ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 470ไอคิวต่ำ อยู่รอดไม่ถึงสามตอน



ตอนที่ 470ไอคิวต่ำ อยู่รอดไม่ถึงสามตอน

ตอนที่ 470ไอคิวต่ำ อยู่รอดไม่ถึงสามตอน

หลังจากทุกอย่างของฝั่งนี้เสร็จสิ้น หลงเซียวก็เดินออกจาก ประตูของอาคารโรงงานร้าง สายลมยามค่ำคืนราวกับมือที่ไร้ กระดูก พัดผ่านอย่างอ่อนโยน

ความสบายนี้ ทําให้เขาคิดถึงภรรยาที่ห่างไกลขึ้นมาอย่าง ไม่ทันตั้งตัว

ทุกครั้งที่คิดถึงเธอ แค่ได้ยินชื่อหรืออะไรที่คล้ายเธอ ปาก ของเขาก็จะมีรอยยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวทันที

จางหย่งปลดกระดุมทุกเม็ดในเครื่องแบบตำรวจพร้อมเปิด เสื้อตัวบนของเขาออก เอามือไว้ที่กระเป๋ากางเกงของเขา แล้ว พูดด้วยรอยยิ้มว่า “บอสคุณคิดแผนได้เยอะขนาดนี้ หน้าเนื้อ ใจเสือมาก!”

หวังเจี้ยนทึ่งกับวิธีการของหลงเซียวมาก และอดไม่ได้ที่จะ พยักหน้าว่า “ท่านประธานวิธีการของคุณได้ผลจริงๆ ต่อไปนี้ ผมว่าเจิ้งซินไม่กล้ากล้าดีกับคุณแน่ เมื่อกี้เขาดูกลัวมาก”

หลงเซียวยิ้มอย่างแผ่วเบาและเดินเหยียบแสงจันทร์จนถึง ข้างรถและอธิบายอย่างไม่เร่งรีบว่า “ฉันใช้วิธีนี้จับเจิ้งซินออก มาก็เพราะอยากให้ผู้คนในเมืองเจียงเฉิงที่หากินกับตระกูล เจิ้งได้รู้ด้วยว่าในเมืองนี้ใช่ว่ามีตระกูลเจิ้งแล้วก็สามารถทำทุก อย่างด้วยที่ไม่มีกฎหมายได้
หวังเจี้ยนนึกถึงบรรยากาศเมืองเจียงเฉิงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน มาและเขาพยักหน้าด้วยความเห็นชอบว่า “ประธานพูดถูก หลายคนก็มีเจิ้งเฉิงหลินค่อยสนับสนุน จนชั่วร้ายและหยิ่ง ผยองมาก ทำอย่างนี้ก็เหมือนเชือดไก่ให้ลิงดู ซึ่งยังทำให้พวก เขาเกาะเจิ้งเฉิงหลินน้อยลง

ได้ด้วย”

จางหย่งคิดดูดีๆแล้ว รู้สึกว่าทำถูก แล้วสะดุ้งขึ้นด้วยความ ประหลาดใจ “เชี่ย! ความคิดนักธุรกิจของพวกคุณซับซ้อนเกิน ไปแล้ว? คิดเยอะไปหมด รอบคอบจนน่ากลัว!”

หลงเซียวยิ้มออกมาอย่างร้ายๆ “อยากเรียนหรือเปล่า?”

จางหย่งขำอย่างแห้งๆ พร้อมกับเปิดประตูรถให้หลงเซียวขึ้น ไป “เหอะๆๆ ฉัน? ด้วย ไอคิวของฉันในโลกของคุณฉันว่าไม่ สามารถอยู่รอดได้สามตอนหรอก ดังนั้นฉันว่าไม่แล้วทำงาน ของฉันต่อดีกว่า”

หลงเซียวเข้ารถ พูดคำสุดท้ายว่า “ช่วงนี้ ดูตระกูลเสิ่นไว้ เงียบมานานขนาดนี้ เสิ่นคั่วน่าจะใกล้หมดความอดทนแล้ว”

จางหย่งเลิกยิ้ม ถูคางของเขาอย่างจริงจัง “เจ้านาย ฉันแปลก ใจมากชายแก่เสิ่นคั่วคนนี้เคยทำงานกับซุนปิงเหวินมาก่อน และหยุดร่วมมือกันกะทันหัน เขาคิดอะไรอยู่?

