ตอนที่ 301 ความลับในตู้เย็น
ตอนที่ 301 ความลับในตู้เย็น
ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน?
หลังจากอาบไปได้ครึ่งทาง กู้เยนเซินได้ยินคำเตือนอันแสน ห่วงใยของไป๋เวยก็ยืนที่อไปในทันใด
เมื่อกี้เขาสนใจแค่จะรีบอาบน้ำให้เสร็จๆ จะได้ออกมานั่งกินแบบ สบายตัว ใครจะมานั่งสนใจเรื่องเสื้อผ้ากันล่ะ แต่ถึงจะไม่มีเสื้อผ้า ใส่ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับคุณชายจอมกะล่อนอย่างกู้เยน เซิน
ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที กู้เยนเซินก็เดนออกมาจากห้องน้ำ
ที่ช่วงเอวคอดของชายหนุ่มมีผ้าเช็ดตัวสีขาวห่อหุ้มปกปิดท่อน ล่างไว้หลวมๆ ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่า หยดน้ำที่เกาะอยู่บน เส้นผมและหน้าผากหยดลงบนแผงอกตั้งติ้ง ก่อนจะค่อยๆไหล ไปตามร่องซิกแพ็ค
ร่างกายที่แทบจะเรียกว่าได้เพอร์เฟค ไม่มีไขมันแม้แต่นิดเดียว สายตาทรงเสน่ห์มองไปยังทิศทางนึง แววตาแพรวพราวกับมุม ปากกระตุกยิ้มขึ้น ก่อนจะเปล่งเสียงไปทางแผ่นหลังของไป๋เวย “ประธานไป๋ เธอพูดถูก ฉันไม่มีเสื้อผ้าใส่ จริงๆด้วย ทำไงดีล่ะ?”
ไป่วยหันกลับมา สิ่งที่เห็นตรงหน้าพลันก็กลายเป็นภาพวาด ชายหนุ่มรูปงามเดินออกมาจากห้องน้ำ ไอน้ำร้อนยังแผ่ซ่านอยู่ รอบตัวกู้เยนเซิน ร่างของชายหนุ่มถูกความร้อนปะทะจนผิวหนัง ขึ้นเป็นรอยแดงบางเบา ช่างเป็นภาพที่ยั่วยวนชวนมองเสียจริง
ผ้าขนหนูที่ทำหน้าที่ปกปิดส่วนสำคัญเบื้องล่างราวกับพร้อมจะ หลุดออกมาได้ทุกเมื่อ ดึงดูดสายตากับสมองให้คิดเตลิดไปถึง ไหนต่อไหน กู้เยนเซินก้าวเข้ามาหาทีละก้าว ในทุกๆการขยับตัว ผ้าขนหนูขยับไปตามแรงโน้มถ่วง ขนาดเค้าโครงของสิ่งหลบ ช่อนที่อยู่ภายใต้ผ้าขนหนูก็เคลื่อนไหวตามท้าทายกับความ อดทนของมนุษย์เพศหญิง
ไปเวยเม้มปาก ยืนกอดอกด้วยท่าทีสบายๆ “คุณกู้ คิดจะใช้เสน่ห์ ความเป็นชายมายั่วสวาทฉันเพื่ออาหารหนึ่งมื้อ? เสน่ห์ของ คุณชายกู้นี่ไร้ค่าจังเลยนะคะ”
กู้เยนเซินยืดแขนออกไปเท้าชั้นวางเครื่องลายครามโบราณที่ตั้ง อยู่ด้านหลังของไป์เวย แขนแข็งแรงสร้างพื้นที่เล็กๆสําหรับคน สองคน ร่างสูงพยักหน้านิดๆมองไป๋เวยที่มีสีหน้าสงบนิ่งจริงจัง “ประธานไป๋ คุณกล้าพูดไหมว่ามองผมแล้วไม่รู้สึกอะไร?”
ไปเวยมองสํารวจรูปร่างคนตัวสูงตั้งแต่ต้นจรดเท้าอย่างประเมิน แล้วว่า ผลที่ได้จากการฟิตหุ่นไม่เลวนะคุณกู้ แต่ขอโทษ ฉันไม่รู้ สึกอะไรกับหุ่นของคุณเลยสักนิด แล้วก็ คุณทําพื้นของฉันเปียก อีกเดี๋ยวเช็ดให้แห้งด้วยล่ะ
เช็ดโด้!
