ตอนที่ 436 ฉันอยากกินชามนั้นของคุณ
ตอนที่ 436 ฉันอยากกินชามนั้นของคุณ
ในเวลากลางคืน ความสุขของทั้งคู่ถูกจดจำไว้ด้วยแสงไฟ และดวงดาวของเมืองเจียงเฉิง ความคาราคาซังในชีวิตตลอด ระยะเวลาเจ็บปี พวกเขาจบเรื่องราวมากมายและเปลี่ยนมันให้ กลายเป็นจุดเริ่มต้น
เมฆครึ้มๆและดวงดาวเคลื่อนที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง สะท้อน เป็นเงาอยู่บนผิวน้ำทะเล คำพูดของชาวหนุ่มก้องอยู่ในหูวนไป ไม่รู้จบ โลกทั้งใบของเขา โลกทั้งใบของเขา…
คำรักอันแสนหวานและคำมั่นสัญญาค่อยๆซึมซับเข้าในชีวิต ของทั้งคู่ จนกลายเป็นส่วนนึงที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่อาจขาดจาก กันได้
เช้ารุ่งขึ้น แสงอาทิตย์สดใสส่องจ้าเข้ามาในห้อง สาดลงบน ร่างของทั้งสองจนเกิดเป็นประกาย
ลั่วหานลุกขึ้น ก่อนจะพบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมแขนของ หลงเซียว เมื่อเธอลืมตา ภาพแรกที่มองเห็นคือสายตาลึกซึ้ง ของชายหนุ่มกำลังจับจ้องมาที่เธอ ดวงตาลุ่มลึกดั่งคลื่นทะเล ราวกับจะโอบอุ้มเธอขึ้นมา
“มอร์นิ่ง คุณภรรยา” เขาเอามือข้างนึงขึ้นมาเท้าศีรษะนอน ตะแคง หญิงสาวนอนอยู่ในอ้อมกอด ผมยาวสีดำขลับพาดอยู่ บนบ่าหนายาวลงมาถึงหน้าอกแข็งแรง
ลั่วหานแหงนหน้าขึ้น จุ๊บคางของเขา “มอร์นิ่งค่ะ คุณสามี”
หลงเซียวยืดตัวลุกขึ้นจูบหน้าผากมนต์ของเธออย่างอาลัย อาวรณ์ “บ่ายนี้มีผ่าตัดกี่โมง?”
ลั่วหานดึงผ้าห่มนุ่มขึ้นมาห่อร่างกาย ผ้าห่มพันอยู่รอบอก เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าขาวๆ ส่วนล่างเป็นน่องขาเรียวเล็ก โผล่พ้นออกมา
“เริ่มบ่ายสาม ถ้าราบรื่นดีสองทุ่มก็น่าจะเสร็จ แต่หลังจาก ผ่าตัดเสร็จคาดว่าฉันน่าจะต้องอยู่โรงพยาบาลเฝ้าดูอาการ คนไข้ต่ออีกสองสามชั่วโมง ยังไม่แน่ว่าคืนนี้จะได้กลับบ้าน”
ในขณะที่หลงเซียวห่อผ้าลงบนร่างกายอย่างไม่เร่งรีบ เขา เดินไปยืนข้างๆหญิงสาวแล้วโอบเอวเธอ “วันนี้ฉันมีประชุม เริ่ม เก้าโมง อาจจะยุ่งจนถึงดึก”
ระหว่างร่างกายของทั้งคู่มีเพียงแค่ผ้าห่มกั้นอยู่ ลั่วหานสัมผัส ได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกจากร่างสูง กลัวว่าเช้าๆแบบนี้ เขาจะ…อย่างนั้นอีก จึงรีบเดินหนีให้ห่างออกมาสองก้าว “ฉัน จะไปอาบน้ำ!”