“ฉันไม่สนใจว่าเขาคิดอะไร ฉันแค่อยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรแน่นอน ไม่ว่าเขาทําอะไร ฉันเชื่อว่านายมีวิธีการ” พูดจบ หลง เขียวก็ปิดประตูรถด้วยตัวเอง

จางหย่งทำหน้าใสๆยืนงง “ฉันมีวิธี? ฉันมีวิธีอะไร?”

หลงเซียวลดหน้าต่างลง “ไม่มีวิธี อยู่รอดไม่ถึงสามตอนหรอก

คิดเอง”

จางหย่งจิ้มที่ริมฝีปากตัวเอง แล้วงง พระเจ้า ทำไมเขากับเจ้า นายคุยกันเขามักตามจังหวะไม่ทันตลอด?

เหนื่อยมาก…..

ทั้งสามต่างขึ้นรถของตัวเอง รถสองขับออกไปอย่างไวในย่ำ ค่ำคืน

เมื่อเขากลับมาก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว หลงเซียวหยิบ โทรศัพท์ออกมาค้นหาข้อความสุดท้ายที่ลั่วหานส่งให้เขา

“รีบนอน!”

เครื่องหมายอัศเจรีย์ที่หาดูยากจากข้อความที่เธอส่งให้น้อย ครั้งที่เธอจะส่งเครื่องหมายนี้มา วันนี้เขาถึงขั้นส่งคำสั่งให้รีบ นอนนี้มา

เขาชอบมาก!
“ยังอยู่โรงพยาบาลไหม? ฉันตื่นแล้ว ขออนุญาตคุณภรรยา ให้ผมคิดถึงคุณสักสิบนาที”

เขายิ้มมุมปากขึ้นหลังเขียนข้อความเสร็จ นิ้วไปดีดบนขา ของเขาอย่างมีความสุข ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเอง อายุน้อยลงหลายปี เหมือนกลับไปอยู่ช่วงที่เขียนจดหมายรัก ให้หญิงสาวที่ชอบ

อดใจไม่ได้จนต้องขำความเพ้อเจ้อของตัวเอง

ลั่วหานอยู่กะกลางคืนหลังทำงานเสร็จ ก็ไม่มีอะไรทำ เลย วิเคราะห์ความคืบหน้าของคดีหยวนชูเฟินแล้วช่วยหยวนชู เฟินทำการตรวจร่างกาย ถึงแม้ว่าผลการตรวจจะเป็นเท็จ แต่ การตรวจร่างกายนี่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ดังนั้นเธอเลยเตรียม การล่วงหน้าไว้

“อนุมัติแค่หนึ่งนาที รีบนอนเดี๋ยวนี้ นอนดึกทำร้ายสุขภาพ”

ลั่วหานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและตอบกลับ จากนั้นก็อ่าน เอกสารต่อไป มีข้อสงสัยมากในกรณีนี้ เธอมักรู้สึกว่ามีคน ซ่อนอะไรบางอย่างไว้ เป็นใคร?

ศาสตราจารย์? แม่ยาย?

หรือหลงเซียวกำลังปิดบังอะไรอยู่? ทำไมฉันรู้สึกว่าทั้งเรื่อง มันเหมือนมีแผ่นฟิล์มกั้นบางๆไว้ชั้นหนึ่ง แค่เจาะรูกระดาษใบนี้ ความจริงก็จะเปิดเผย แล้วกระดาษชั้นนี้มันคืออะไรกันแน่?

ลั่วหานลบคิ้ว กะดึกเหนื่อยมาก ปวดไปทั้งตัว เธอพยายามที่ จะพาตัวเองเดินออกมาจากหมอกนี้ แล้วเปิดทางสุดท้ายที่ถูก กั้นไว้

มีอะไรแน่นอน……..มีแน่นอน!