กู้เยนเชินชักหงุดหงิด เขาทิ้งน้ำหนักลงตรงส่วนแขน ใบหน้า หล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้ไป๋เวยขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจอุ่นๆรดลงบน ใบหน้าของเธอ “ประธานไป ผู้ชายแบบผม ไม่ใช่ว่าผู้หญิงที่ไหน จะได้เจอง่ายๆ คุณไม่อยากลองสักหน่อยหรอ?”
ไป๋เวยแค่นเสียงห์ “คุณกู้คงคิดมากไป ฉันไม่สนใจรูปร่างคุณ ไม่ สนใจเสน่ห์อันเหลือล้นของคุณ ยิ่งไม่สนใจตัวคุณเข้าไปใหญ่
พูดจบ ร่างบางของไป๋เวยก็ลอดตัวออกจากวงแขนของเขาอย่าง รวดเร็วเหมือนงูที่เลื้อยออกจากอาณัติของกู้เยนเซิน
กู้เยนเซินกําหมัด เขาแหงนหน้าขึ้นก่อนจะคำรามเสียงดัง ไป๋ เวย นี่เธอยังเป็นผู้หญิงอยู่หรือเปล่าเนี่ย? ระดับฉันเธอบอกว่าไม่ ชอบ หรือเธอเป็นเบี้ยนหรือไง?”
ไป๋เวยรวบผมขึ้นเตรียมจะอาบน้ำ เธอหันกลับมามองกู้เยนเซินที่มีสีหน้าหงอยๆ “ฉันไม่ได้เบี้ยน แต่ฉันไม่ชอบเข้าร่วม กิจกรรมลงแขก”
“…” หลังเงียบไปหลายวินาที กู้เยนเซินถึงได้เข้าใจความหมาย ของไป๋เวย “ประธานไป๋ เธอด่าฉัน!”
“ฉันด่าหรอ? รอบตัวคุณกู้มีผู้หญิงผลัดเปลี่ยนเป็นว่าเล่น ได้ยิน ว่าวันนึงคนนึง แต่ละเดือนหน้าไม่ซ้ำกันสักคน ถ้านี่ไม่เรียกว่า ลงแขก เอ๋? งั้นคงเป็นดับเบิ้ลแขก?”
“พระเจ้า! นั่นเพราะเสน่ห์ของฉันมันเกินต้านทานต่างหาก!”
“ปิง!” ไปเวยปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง “หิวข้าวก็ไปทำกินเอง”
กู้เยนเซินไม่เข้าใจ เขาเอามือเท้าสะเอวยืนส่องกระจกพิจารณา รูปร่างกับใบหน้าของตนเองอย่างละเอียด ไม่ว่าจะดูยังไง หุ่นกับ ใบหน้าอันงดงามราวกับพระเจ้าบรรจงสร้างขึ้นมาให้เขานี่มันไม่ ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากกระโดดเข้ามาแอ้มทั้งนั้นแหละ แต่ทำไม ไป๋เวย ผู้หญิงคนนั้นถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยสักนิดนะ?
หรือเสน่ห์ของเขาเสื่อม?
หรือยัยนั่นเป็นท่อนไม้ในร่างมนุษย์?
ไป๋เวยปิดประตูห้องน้ำ แผ่นหลังพิงกับบานประตูสูดลมหายใจ เข้าลึกๆ หลังสงบจิตใจได้สักพัก จึงเรียกสติกับสายตาให้ออกมา จากภาพเมื่อครู่
แต่ม่านตาของเธอยังคงฝังใจอยู่กับรูปร่างดูดวิญญาณของกู้เย็น เซิน ซิกแพ็กเป็นมัดๆ รอยหยดน้ำที่ไหลไปตามคลื่นกล้ามเนื้อ ตรงแผงอก ไม่ว่าจะใบหน้าหรือร่างกายนั้น ล้วนสามารถทำให้ผู้ หญิงลุ่มหลงจนพร้อมถวายกายได้โดยไม่อาจปฏิเสธ
ไป์เวยปิดเปลือกตาแน่น บังคับตัวเองไม่ให้กลับไปนึกถึงภาพ เมื่อครู่
ไม่ได้!
เธอจะยอมให้ตัวเองไปผูกมัดกับกู้เยนเซินไม่ได้เด็ดขาด
กู้เยนเซินเป็นใคร แล้วเธอเป็นใคร?