หลงเซียวยิ้มกะล่อน ไออุ่นในอ้อมแขนหายวูบไป หญิงสาววิ่ง หนีไปซะแล้ว “อืม อาบเสร็จแล้วฉันพาเธอไปกินข้าว”
ลั่วหามนึกว่าอาหารเช้าที่หลงเซียวว่าจะหมายถึงร้านอาหาร หรูหรา แค่เปิดประตูเข้าร้านมาก็ต้องรู้สึกตระการตาอะไรแบบนั้น แต่สงสัยเธอจะคิดมากไป
หลงเซียวขับรถเข้ามาในถนนก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆที่ ไม่มีแม้แต่ชื่อ ซอยแคบมาก เขาจึงจอดรถไว้ด้านนอก แล้ว จูงมือเธอเดินเข้าไป
แม้ว่าซอยนี้จะค่อนข้างลึก แต่ทันทีที่เดินเข้ามาก็ได้กลิ่นเข้ม ข้นของข้าวต้ม กลิ่นหอมของพุทราจีน กลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆ ของเม็ดบัว ผสมผสานกันอย่างลงตัว แค่กลิ่นของข้าวต้มก็ มากพอจะยั่วน้ำลายคนที่เดินผ่านได้แล้ว
“คุณรู้จักที่นี่ได้ยังไงคะ? คุณดูไม่ใช่สายกินนี่นา?” ลั่วหาน สูดกลิ่นหอมๆ แล้วรู้สึกหิว
หลงเซียวเปิดประตูไม้ไผ่ออก ให้เธอเดินเข้าไปก่อน “เมื่อ ก่อนก็ไม่เคยสังเกตหรอก แต่พอเห็นคุณนายหลงของฉันชอบ กินอาหารข้างทาง เลยคิดว่าต่อไปคงต้องศึกษาเรื่องของกิน อีกสักหน่อย เลยเริ่มจากหาร้านดังก่อน”
ความจริง หลังจากหลงเซียวตื่นขึ้นสิ่งแรกที่เขาทําคือให้หวัง เจี้ยนสืบ ถึงได้เจอเข้ากับร้านนี้ ร้านอาหารเก่าแก่ พื้นบ้านแต่ รสชาติไม่ธรรมดา
ปกติคนที่มากินร้านนี้ต้องต่อแถวยาวเป็นหางว่าว แต่หลง เซียวที่ไม่ชอบเสียเวลารอที่นั่ง ยิ่งไม่ชอบบรรยากาศคนเยอะ วุ่นวาย จึงโทรมาเหมาร้านในวันนี้แล้วเรียบร้อย
ลง
ลั่วหานนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สักโบราณ ข้าวต้มพุทราจีน ผักดอง ชามเล็กๆ ซาลาเปาน้ำแตก และขนมไข่ที่เพิ่งออกจากกระทะ ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ
ลั่วหานกินข้าวต้มเข้าไปคำนึง ข้ามที่ถูกต้มจนนิ่มกำลังดี พุทราปลอกผิวออกจนเหลือแต่เนื้อละลายทันทีที่เข้าปาก ข้าว สวยและข้าวกล้องที่ถูกต้มด้วยระดับไฟเท่ากัน แทบไม่ต้องใช้ ฟันเคี้ยว
“อร่อยมาก!”
ลั่วหานเอ่ยชมของกินออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม ปากเล็กๆ ข้าวต้มอยู่เต็มคำ หน้าตามีความสุขเหมือนได้กินของอร่อย ที่สุดในโลก
หลงเซียวหยิบซ้อนขึ้น เขาตกข้าวต้มมาครึ่งช้อนแล้วเอาใส่ ปาก รสชาติไม่เลวจริงๆ
“ข้าวต้มชามเดียวทเธอมีความสุขขนาดนี้ อาหารฝรั่งเมื่อคืน เหมือนจะไร้ประโยชน์ไปเลย” ชายหนุ่มขมวดคิ้วยิ้มๆ ดวงตา ทั้งสองเต็มไปด้วยความรักใคร่
ลั่วหานตักข้าวต้มอีกคําใส่ปาก ยังคงดื่ม กับรสชาติได้ไม่ จบสิ้น “ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารฝรั่งจากภัตตาคาร หรูหรา หรือข้าวต้มธรรมดาจากร้านข้าวต้มกุ๊ย ทุกอย่างล้วนมีเสน่ห์ของมัน มนุษย์เราต้องกินอะไรหลากหลาย ร่างกายถึง จะมีสารอาหารครบถ้วน”
หลงเซียวหัวเราะ “สมกับเป็นคุณหมอฉู่ผู้รู้ลึกรู้จริง”
ลั่วหานรู้ว่าเขากำลังล้อเลียน แต่ก็ไม่ได้เถียงกลับ แต่พูดขึ้น ว่า “เพราะงั้นมันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า ฉันสามารถใช้ชีวิต ได้อย่างมีความสุขไม่ว่าจะร่ำรวยหรือแร้นแค้น ไม่ว่าจะมีชีวิต แบบไหนก็ดีหมด”