“เข้ากะดึกเสร็จจะเรียกรถกลับบ้าน หรือนอนพักที่โรง

พยาบาล”

ลั่วหามเห็นข้อความสุดท้าย ไม่ได้ตอบกลับ ถ้าตอบกลับไป อีกเขายิ่งจะไม่อยากนอน

“ไอดอลที่รัก ฉันง่วงจัง เดี๋ยวหลงจื่อมารับฉัน เธอจะไปด้วย กันไหม?” หลินซีเหวินอดไม่ได้ที่จะหาวในขณะที่ปิดปากอยู่ หาวอย่างต่อเนื่อง หาวจนน้ำตาฉันไหลออกมา

ครึ่งดึกของกะดึกสิ้นสุดที่สิบสองนาฬิกา ลั่วหานลืมเวลาไป เลย “หลง อมารับเธอ? แฟนแบบอย่างจริงๆ คุณหมอหลินนี่ โชคดีจริงๆ”

หลินซีเหวินหัวเราะฮิๆ “โชคดีที่ไหนล่ะ! ก่อนหน้านี้เขายุ่งจน ไม่มีเวลาสนใจฉัน นี่คือการตอบแทน เดี๋ยวไปด้วยกันสิ บ้าน ที่ฉันเช่าอยู่ผ่านถนนบ้านเธอพอดี เขาส่งฉันแล้วส่งเธอกลับ เลย”
“ฉันเป็นก้างขวางคอพวกเธอเลยนะ เธอไม่กลัวฉันไปขัดพวก เธอสองคน…..สวีทกัน?” ลั่วหานเก็บเอกสารให้เรียบร้อย แล้ว เก็บล็อตเข้าในลิ้นชัก

“โอ้ย! ถ้าวัดตามความด้านหนังหน้าของเรา คนที่อายน่าจะ เป็นเธอมากกว่านะ ฮ่าๆ ไม่ต้องกลัวแสบตา”

“เหอะ!ฉันอยากอยู่รอบสดจริงๆ!” ลั่วหานถอดเสื้อขาวออก หยิบกระเป๋าออกห้อง

“โอ้ย ไอดอล เธอนี่เสื่อมจังเลย” หลินซีเหวินเบี้ยวปาก ขยับ ตา

ทำไม? แค่อนุญาตพวกเธอใช้มือ ไม่อนุญาตฉันใช้ปากหรือ ไง?” ลั่วหานกอดแขน รอยยิ้มบนหน้าซีดแสดงถึงความมึนงง ออกมา

“ไอดอล เธอเริ่มไม่ดีแล้วนะ! แต่ ฉันชอบท่าทางแบบไม่ดีๆ อย่างนี้ของเธอดี ก๊าบๆ!”

ทั้งสองลงจากบันไดเลื่อน รถของหลงจื่อรออยู่ที่ลานข้างล่าง

โรงพยาบาลแล้ว

หลงจื่อไม่ได้เจอลั่วหานมาหลายวันแล้ว พูดยิ้มๆว่า “พี่สะใภ้ เหนื่อยแล้วสินะ”

คำพูดพวกนี้ ต่อไปก็พูดกับแฟนเธอเยอะหน่อย”
หลินซีเหวินนั่งง่วงตรงข้างคนขับ พูดอย่างขี้เกียจว่า “ตอนนี้ ฉันแค่อยากคบกับพระอินทร์ พรุ่งนี้ฉันจะนอนจนมืดฟ้ามัวดิน ฟ้าพังทลายลงมาก็ไม่ต้องมาให้ฉัน”

“ดี! งานของอนาคตน้องสะใภ้ เดี๋ยวมีพี่สะใภ้ค่อยแบ่งเบาเอง”

หลังรถขับออกไป หลินซีเหวินก็หลับลงอย่างไว

ลั่วหานนึกถึงเรื่องที่หลงจื่อเคยบอกครั้งก่อนขึ้นมาทันที “เสี่ยวจื่อ ครั้งก่อนนายบอกมีเรื่องจะบอกฉัน? ฉันรอนายที่บ้าน ทั้งวันไม่เห็นมาสักที”

หลงจื่อขับรถควบคุมความเร็วได้อย่างปลอดภัย มองลั่วหาน ผ่านแสงกระจกไปข้างหลัง ยิ้มอ่อนๆ “อ๋ออันนั้น………ไม่มีอะไร ผมยังลืมไปแล้ว”

“อืมแล้ว? นายไม่เหมือนคนลืมง่ายขนาดนี้นะ? เดี๋ยวนี้ที่บ้าน เกิดเรื่องอะไรขึ้น นายรู้เรื่องยัง?”