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ไป๋เวยเดินไปหน้ากระจกด้วยความ หน่ายใจ แล้ววักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนใน กระจก ใบหน้างดงามอ่อนเยาว์กับเครื่องหน้าสมส่วน ผู้หญิงวัยนี้ที่ควรจะมีทุกอย่าง แต่ภายใต้ใบหน้านี้กลับ ซ่อนความกล้ากลืนฝืนทน
กู้เยนเซินเปิดตู้เย็นหาของกิน คาดไม่ถึงว่าจะเจอกับขวดยา มากมายที่วางอยู่หลังช่องใส่เครื่องดื่ม จากชื่อภาษาอังกฤษที่ เขียนทับอยู่บนขวด เกือบทั้งหมดเป็นยารักษาสําหรับผู้ป่วยโรค ซึมเศร้า
กู้เยนเซินหยิบขวดยาออกมาอ่านอย่างละเอียด ชายหนุ่มให้ ศีรษะไปทางห้องน้ำอย่างไม่อยากเชื่อ ไป๋เวยกินยาโรคซึมเศรา? เธอเนี่ยนะเป็นโรคซึมเศร้า?
เป็นไปไม่ได้มั้ง? ยัยนั่นดูยังไงก็เป็นผู้หญิงหนังเหนียวฆ่าไม่ ตาย คนรอบตัวเธอมากกว่าที่ควรจะเป็นโรคนี้น่ะ
แต่ว่า…ขวดยาพวกนี้มัน คงไม่ได้วางไว้ประดับตู้เย็นแน่
กู้เยนเซินวางขวดยากลับคืนที่เดิม ในใจสับสนวุ่นวาย หรือว่าไป เวยจะมีความลับอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้?
ไปเวยอาบน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา กลิ่นหอมของขนมปังปิ้ง ลอยมาเตะจมูก บนโต๊ะอาหารในรับแขกมีอาหารวางอยู่สองชุด เป็นอาหารฝรั่งเรียบง่ายที่ค่อนไปทางลวกๆ ขนมปังปิ้ง ราดซอสมะเขือเทศคู่กับสลัดผักกับไข่ดาว เสิร์ฟพร้อมกับนมสด
“คุณกู้ทำอาหารเป็นด้วยหรอ?”
กู้เยนเซินยักไหล่ “พูดอะไรของเธอ ระดับคุณชายผู้รอบรู้อย่าง ฉัน มีหรอจะทําเรื่องง่ายๆแค่นี้ไม่เป็น? อีกเดี๋ยวพอกินเข้าไป เกรงว่าจะทำประธานไป๋ร้องไห้แหกปากว่าอยากจะแต่งให้ฉันซะ มากกว่า!”
ไปเวยบีบนําออกจากมวยผม ก่อนจะเดินเข้าไปอย่างเชื่อครึ่งไม่ เชื่อครึ่ง “คุณกู้คงไม่ได้อาศัยจังหวะนี้ใส่ยาพิษลงไปในอาหาร หรอกนะ?”
“อย่าพูดเป็นเล่นไป ฉันก็แอบคิดอยู่เหมือนกันนะ ถ้าในบ้าน ประธานไป๋มียาพิษจริง งั้นขอยืมหน่อยสิ”
“ปากคุณกู้เป็นพิศขนาดนี้ ยังต้องใช้ยาพิษอีกหรอ?”
เหล่มองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะหลายครั้ง ไป๋เวยยังคงไม่กล้า เชื่อสายตา คิดไม่ถึงว่าคนเจ้าชู้แบบกู้เยนเซินเป็นงานครัวด้วย สงสัยต้องมองหมอนใหม่แล้ว
“ปากของประธานไป๋พิษแรงกว่า ผมไม่กล้าสู้หรอก”
“พูดมากอยู่นั่น กินข้าว กินเสร็จต้องไปโรงงาน
ไปเวยหยิบขนมปังขึ้นมากัดคำนึง ระยะเวลาที่ใช้ในการปิ้งกำลัง – ด้านนอกออกเกรียมนิดหน่อยราดด้วยซอสมะเขือเทศ รสชาติดี อย่างบรรยายไม่ถูก
กู้เยนเซินสำรวจร่างกายตัวเอง “ประธานไป๋จะให้ผมไปโรงงาน ด้วยสภาพแบบนี้? หรือจะให้ผมไปยั่วสวาทพนักงานสาวๆ?”
ทำไมจะไม่ได้? คุณกู้ถนัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่ เอาสันดานของ คุณออกมาใช้ ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก
“ชิท!”
