึกว่าเธอยัง โกรธอยู่ ที่แท้อยู่ในห้องผ่าตัดนี่เอง!” หลงจื่อเริ่มเข้าใจบาง อย่างขึ้นแล้ว

ลั่วหานดึงแขนเสื้อของเขาเล็กน้อย “อ๋อ? เมื่อคืนพวกเธอสอง คนไปที่ไหนกันหรอ? นายยั่วโมโหคุณหมอหลินของฉันหรอ?”

“เปล่า! เปล่าสักหน่อย! บางเรื่องผมกล้ารับประกันว่าผมเป็น
สุภาพบุรุษ!” หลงจื้อยกนิ้วสองนิ้วขึ้นเพื่อกล่าวสาบาน

ลั่วหานแค่นเสียงดูถูกออกมา “หืม ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วนายจะวิตกกังวลทําไม?”

หลงจื่อเป็นคนที่ซื่อตรงคนหนึ่ง เพียงแค่ข่มขู่เล็กน้อยก็เสีย อาการแล้ว ไม่รู้ว่าปกติเขาถูกหลินซีเหวินข่มขู่เป็นยังไงบ้าง ดังนั้นล้วหานเลยไม่กังวลว่าหลงจื้อจะทำอะไรไม่ดีต่อหลินซี เหวินเลย ในทางกลับกันเธอเป็นห่วงหลงจื้อมากกว่า

“พี่สะใภ้ใหญ่ ผมรู้ว่าผมเป็นคนใจเสาะ อย่าข่มขู่ผมเลย ไม่ สงสารผมบ้างเลยหรอ!” หลงจื้อพูดอย่างจริงจังขึ้น พร้อมกับ เผยสายตาเคารพต่อลั่วหานด้วย

ลั่วหานไม่หยอกเล่นเขาแล้ว แต่เดินไปกดลิฟท์ “เอาล่ะ วันนี้ พวกเขาทำการผ่าตัดห้องผ่าตัดสามที่ตึกสิบสอง นายลองไปดู ก่อนได้เลย”

หลงจื่อหัวเราะฮ่าฮ่า “ครับ! งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พี่สะใภ้”

หลงจื่อเดินเข้าลิฟท์และจากไป ส่วนลั่วหานส่ายหน้าอย่างจน ปัญญา เขาเหมือนเด็กที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนหนึ่ง หวังว่าเขา จะเป็นแบบนี้ตลอดไป

ณ บริษัท MBK ห้องทำงานของประธาน
หลงเซียวกดหมายเลขเรียกเลขาหน้าห้อง “แอนดี้ เข้ามา หน่อย”

“ท่านประธาน แอนดี้ยังไม่กลับมาเลย ไม่ทราบว่าคุณมีอะไร สั่งการไหม?” คนที่ตอบคือลินดา

หลงเซียวพลิกมือดูนาฬิกาข้อมือ ไปตั้งหลายชั่วโมงแล้วยัง ไม่กลับมาอีกหรอ? จี้ตงหมิงไม่ได้จัดการยากขนาดนั้นสัก หน่อย

“ช่วยปริ้นท์ตารางของแผนกวิศวกรรมของสัปดาห์นี้ให้ผม หน่อย” หลงเซียวเหลือบสายตาจากนาฬิกาข้อมือ แล้วพูด กำชับขึ้น

“ค่ะ ท่านประธาน”

หลงเซียวไม่ค่อยวางใจจี้ตงหมิง เลยโทรศัพท์หาแอนดี้ทันที

เมื่อแอนดี้ได้ยินเสียงโทรเข้าที่ตั้งค่าเป็นเสียงสายเข้าโดย เฉพาะของเจ้านายก็รีบรับสายทันที

“ท่านประธาน”

แอนดี้เช็ดเหงื่อบนใบหน้า แล้วเดินออกจากห้องนอนของจี้ตง หมิง จากนั้นเธอก็เริ่มพูดเสียงดังขึ้น “ฉันอยู่ที่บ้านผู้ช่วยจี้ตงห มิงแล้วค่ะ เขาดื่มมากเกินไป อีกอย่างคาดว่าเมื่อคืนตากลมด้วยเลยมีไข้ค่ะ”

ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง

เมื่อหลงเซียวได้ยินแบบนี้ก็สบายใจขึ้น “เธออยู่ดูแลเขาเถอะ วันนี้ไม่ต้องเข้าบริษัท”

แอนดี้เผยสีหน้าดีอกดีใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังคงพูดด้วยน้ำ เสียงหนักแน่นว่า “ครับ ท่านประธาน”