สายตาของลั่วหานมาจากมุมกระทบหน้าข้างของหลงจื่อ หลงจื่อจิตใจบริสุทธิ์ จับผิดเขาได้ง่าย อารมณ์เขาอยู่บน สีหน้าหมด และไม่มีแผนการอะไรในตัวเขา

พูดตามตรงก็คือ ไม่เหมือนคนที่สู้อยู่ในวงการธุรกิจ

สีหน้าของหลงจื่อไม่ปกติจริงด้วย “พี่สะใภ้พูดถึงเรื่องที่ชายกลับMBK ใช่ไหม?”

ลั่วหานพูดอย่างอ่อนโยนว่า “นายคิดว่าฉันจะคุยเรื่องที่ทุก คนรู้กับนายเหรอ? เสี่ยวจื่อ นายปิดบังฉันไม่ได้หรอก ดูท่า นายลังเลงั้นสิ ครั้งก่อนนายจะพูดเรื่อง ที่นายจะไม่แย่งมรดก ใช่ไหม?”

หลงจื่อรู้สึกตกใจเล็กน้อย “อืม…..ฉันรู้สึกอึดอัดกับตำแหน่ง ของฉันและพี่ชายคนโตที่อยู่ในบริษัทมาก ฉันเลยกลัวว่าคุณ จะคิดมาก”

“ต่อจากนั้นล่ะ? ทำไมไม่มาหาฉัน? เกิดอะไรขึ้น?” ลั่วหาน ถามอย่างโน้มน้าวใจ และพาหลงจื่อเข้าสู่หัวข้อเรื่องที่หลงจื้อ ไม่ยอมพูดถึง

โคมไฟบนถนนแกว่งไปมาบนใบหน้าของเขา ใบหน้าข้างถูก ตกกระทบด้วยแสงเงาราวกับสามมิติ แต่ใบหน้านี้แตกต่าง จากหลงเซียวอย่างสิ้นเชิง

แม้จะเกิดมาจากพ่อแม่เดียวกันก็จริง แต่ทั้งสองคนไม่มีความ คล้ายกันเลย มียีนอย่างนี้อยู่จริงเหรอ?

หลงจื่อคล้ายแม่ของเขาเหรอ?

จู่ๆหัวใจของลั่วหานก็เหมือนโดนความคิดน่าทึ่งหนึ่งที่โผล่เข้ามากะทันหันจนเกือบหลุดออกมาจากลําคอ หรือว่า…..ไม่ เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!

“ไม่มีอะไรจริงๆ พี่สะใภ้ไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันก็แค่นึกถึง พี่แล้วเกิดจะไปหากินข้าวก็แค่นั้น” หลงจื่อแกล้งพูดหลอก แต่ สกิลนี้ต่ำเกินไป

“เสี่ยวจื่อ มีบางฉันไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่า ถ้าพูดแล้ว นาย สามารถจะไม่ตอบ แต่นายต้องพูดความจริงกับฉัน” ลั่วหานจับ เบาะหน้าไว้ ขยับเข้าไปใกล้เขาหน่อย หลินซีเหวินหายใจหนัก มาก ดูท่าน่าจะหลับลึกแล้ว

หลงจื้อใจหวิวทันที “เธอ…อยากพูดอะไร?”

ลั่วหานพูดอย่างเบาๆ “เสี่ยวจื่อ นายเล่าแม่นายคร่าวๆให้ฉัน ฟังหน่อยได้ไหม? ฉันอยากรู้ว่าแม่จะใจดีอ่อนโยนขนาดไหน ถึงจะมีลูกชายแบบนาย

มือที่กดพวงมาลัยจู่ๆกระดูกก็ปูดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้!