ณ โต๊ะอาหารค่ำเช่นเดียวกันในวิลล่าแถบชานเมือง
ในมือลั่วหานกำลังถือหนังสือพิมพ์อยู่หนึ่งฉบับ กินข้าวพร้อม กับอ่านไปพลาง เมื่ออ่านไปถึงสกู๊ปข่าวนึงในหน้ากระดาษจึงเงย หน้าขึ้นมองหลงเซียวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ข่าวนี้มันหมายความว่ายังไง? ไม่หรูเฟยขอถอนหมั้น เพราะซุน ปิงเหวินได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้งสองข้าง เผยให้เห็นธาตุแท้ของ หญิงจอมอานาจ?”
สกู๊ปข่าวใหญ่ ตัวอักษรสีดำโดดเด่นพาดบนกระดาษข่าว พร้อม ภาพซุนปิงเหวินนอนบนเตียงประกอบอยู่ด้านล่าง
ข้อความด้านล่างเขียนเนื้อหาราวกับจะเอาตัวโม่หรูเฟยขึ้นลาน ประหาน คำพูดที่ใช้บรรยายไม่ต่างอะไรกับลูกปืนหรือคมดาบที่ เล็งไปหาเธอ
สายตานิ่มๆของหลงเซียวเหลือบดูรูปถ่ายที่อยู่บนหนังสือพิมพ์ ริมฝีปากบางเคี้ยวอาหารค่ำ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “คิดไม่ ถึงว่าคงหมิงจะจัดการเร็วขนาดนี้”
ลัวหานยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ “หมายความว่า คุณเป็นคนบงการ เรื่องนี้หรอ?”
แววตาของชายหนุ่มเผยรอยยิ้มบางแฝงนัยยะ ก่อนจะพูดตรงไป ตรงมา สมกับเป็นคุณเมียสุดฉลาด ไม่ทันไรก็ดูออกจนได้ ลองดู ที่รักว่าสํานักพิมพ์นี้เป็นของใคร?
ลั่วหานพลิกไปดูมุมซ้ายบน มีโลโก้ของMBKประทับอยู่ แน่นอน ว่านี่เป็นสํานักพิมพ์ใหญ่ในเมืองหลวงที่MBKได้ซื้อไว้ งั้นก็ ชัดเจนว่าเรื่องของโม่หรูเฟย เป็นสํานักพิมพ์MBKรายงานเพียงเจ้าเดียว
“โม่หรูเฟยจะล้มเลิกงานแต่งกับซุนปิงเหวินจริงๆหรอ?ทำไมฉัน ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน? นักข่าวเข้าใจผิดหรือเปล่า?
“ที่รัก ข่าวบันเทิงน่ะนะ มีมูลบ้างไม่มีมูลบ้าง อาจจะจริงหรือแค่ ข่าวลวง วันนี้อย่างนึง เดี๋ยวพรุ่งนี้อีกอย่าง จะเอามาเชื่อเป็นตุ เป็นตะได้ยังไงล่ะ? แต่เรื่องงานแต่งของโม่หรูเฟยกับซุนปิงเห วิน…ก่อนหน้านี้เธออาจจะมีแพลนล้มเลิกอยู่แล้วก็เป็นได้ แต่ตอน นี้คงไม่แล้วล่ะ”
ลั่วหานสบตากับหลงเซียวด้วยดวงตาเป็นประกาย เข้าใจในทันที “คุณคิดจะใช้คำวิจารณ์ของมหาชนมากดดันไม่หรูเฟย ทำให้เธอ ไม่กล้าล้มเลิกงานแต่ง? หลงเซียว คุณนร้ายจริงๆ จะต้อนไม่หรู เฟยให้จนมุมเลยสินะ
หลงเซียวยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วเอียงไปมา พร้อมสบสายตาของ หญิงอันเป็นที่รัก “จะว่าอย่างงั้นก็ไม่ถูกนะคุณนายหลง ถ้าเทียบ กับ โม่หรูเฟยทำ การที่ฉันไม่ส่งคนไปจับตัวหล่อนมากราบ ขอโทษคุณภรรยา ก็นับว่าฉันปรานีมากแล้ว ยัยนั่นต้องขอบคุณ ฉันถึงจะถูก”
ริมฝีปากนุ่มชมพูละมุนก็ฉีกยิ้มกว้างออกจนได้ กลิ่นหอมไวน์ จากร่างของคนที่กำลังเมาได้ที่คละคลุ้งไปทั่วห้องอาหาร “คุณหลง เข้าใจยืมมือคนอื่นมาฆ่าคนดีนะคะ ข้าน้อย นับถือ นับถือ!”
