ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 180 เพิ่งคิดออกหรือไง



ตอนที่ 180 เพิ่งคิดออกหรือไง

ท่านเขียวแกว่งกาแฟในแก้วไปมา มืออีกข้างวาง ไว้ตรงกระเป๋ากางเกง เอนไหล่พิงหน้าต่าง ร่างกาย ที่สูงโปร่งของเขาดูมั่นคง เวลาที่มีแสงอาทิตย์ส่อง ผ่าน เพียงแค่ระเบียดนิ้วเดียว ก็ทำให้ดูโดดเด่นได้ แล้ว

ส่วนหลงจื่อก็ยังคงหัวเราะราวกับเด็กไม่มีผิด “ดูที่ พี่ใหญ่พูดสิ ผมก็แค่อยากขับรถคันนั้นก็เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นรถคันไหนของพี่ใหญ่ผมก็ชอบทั้งนั้นล่ะ

สองปีมานี้ ความสัมพันธ์ของเขากับหลงจี๋อก็เริ่ม สนิทสนมกันมากขึ้น คำพูดคำจาก็ยิ่งถือว่าเขากลาย เป็นน้องชายแท้ๆ ของเขาไป ความสัมพันธ์ของทั้ง สองคนตอนนี้ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมาย ตั้งแต่ตอนที่ฉู่ลั่วหานจากไป

พลันหลงเซียวก็พูดขึ้น “ในเมื่ออยากจะขับ พรุ่งนี้ก็ มาเอาไปซะสิ”

ในเมื่อแอนน่าไม่อยากจะขับ ให้เขาขับไปก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอก

แต่ว่า จู่ๆ หลงจื่อ มีปฏิกิริยาบางอย่าง มันไม่ถูก ต้องสิ เขาไม่อยากจะมายืมรถขับจริงๆ สักหน่อย เขามาตามหาคนต่างหาก!

“รอสักเดี่ยวสิพี่ใหญ่ ผมเองก็มีรถขับอยู่แล้ว ก็ แค่อยากจะมาถามพี่ใหญ่เท่านั้น ว่าวันนี้คนที่ขับ รถพี่คันนั้นน่ะเป็นใคร ตอนผมขับอยู่ที่ทางหลวง หมายเลขหนึ่งสองศูนย์สื่น่ะ ผมเห็นสาวสวยคนหนึ่ง ขับรถของพี่ใหญ่ ตอนแรกผมก็กะว่าจะตามไปถาม ให้รู้เรื่องนั่นแหละ แต่ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ฝีมือดี เหลือเชื่อ อีกนิดเดียวก็แทบจะทําผมกระเด็นแล้ว สรุปว่าพี่ใหญ่รู้ไหมครับว่าเธอเป็นใคร?

แอนน่าหรือ? คิดไม่ถึงว่าเธอเกือบจะสลัดทิ้งเสี่ยว จื่อได้เชียวนะ แถมฝีมือของเสี่ยวจื้อก็ยังไม่เป็นสอง รองใครอีกด้วย

หลงเชียวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกประหลาด แต่ก็พยายาม อดใจไม่ให้เดินไปดูทางห้องครัว

“ เป็นคนที่นายไม่ควรจะรู้จักหรอกนะ อีกอย่างนะ เสี่ยว อ ตอนนี้นายเองก็เรียนจบแล้ว ในเมื่ออยากจะเรียนรู้หน้าที่ในบริษัท ก็เก็บความใคร่รู้นั้นไว้บ้าง

นะ”

พลันรู้สึกเหมือนลมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว บรรยากาศที่พี่ใหญ่แสดงออกมาตอนนี้ มันกำลังกด ดันหลงจื้อไว้อยู่

หลงจื่อเองก็ทําได้เพียงโค้งหัวลง “ครับ ผมจะเชื่อ ฟังพี่ใหญ่ แต่ว่าพี่ใหญ่ครับ..