หลงจื่อเปลี่ยนไปทันที แม่เป็นข้อห้ามของเขา เขาไม่เคยเอ่ย ปากพูดกับใคร

นั้นเป็นอดีตที่เขาพยายามจะเก็บไว้ มันแสดงถึงความมืดมน ความสิ้นหวังความเศร้าการละทิ้ง……
“เขา? เขาก็เป็นแค่คนปกติ พี่สะใภ้ไม่รู้อ่ะดีแล้ว” หลงจื่อ หายใจเร็วขึ้น ความถี่ของการเต้นของหัวใจก็เพิ่มขึ้นอย่าง รวดเร็ว

ลั่วหานเข้าใจแล้ว จากการสังเกตของแพทย์เธอรู้สึกได้ถึง ทัศนคติของหลงจื่อมีต่อมารดาผู้ให้กำเนิด

“เสี่ยวจีอ สิ่งที่นายอยากแต่ยากที่จะพูดออกมา มันเกี่ยวกับ แม่ของนายใช่ไหม? อย่ารีบตอบฉัน คิดให้ดี ยังไงก็เป็นแม่ ของเธอเองไม่ว่าจะยังไงก็ตามอย่าทำให้พ่อแม่ลำบากใจ บุญ คุณของคนอื่นอ่ะคืนง่าย แต่ของพ่อแม่คืนยังไงมันก็จะไม่มีวัน สิ้นสุด นายรู้ใช่ไหม?”

ดวงตาของหลงจื่อร้อนผ่าวและเขาอยากจะร้องไห้ “พี่สะใภ้ ฉลาดจริงๆ อะไรๆก็ปิดบังพี่ไม่ได้ แต่อย่ากังวลฉันจะไม่ทำ เรื่องโง่ ๆหรอก”

ลั่วหานกดไหล่ของเขาจากด้านหลังและเธอสามารถเข้าใจ ความรู้สึกของลูกชายคนเดียวในบ้านที่ร่ำรวยแต่ไม่สามารถ อยู่ร่วมกับแม่ที่ให้กำเนิดของตัวเองได้อย่างนี้

“เสี่ยวจื่อ เราเป็นคนบ้านเดียวกันตลอดไป คนบ้านเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่มีปัญหาอะไรที่จะเราจะผ่านมันไปไม่ได้ ความ อึดอัดของนายฉันรู้หมดแล้ว พี่ชายนายก็รู้ มันจะมีวันที่นาย อยากเห็นวันนั้นอยู่แน่นอน”

หลงจื่อยิ้มอย่างขมขื่น “จะมีจริงเหรอ? เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลหลงจะมีสะใภ้สองคน พี่สะใภ้อย่าปลอบใจผมเลย”

ลั่วหานปล่อยมือลง ในใจก็มีเสียงหนึ่งที่ถามตัวเองว่า เป็นไป

ได้เหรอ?

ถ้าการคาดการณ์เมื่อกี้ของเธอถูก งั้น……

“สิ่งต่างๆในโลกนั้นล้วนคาดเดาได้ยาก ใครจะไปรู้?”

หลงจื่อส่งหลินซีเหวินกลับบ้าน และอุ้มเธอกลับไปที่ห้อง ตลอดทั้งทาง บ้านที่เธอเช่านั้นไม่ใหญ่โต แต่การจัดวางและ วิสัยทัศน์ก็เปิดกว้างดูดี

ลั่วหานมองบ้านของเธอ นึกถึงบ้านที่ต้องเช่าหลังแต่งงาน ของตัวเองกับหลงเซียว ทั้งเธอและหลินซีเหวินต่างมีเหตุผลที่

ต้องหาที่นอนไว้

บ้านเดียวกันจริงๆ

สุดท้ายหลงจื่อก็ขับรถส่งลั่วหานกลับบ้าน มีเพียงสองคนที่ อยู่ในรถ หลงจื่อคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามว่า “พี่สะใภ้แล้วตัวตน ที่แท้จริงของเธอล่ะ?”

ลั่วหานอืมแล้วถาม “เธอ? ใคร?”

“เธอ หลินซีเหวิน แฟนผม”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