จี้ตงหมิงปวดหัวรุนแรง เขาขมวดคิ้ว และรู้สึกเจ็บคอไม่สบาย ตัว เขาพยายามตะเกียกตะกาย และพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ว่า “แอนดี้ ฉันไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องอยู่ที่นี่หรอก”

แอนดี้เขย่าโทรศัพท์เล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า “นายคิดว่าฉัน อยากอยู่ที่นี่หรอ? แต่ท่านประธานโทรศัพท์บอกให้ฉันดูแล นายด้วยตัวเองแบบนี้ ฉันจะกล้าขัดคำสั่งหรอ ผู้ช่วยจี้ นายนี่ เป็นคนโปรดของท่านประธานจริงๆ ท่านประธานเป็นห่วงนาย มากเลยนะ ช่างน่าประทับใจจริงๆ!”

จี้ตงหมิงฉีกปากที่แห้งกร้านยิ้มแย้ม เขายิ้มแย้มเหมือนคนโง่ เขลาเลย “เจ้านายดีต่อฉันมาก ฉันรู้ ฉันรู้ตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว”

เหมือนกับเขากําลังหวนนึกถึงความทรงจําบางอย่าง จู่ๆเขาก็ ยิ้มขึ้นมา
“นายรู้จักกับประธานตั้งแต่สิบปีก่อนแล้วหรอ? คิดไม่ถึงว่าจะ มีความลึกซึ้งขนาดนี้” แอนดี้แกะยาเม็ดสีขาวออกมาสองเม็ด เตรียมป้อนให้เขา

จี้ตงหมิงพยักหน้าอย่างแรง ” ชีวิตนี้ของฉันเป็นท่านประธาน ที่ช่วยเหลือไว้ แน่นอนว่ามีความลึกซึ้ง!’

แอนดี้สะดุ้งตกใจ เจ้านายมีบุญคุณต่อเขาหรอ? มิน่าเขาถึง ทุ่มเททุกอย่างต่อประธานขนาดนี้

“กินยาได้แล้ว ส่วนเรื่องราวค่อยฟังอีกที”

แอนดี้เอายาวางบนฝ่ามือของเขา แล้วหันหน้าหยิบแก้วน้ำมา จากนั้นเธอก็ก้มตัวลงเล็กน้อย เธอสวมชุดเดรส ซึ่งข้างบนเป็น คอวี และตรงเอวมีรูปทรงคอดเล็กน้อย ซึ่งดูแล้วถือเป็นชุดที่ เผยทรวดทรงได้ชัดเจนเลย

จี้ตงหมิงเงยหน้าขึ้น และเห็นเนิ่นอกสีขาวขึ้น เขานิ่งอึ้งชั่ว

ขณะ!

“ผู้ช่วยจี้? กินยาได้แล้ว” แอนดี้ไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไร เลยพูด เตือนเขา จากนั้นเมื่อก้มหน้าลงก็เห็นอย่างที่จี้ตงหมิงเห็นทันที

ว้าว!

“จี้ตงหมิง! ไอ้คนโรคจิต!” แอนดี้ต่อยใส่ใบหน้าของเขาหนึ่งท้ จนใบหน้าของเขาฟุบลงบนหมอน

“โอ๊ย!” จี้ตงหมิงรู้สึกแสบร้อนตรงจมูกเล็กน้อย

แอนดี้รีบดึงเสื้อขึ้น พร้อมจ้องมองหนึ่งด้วยสายตา แหลมคม มองอะไร!”

จี้ตงหมิงยกมือมาทาบบนใบหน้า “ผมจะเห็นอะไรล่ะ? ผมเป็น คนสายตาสั้น สามารถเห็นได้ไม่ถึงสิบเซนติเมตร แล้วจะเห็น อะไรล่ะ โอ๊ย คุณลงมือรุนแรงเกินไปนะ?”

แอนดี้กลืนน้ำลายเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงลังเลว่า “จริง หรอ?”

จี้ตงหมิงพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “จริงสิ ตรงจมูกของผมมี เลือดไหลออกมาไหม? จมูกของผมเบี้ยวหรือเปล่า?”