“เอาล่ะ เท่านี้ก่อนเถอะ”

หลังจากที่มองดูหน้าจอมือถือที่พี่ชายตัดสายทิ้ง

ไป หลงจี๋อก็ยังรู้สึกไม่ยอมแพ้ ผู้หญิงที่ดูเร่าร้อนคน นั้น เขาจะต้องหาวิธีทำความรู้จักกับเธอให้ได้ เขาจะ ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แบบนี้แน่ ไม่อย่างนั้นคงน่า

เสียดายออก

ขณะเดียวนั้น ณ บ้านตระกูลโป

ฟู่เหวินฟางกำลังดึงมือของลูกสาว “เฟยเฟย ลูก อย่าเพิ่งกลับห้องก่อนนะ แม่มีเรื่องที่จะคุยกับลูกน่ะ”

ตอนนี้โม่หรูเฟยกลัวว่าตัวเองจะถูกถาม เรื่องเกี่ยว กับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลงเซียว เพราะมัน ยากที่จะเอ่ยออกมา และเธอก็คงไม่ยอมที่จะเสีย หน้าต่อหน้าพ่อกับแม่ด้วย

เล็บมือที่เป็นประกายขยับไปมา ก่อนจะพูดทั้งๆ ที่ ไม่เงยหน้าขึ้น “แม่อยากจะพูดอะไร แม่ก็พูดตรงนี้ เลยก็ได้นี่คะ พอดีหนูอยากจะไปพักเร็วๆ น่ะค่ะ”

พลันหนังสือพิมพ์ในมือของโม่ล่างคุนก็สั่นไปมา ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แกมไม่สบ อารมณ์ “เฟยเฟย ระหว่างลูกกับหลงเซียว มันเกิด อะไรขึ้นล่ะ?”

ที่แท้ ก็ถามเรื่องนี้จริงๆ ด้วย

“จะเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะคะ ตอนนี้หนูเป็นคู่หมั้นของ เขานะ ตระกูลหลงเองก็ไม่เคยแต่งงานมีเหย้ามีเรือน มาก่อน แบบนี้ยังจะต้องถามอะไรอีกหรือคะ?”

ฟู่เหวินฟางสางผมของลูกสาวไปมา ก่อนจะยิ้ม อย่างปิดความกังวลใจไว้ไม่มิด ก่อนจะพูดไปตรงๆอย่างอดไม่ได้ “เฟยเฟย ตั้งแต่ ลูกหมั้นกับหลง เขียวมาถึงตอนนี้ น้อยมากเลยนะที่แม่ได้เห็นลูกกับ เขาอยู่ด้วยกันน่ะ อีกอย่าง ตั้งแต่สองปีก่อนหน้านี้ ลูก…ร่างกายของลูกไม่ดีเลย หรือว่าความสัมพันธ์ อะไรขึ้นหรือเปล่า? หยวนซูเฟิน ของพวกลูกจะเกิดอะไ เองก็ถามมาเหมือนกัน ว่าท้องของลูกเป็นอย่างไร บ้าง…

พลันโม่หรูเฟยก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ก่อนจะสะบัด มือของเธอทิ้ง แล้วพูดด้วยความฉุนเฉียว “แม่คะ! นี่ แม่หมายความว่ายังไงกัน! ตอนนี้แม่จะหาว่าท้อง ของหนู มันด้อยไปแล้วใช่ไหมคะ?”

” แม่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะลูก แม่ก็แค่รัก และเป็นห่วงลูก นี่ลูกไม่เข้าใจหรือ?” ฟู่เหวินฟาง ปลอบโยนลูกสาว

“พ่อคะ แม่คะ ความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับพี่เซียว ยังดีเหมือนเดิม พวกเราจะต้องแต่งงานกันแน่นอน ค่ะ หนูจะไปพูดกับเขาให้รู้เรื่อง แม่คะ แม่ก็ต้อง กดดันทางตระกูลหลงเขาสักหน่อยบ้างนะคะถึงจะ ได้!”