“แค่ใช้อำนาจทําลายอำนาจก็แค่นั้น คุณนายหลงชมเกินไป ชม เกินไป”
วิลล่าตระกูลโม่ ท้องฟ้ามืดสนิท ภายในห้องรับแขกที่แสน เคว้งคว้าง
ฟู่เหวินฟางโอบเอวโม่หรูเฟย ทั้งคู่นั่งอยู่บนโซฟาโดยที่ต่างก็ไม่ พูดอะไร มีอข้างนึงของหญิงสาวจับชายเสื้อแน่น เล็บยาวจิกเข้า กับฝ่ามือจนเกิดเป็นรอยจําแดงๆราวกับเป็นรอยเลือด
โม่ล่างคนเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องรับแขกไม่รู้กี่รอบ ดวงตาทั้ง สองข้างมีประกายไฟลุกอย่างโมโห เขาถอนหายใจหนักแล้วหัน ไปมองลูกสาว “ตอนนี้จะเอายังไง? ตอนนี้พวกสื่อกับนักข่าวเล่น เรื่องนี้กันไม่หยุด ที่สําคัญนี้เป็นสํานักพิมพ์ของMBK พ่อหมด ปัญญาจะสั่งให้พวกเขาลบ ที่สำคัญตอนนี้ในโลกออนไลน์ก็เป็นก ระแสใหญ่โต คงจัดการไม่ง่าย
ดวงตาของโม่หรูเฟยปรากฏเส้นเลือดแดง “หลงเชียว…หลงเซียวอีกแล้ว เหอๆ มาไม้นี้มันชักจะเกินไปหน่อย!”
ฟู่เหวินฟางจับมือของเธอ แล้วพูดปลอบใจอย่างเป็นห่วง “เฟยเฟยอย่าหาอะไรหุนหันพลันแล่น ตอนนี้ นปิงเหวินกลาย เป็นคนพิการไปแล้ว คงยากที่หมอนั่นจะกลับมายืนได้อีก แต่เธอ อายุยังน้อย จะแต่งให้คนพิการแบบนั้นได้ยังไงกัน? ไม่ ฉันไม่ ยอมให้เธอแต่งกับมัน!
โม่หรูเฟยเช็ดน้าตาที่ไหลออกมาจากหางตา ก่อนจะแสยะยิ้ม เป็นรอยเย็นยะเยือกที่ราวกับมาพร้อมอากาศในยามค่ำคืน แม่คะ ขนาดคุกหนูยังเคยผ่านมาแล้ว กะอีแค่แต่งงานให้ซุนปิงเหวินมัน คงไม่หนักหนาอะไรมั้งคะ? แถมสถานการณ์ของตระกูลโม่ตอนนี้ ถ้าขืนโดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอีก หุ้นบริษัทยังเหลือ อะไรหรอคะ? นี่เป็นเวลาสำคัญ หนูไม่อาจตัดสินใจพลาดได้อีก
“แต่เฟยเฟย เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตทั้งชีวิตของลูก…”
โม่หรูเฟยแสยะยิ้ม แววตาว่างเปล่าสิ้นหวัง “คุณแม่คะ ชีวิตนี้หนู รักได้แค่หลงเขียวคนเดียว ถ้าไม่ได้แต่งให้เขา แต่งให้ใครก็ไม่ สําคัญอีกต่อไป จะต้องแต่งกับคนพิการหรือไม่พิการ หนูก็แต่งให้ กับร่างกายคนไม่ต่างกัน เพียงแต่ตอนนี้ซุนปิงเหวินกลายเป็นร่าง ที่พิการไปแล้วก็เท่านั้น
โม่ล่างคุนได้ยินลูกสาวพูดแบบนั้น สีหน้าก็ดำทะมึน “หมายความว่าลูกยังยืนยันจะแต่งให้ไอหมอนั่นอยู่ใช่ไหม?”
“ค่ะ หนูจะแต่งให้เขา ตระกูลโม่กับตระกูลซุนร่วมมือกันพอจะมี โอกาสเอาชนะเขาได้ ถึงหนูจะแพ้เรื่องความรัก แต่ชีวิตหนูจะไม่ แพ้เด็ดขาด หนูจะทำให้หลงเซียวต้องเหมือนตายทั้งเป็น!”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