แอนดี้หัวเราะฮ่าฮ่า และพูดขึ้นว่า “ฉันนึกว่าคุณจะเป็นแบบ ประเภทผู้ชายโรคจิต ชอบฉวยโอกาสผู้หญิงซะอีก”

จี้ตงหมิงพูดขึ้นว่า “นั้นเพราะผู้หญิงมักให้โอกาสผู้ชายล่วง เกิน ทำไมถึงสวมชุดห่มน้อย แถมยังรัดด้วย

“ผมแค่ล้อเล่น ผมเป็นคนประเภทนั้นหรอ? แล้วมาล่ะ? เอายา ให้ผมกินหน่อย ผมไม่ยอมล้มเลิกรักษาหรอก” จี้ตงหมิงรีบพูด เปลี่ยนประเด็น
“อ้าปาก” แอนดี้อดใจไม่ไหวหัวเราะออกมา เป็นครั้งแรกที่ เห็นจี้ตงหมิงป่วย ซึ่งน่าสนใจดี

จี้ตงหมิงอ้าปากอย่างเชื่อฟัง เมื่อยาเข้าปาก เขายังคงอ้าปาก ค้างรอให้แอนดี้ป้อนน้ำให้ แต่ปรากฏว่าเธอแทบไม่ขยับเลย

ยาเม็ดสีขาวไม่ได้กลืนเข้าไป ไม่นานมันก็ละลาย และ รสชาติข่มก็แผ่กระจายทั่วปาก “โอ้ น้ำล่ะ?”

แอนดี้หัวเราะฮ่าฮ่า “ผู้ช่วยจี้ นายโง่หรือเปล่า? คิดว่าฉันจะ ดูแลนายหรอ? น้ำหรอ หยิบเองสิ”

“ห่ะ!”

หยังเซินขับรถยี่ห้อเบนท์ลีย์สีขาวของหลงเซียวมาส่งเขาที่ โรงพยาบาลหวาเซีย

หลงเซียวถือกล่องอาหารขนาดใหญ่กล่องหนึ่งเดินเข้าไปใน ห้องผู้ป่วย

ล้วหานนั่งในห้องรับแขกข้างนอกห้อง และกําลังพิจารณา แบบแผนการรักษาของคุณหมอ เธอก้มหน้าเล็กน้อย ขณะ เดียวกันก็พลิกเอกสารด้วย
หลงเซียวเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ แล้ววางกล่องอาหารลงบน โต๊ะไม้ จากนั้นก็เดินอ้อมไปข้างเธอ

ลั่วหานรู้สึกเหมือนมีเงาดำคืบคลานเข้ามา ยังไม่ทันเงยหน้า มอง คนนั้นก็นั่งบนข้างโซฟาที่เธอนั่งอยู่

ไม่ต้องเงยหน้า แค่ได้กลิ่นเธอก็รู้แล้วว่า คนที่มาคือใคร

“แม่นอนอยู่ข้างใน ตอนนี้ฉันกำลังดูแบบแผนรักษาอยู่ หาก ยึดตามอาการป่วยตอนนี้ของแม่ต้องรักษาทางเคมีแปดครั้ง คุณดูเวลาที่กำหนดหน่อย คงต่อเนื่องจนถึงวันที่ยี่สิบเจ็ดของ เดือนหน้า”

หลังจากลั่วหานพูดจบก็เอาเอกสารให้เขาดู

หลงเซียวนั่งพิงบนที่วางมือบนโซฟา พร้อมกับยื่นมือข้างซ้าย โอบกอดเธอจากข้างหลัง ส่วนมือข้างขวายื่นมือหยิบเอกสาร มาอ่านหนึ่งรอบ “อืม ให้เป็นหน้าที่หมอล่ะกัน พวกเขาเป็นผู้ เชี่ยวชาญ แบบนี้พวกเราสามารถวางใจได้”

ลั่วหานขมวดคิ้ว “หลงเซียว ปฏิกิริยาตอบสนองของแม่ครั้ง ก่อนเห็นชัดเจนมาก หากทำการรักษาทางเคมีแปดครั้ง ฉัน รู้สึกกลัวจริงๆ”

หลงเซียววางเอกสารลง แล้วเคลื่อนตัวนั่งบงบนโซฟา โอบ กอดเธอ และยื่นมือของตัวเองนวดขมับของเธอ “มีผมอยู่ด้วย กลัวอะไรหรอ?”
สําหวนเงยหน้าขึ้น แล้วซบลงบนหน้าอกของเขา “ยังมีอีก เรื่องที่พวกเราต้องปรึกษากับแม่”

“ห่ะ?” หลงเซียวซักถามขึ้น

ลั่วหานหยิบถุงพลาสติกที่มีก้อนเส้นผมวางบนฝ่ามือของเขา “นี่เป็นอาการผมหลุดหลังจากแม่ทำการรักษา ฉันคาดว่าหลัง จากทำการรักษาสองครั้งคงหัวล้านแน่”

“คุณหมายความว่า อยากให้เธอโกนหัวก่อนอย่างนั้นหรอ?” หลงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำขึ้น

อืม แทนที่จะให้เธอเห็นผมร่วงทุกวัน สู้โกนหัวล้านครั้งเดียว เลยดีกว่า ฉันสามารถเตรียมหาวิกผมหรือหมวกที่เหมาะสม กับเธอได้ คุณคิดว่ายังไง?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