โม่ล่างคนยังคงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ แม่จะไปพูดกับตระกูลหลงให้รู้เรื่องเอง ลูกของแม่ คนนี้ จะต้องมีฐานะชื่อเสียงให้เร็วที่สุด

ตกเย็น ณ บ้านพักหลงเซียว

หลังจากที่แอนน่าเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เมื่อ อาบนํ้าล้างหน้าเสร็จ มือถือของเธอก็ส่องประกาย สว่างวาบอยู่บนเตียง

ซึ่งมันเป็นเบอร์โทรทางไกลระหว่างประเทศ แสดง ว่าแม่ของเธอโทรมาแน่ๆ

“แม่ ขอโทษนะคะ ตั้งแต่มาถึงที่ประเทศจีนก็ เอาแต่ยุ่งอยู่หลายวันเลย เลยลืมที่จะโทรหาแม่ไป เลยน่ะค่ะ”

แอนน่าใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกปอนของเธอไป มา น้ำเสียงดูอ่อนโยนลงกว่าเดิมมาก ซึ่งได้มิ้นก็ กําลังสวมเสื้อกันหนาวอยู่พอดี

ได้มิ้นถือมือถือคุยอยู่แบบนั้น ก่อนจะควบคุมความ คิดถึงที่มีต่อลูกสาวไม่อยู่ “แอนน่า ใช้ชีวิตที่ประเทศจีนคุ้นเคยบ้างหรือยัง? ไปเที่ยวที่ไหนมา แล้วบ้างล่ะลูก?”

เที่ยวงั้นหรือ? ไปวนรอบเมืองนี้ถือว่าเที่ยวไหมนะ?

แอนน่าเปิดหน้าจอแท็บเล็ตขึ้น ก่อนจะเริ่มค้นหา เมืองๆ หนึ่ง “ไปสิคะแม่ หนูไป…กุ้ยหลินมาล่ะ คนที่นี่ บอกเอาไว้ว่า ที่กุ้ยหลินถือเป็นยอดในใต้หล้าเลยนะ คะ สวยงามมากเลยค่ะ”

ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว หากลูกชอบก็ไปให้เยอะๆ นะ ลูก ยังมีพวกหางโจว ซีหูอีกที่สามารถไปเที่ยวได้ แม่ กับพ่อเองเคยไปที่ไหนมาเมื่อหลายปีก่อนแล้วล่ะ”

“โอเคค่ะแม่! หนูจะเชื่อแม่ค่ะ ! ” เธอตอบรับพลาง ยิ้มกว้าง แต่เพียงครู่เดียว กลับนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ไปเสียยังงั้น

แอนน่าเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรได้บางอย่าง ด้วย ประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลม การที่แม่โทรมาหาเธอ แบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างพวกกินดื่มเที่ยวเล่น อะไรแบบนั้นแน่นอน ดังนั้นเธอจึงเลือกทําลายความเงียบขึ้น “แม่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ? บอกหนู มาตรงๆ เลยดีกว่านะคะ”

เฉียวหยวนฟานกับได้มมหันมามองหน้ากัน ก่อนจะ พูดขึ้น : “แอนน่า ทางตระกูลตู้เขาถามมาน่ะลูก ว่า เรื่องแต่งงานลูกจะเอายังไง? ลูกอยากได้งานแต่ง แบบไหน? อยากจะไปจัดงานแต่งที่ไหนหรือเปล่า?”

แอนน่าขมวดคิ้วแน่น พลันผ้าขนหนูในมือก็หล่นลง กับพื้น เธอเองก็ไม่ได้ก้มไปเก็บมันขึ้นมา “ไม่ได้บอก ว่าจะให้หนูลองพิจารณาดูก่อนหรือคะ? ทำไมถึงได้ เร่งแบบนี้กันล่ะ?”

เฉียวหย่วนฟานพลันพูดขึ้น “พ่อเองก็ได้อธิบาย กับตระกูลตู้ไปแล้วล่ะ ว่าพวกเราทำได้เพียงปล่อย ให้ลูกเรียนรู้ไปก่อน ลูกไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกนะ ผ่อนคลายเสียบ้างก็ดี”

ได้มึนเองก็รีบหัวเราะ “ไม่มีอะไรต้องกังวลนะลูก มี จิตใจที่ร่าเริงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนะจ้ะ ส่วนเรื่อง ตระกูลตู้เดี่ยวพวกแม่จะไปอธิบายให้ฟังเองนะ”