หลงเซียวมองเธอด้วยความลุ่มหลง หญิงสาวช ข้าวต้ม จาก นั้นคีบซาลาเปาน้ำแตกขึ้นมา เธอกัดมันเข้าปาก น้ำซุปที่อยู่ ด้านในพุ่งกระเด็นออกมา
น้ำมันงาที่อยู่ในน้ำซุปเลอะบนหน้า ทำผิวขาวสะอาดของเธอ กลายเป็นรอยหนวดแมว
ลั่วหานดึงกระดาษทิชชู่ออกมา แต่ยังไม่ทันจะได้เช็ด มือของ หลงเซียวก็ยื่นเข้ามาเสียก่อน เขาเช็ดคราวน้ำมันบนแก้มออก ให้อย่างแผ่วเบา
“อร่อยมากเลยค่ะ! คุณก็รีบกินสิ อันนี้อร่อยสุดๆ แต่ตอนกิน ต้องระวังหน่อย น้ำซุปข้างในมันจะกระเด็นออกมา”
หลงเซียวคีบซาลาเปาน้ำแตกมากินช้าๆ ยังไม่ละสายตา ออกจากหญิงตรงหน้า ถ้าเทียบกับมื้อหรูเมื่อคืน ข้าวต้มกับ ซาลาเปาน้ำแตกในเช้านี้ทำให้ในใจของเขารู้สึกผ่อนคลายสบายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ความสุขที่เขาว่า บางทีอาจจะหมายถึงแบบนี้ล่ะมั้ง แค่ ได้เห็นคนที่เรารักกินอร่อยเต็มปากเต็มคำด้วยใบหน้าแสน เอร็ดอร่อย อาหารง่ายๆแต่กลับหยุดเวลาไว้ด้วยความสุขสงบ
“ข้าวต้มของฉันก็อร่อย เธอลองสิ”
เขาตักข้าวต้มคำใหญ่ใส่ปากเธอ หลังกินเข้าไป หญิงสาวก็ ตักกินเองอีกคำนึง
“อร่อย แลกกันเถอะ!”
ลั่วหานเพิ่งนึกขึ้นถามจึงถามขึ้น “หลงเซียว อาหารอร่อย ขนาดนี้ทำไมไม่เห็นมีคนมากินเลยล่ะ? ฉันว่าร้านนี้น่าจะดัง มากแท้ๆ”
“สงสัยเป็นเพราะเธอกินมูมมามจนคนอื่นเขากลัวก็เลยไม่กล้า เข้ามาล่ะมั้ง?” ชายหนุ่มจูงมือเธอเดินออกจากร้าน เขาหัวเราะ
“เชอะ!”
หลังกินข้าวเสร็จ หลงเขียวเข้าประชุมที่บริษัท ส่วนลั่วหานก็ กลับโรงพยาบาล
“หมอฉู่ การตรวจร่างกายก่อนผ่าตัดของหลานสาวรัฐมนตรี เฉิน ได้ทำการเช็คแล้ว ตอนนี้ผลการตรวจบริเวณปอด ตับ ลำไส้ และส่วนอื่นๆออกมาแล้ว ส่วนที่เหลือผลทั้งหมดจะออก มาครบก่อนบ่ายโมงครับ”
ลั่วหานดึงเอกสารกับCTสแกนหลายแผ่นที่อยู่ด้านในออกมา อ่านอย่างละเอียด “ดี ผลตรวจไม่มีอะไรผิดปกติ จุดสำคัญคือ ต้องดูว่าคนไข้มีภาวะเลือดแข็งผิดปกติหรือเปล่า อันนี้ต้องเช็ค ให้ดี”
“ครับ ถ้าผลออกมาแล้วผมจะรีบรายงานให้คุณหมอทราบ
ทันที”
“อืม ไปได้”
หมอผู้ช่วยพยักหน้า “หมอฉู่ ถ้าคนไข้มีภาวะแข็งตัวของ เลือดผิดปกติ คุณหมอจะทำยังไงครับ?” หมอผู้ช่วยเป็นหนุ่ม น้อยวัยรุ่น ประสบการณ์ด้านนี้ของเขายังน้อย จึงอยากใช้ โอกาสนี้เรียนรู้จากเธอ
หมอหลายคนที่ยืนอยู่ก็ตั้งใจลอบฟังคำตอบจากลั่วหาน
ในมือของเธอถือเอกสาร ลั่วหานทิ้งแขนลงแล้วถามกลับ “นายอธิบายให้ฉันฟังซิ อะไรคือภาวะแข็งตัวของเลือดผิด ปกติ”
หมอเด็กหนุ่มไม่ได้คิดมาก่อนว่าจู่ๆเธอจะถามขึ้น ศัพท์ทาง เทคนิคที่เคยท่องจําแทบตายสมัยเรียนตอนนี้ลืมไปหมด “อัน นี้…ผม…”
ลั่วหานยิ้ม “ผู้ป่วยที่มีภาวะแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ขณะใส่ เครื่องVADแต่ไม่สามารถใช้เฮพารินได้ ถ้าระหว่างผ่าตัดตัด ไม่ใช้เฮพาริน นั่นก็หมายถึงเราทำการผ่าตัดไม่ได้ แต่เราจะ ใช้วิธีอื่นแทน นายคงอยากจะถามฉันว่าใช้ยาชนิดอื่นแทนได้ ไหม แต่ทำไมไม่ลองคิดว่าจะใช้วิธีการผ่าตัดแบบอื่นมาแทน ล่ะ?”
หมอเด็กหนุ่มฟังที่ลั่วหานพูดจนเหงื่อแตกพลั่ก เขายิ้มแห้งๆ อันนี้มัน… ผม… ผมเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับหมอฉู่” ”
ลั่วหานพยักหน้า “เรียนที่ความรู้เบื้องต้นให้ชำนาญก่อน อย่า เพิ่งใคร่รู้ในสิ่งที่ยังไม่ต้องรู้”
“ครับ… ครับ…”
หมอหลายคนมองหน้ากัน “ว้าว! สุดยอดเลย ไม่น่าล่ะ ขนาด รายการโทรทัศน์ของเมืองหลวงยังเชิญตัวคุณไปออก! เทพธิดาสุดเพอร์เฟค!”
เธอรู้เยอะขนาดนี้ ต้องกินหนังสือเข้าไปหลายเล่มแหงๆ ” หนังสือเกี่ยวกับโรงหัวใจ เธออ่านมาหมดทุกเล่มแล้วหรือ เปล่า?”
“คงงั้นมั้ง เพราะถ้าไม่เพียรพยายามมาก่อน เธอคงไม่เก่งมาก ขนาดนี้ โลกนี้มีคำว่าพรสวรรค์ที่ไหน”
“ว้าว ทั้งสวยทั้งขยัน น่ายกย่องสุดๆ! ไอดอลเลย!”
เสียงพูดคุยดังอยู่ไกลๆ ลั่วหานส่ายหน้าเบื่อหน่าย เธอไม่ได้ รู้สึกชอบคำว่าไอดอลเลยสักนิด
ลั่วหานเปลี่ยนมาใส่เสื้อกาวน์ แล้วเดินไปดูสาวน้อยที่ห้อง คนไข้ ภรรยาเฉินว่านเหนียนนั่งเฝ้าอยู่ในห้องด้วยสีหน้าวิตก กังวล เธอปลอบหลานสาวที่กำลังหวาดกลัวไม่หยุด
เด็กน้อยกลัวจนตัวสั่น อย่าว่าแต่เด็กผู้หญิง สถานการณ์แบบ นี้ในโรงพยาบาล ต่อให้จิตใจเข้มแข็งแค่ไหนก็อดหวั่นๆไม่ได้ อยู่ดี
ลั่วหานโน้มตัวลงจุ๊บหน้าผากของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน “ยัง จำป้าได้ไหมคะ? วันนี้น้าจะเป็นคนผ่าตัดให้หนูเองนะ”
เด็กน้อยเห็นลั่วหานก็เผยยิ้มออก “ค่ะ! หนูจำได้! คุณก็คือ คุณป้าคนสวย!”
“ฮ่าๆ! ยังจำได้ด้วย งั้นคุณป้าคนสวยเป็นคนผ่าตัดให้ หนูยังกลัวอยู่ไหมคะ?”
เด็กน้อยใช้ความคิด “คุณป้าจะอยู่กับหนูตลอดไหมคะ?”
“อื้ม! ป้าจะอยู่กับหนูตลอด หนูจะได้เห็นป้าเป็นคนสุดท้าย ก่อนหลับ พอตื่นมาก็จะได้เห็นป้าเป็นคนแรก แบบนี้ดีไหม คะ?”
เด็กน้อยยิ้มแฉ่งอย่างดีใจ “จริงนะคะ?”
“จริงค่ะ!”
“เกี่ยวก้อยกันก่อน ห้ามโกหกหนูนะคะ”
ลั่วหานลูบผมของเธอ “ได้สิคะ เกี่ยวก้อย!”
เฉินว่านเหนียนเห็นลั่วหานห่วงใยหลานสาวของตนเองด้วย ใจจริง จึงเข้ามากุมมืออย่างซึ้งใจ “หมอฉู่ ฝากเป่ยเป่ยด้วยนะ”
ลั่วหานผงกศีรษะ “วางใจเถอะค่ะรัฐมนตรีเฉิน เรื่องที่ฉัน รับปากคุณไว้ ไม่มีทางกลืนคำพูดตัวเองแน่นอน”
เฉินว่านเหนียนเข้าใจความหมายของเธอ จึงพยักหน้าแล้ว พูดขึ้น “ผมก็เหมือนกัน ที่รับปากคุณไว้ ผมจะทำอย่างถึงที่ สุด”
“งั้นก็ฝากด้วยนะคะ” ลั่วหานบีบมือเขา คำพูดแฝงนัยยะ
ลั่วหานเดินออกจากห้องคนไข้ เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นมาจาก ด้านหลัง
“หลีกทางหน่อย! รีบหลีกทางให้ด้วย!”
ลั่วหานหรี่ตามอง เห็นหมอหลายคนก้าวขาฉับๆด้วยความ รวดเร็วพร้อมกับเข็นคนไข้ออกจากห้องพักตรงไปห้องฉุกเฉิน วินาทีที่ร่างนั้นผ่านไป ลั่วหานเห็นคนไข้ซึ่งนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดไม่เหลือเส้นเลือดแม้แต่เส้นเดียว
หัวใจแทบจะหยุดเต้น!
ลั่วหานส่ายหน้า โรงพยาบาลช่างเป็นสถานที่ที่ทดสอบจิตใจ ได้ดีมากจริงๆ ต้องเจอกับบททดสอบความเป็นความตายอยู่ ทุกวัน
เฮ้อ!
“หมอฉู่”
เฉินว่านเหนียนเดินออกมาจากห้องคนไข้ แล้วเรียกเธอไว้
“มีอะไรอีกหรอคะเฉินว่านเหนียน?” ลั่วหานดึงสติกลับมามอง เขา สีหน้าของเฉินว่านเหนียนดูไม่ดีนัก เหมือนสิ่งที่กังวลอยู่ไม่ใช่เรื่องการผ่าตัด
เฉินว่านเหนียนพูดทิ้งค้างไว้ “เอ่อ… ไม่งั้นรอให้การผ่าตัด เสร็จสิ้นแล้วผมค่อยพูดกับคุณดีกว่า”
ลั่วหานขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ พูดมาเถอะ ไม่ต้อง ห่วง ไม่ว่าคุณจะกำลังพูดอะไรฉันก็จะรักษาหลานสาวของ คุณอย่างเต็มความสามารถ”
เฉินว่านเหนียนบีบมือและนิ่งเงียบอยู่สักพัก “ที่จริงผมอยาก จะปิดบังคุณต่อไป… แต่เพราะคุณดีกับเป่ยเป่ยมาก ในใจผม ก็ยิ่งรู้สึกผิด จริงๆแล้ว…. ใบอนุญาตโครงการของหลงเซียว หลักๆเป็นเพราะการตัดสินใจของเจิ้งเฉิงหลินล้วนๆ ผมก็แค่ ออกหน้าพูดนิดหน่อย ไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ”
ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง…
“แต่ผมกล้าฟันธงได้ว่าเจิ้งเฉิงหลินมีอำนาจมากในเมืองเจียง เฉิง ผู้ว่าเกือบครึ่งเมืองเป็นคนของเขา หลงเซียวสามารถเชื่อ ใจเขาได้”
ลั่วหานทำเป็นไม่ใส่ใจ เธอพูดยิ้มๆ “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว คุณ วางใจเถอะการผ่าตัดของเป่ยเป่ยฉันจะทำอย่างสุดความ สามารถ ขอบคุณที่บอกความจริงกับฉันนะคะ”
เจิ้งเฉิงหลินเป็นบุคคลสำคัญ เพราะงั้นคำสั่งยกเลิกใบ อนุญาต ก็คงมีแต่เขาที่มีสิทธิ์สั่งสินะ?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