แอนน่าอดทนไม่ได้หรอก ที่จะทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้ เธอจึงเม้มปากแน่นพลางพูด “หนู จะรีบปรับตัวให้เร็วที่สุดค่ะ อีกเดี๋ยวหนูจะโทรไป อธิบายกับเขาให้ชัดเจนเอง แม่กับพ่อไม่ต้องไปที่ บ้านตระกูลตู้หรอกนะคะ”

หลังจากวางสายไป ในใจของแอนน่า มีอารมณ์ หลากหลายพรั่งพรูเข้ามา

ตระกูลตู้ถือเป็นตระกูลที่มีอำนาจแข็งแกร่งมาก ในประเทศอเมริกา ถึงแม้ว่าตระกูลเฉียวจะไม่ได้ อ่อนแอก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับตระกูลตู้แล้ว มันก็ แตกต่างกันอยู่ดี ส่วนเรื่องแต่งงานนั้น……..

ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้นไปอีก

ใครจะรู้ล่ะ ว่าเขาจะโทรมาหาเธอ ก่อนที่เธอจะ โทรไปหาเสียอีก

“เควิน…

แอนน่าเอามือค้ำหน้าผากไว้ ก่อนจะกดรับสายขึ้น

ขณะที่หลงเขียวกำลังเดินออกมาจากห้องนอนนั้น เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ได้ยินเสียงของแอนน่าค้งออกมาจากโถงทางเดิน แถมยังพูดเป็นภาษา อังกฤษเร็วปร่อเสียด้วย

ขณะที่เขาเดินมาตรงบันได จากภาษาอังกฤษ

เปลี่ยนเป็นภาษาฝรั่งเศสทันที พูดไปพูดมาก็กลับ ไปเป็นภาษาอังกฤษอีกแล้ว หลงเซียวได้ยินก็ขมวด คิ้วแน่น หลังจากที่เดินลงไปได้ไม่กี่ก้าว สุดท้ายเขา ก็ได้ยินแอนน่าพูดภาษาสเปนออกมา

เนื้อความดูฟังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ แต่ความ หมายส่วนใหญ่ก็น่าจะกำลังทะเลาะกันอยู่ อีกอย่าง แอนน่าก็ไม่ใช่คนปากร้ายที่จะทะเลาะกับใครไปทั่ว แบบนั้น แต่การทะเลาะของเธอ ดูเหมือนว่ากำลัง ดิ้นรนให้อีกฝ่ายยอมแพ้เสียมากกว่า

พอถึงตอนสุดท้าย แอนน่าก็พูดภาษาฝรั่งเศสเพียง ไม่กี่ประโยค ที่ฟังดูเหมือนจะเป็นคำหยาบออกมา แล้วการสนทนาก็จบลงทันที

หลงเซียวทําหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะเดินมาถึงห้อง โถง โดยทําเป็นไม่ได้ยินอะไร จากนั้นเขาก็เดินเลี้ยว ซ้าย เข้าไปยังตู้เก็บเหล้าทันที

แอนน่าโยนมือถือทิ้งอย่างรําคาญใจ เธอเปิดประตูออกไป ตอนนี้ที่ห้องโถงดูเงียบเชียบ ไร้ซึ่ง เสียงใดๆ จากนั้นเธอก็ดึงผ้าม่านขึ้น เพื่ออาศัย แสงจันทร์จากด้านนอกที่สาดส่องเข้ามาแทน ชั่ว ขณะนั้น แอนน่าเดินลงบันไดไปชั้นล่าง เพื่อดื่มน้ำ สักสองสามแก้ว ไม่อย่างนั้นแล้วเธอคงจะนอนไม่ หลับแหงๆ

ใครจะรู้ล่ะ ว่าขณะ ที่กำลังจะหันหลังกลับไปนั้น เธอก็มองเห็นหลงเซียว ที่สวมชุดนอนสีขาว กำลังนั่ง หันหลังให้เธอเงียบๆ อยู่ที่บาร์นั้น ร่างกายที่ดูเป็นสี ขาวขมุกขมัว แทบจะทำให้เธอตกใจตาย

แอนน่าตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น ก่อนจะเดิน ไปจําหนิด้วยความไม่พอใจ ดึกดื่นป่านนี้แล้วแถม ไม่ยอมเปิดไฟ แถมยังมานั่งตรงนี้อีก คิดจะทำให้ฉัน ตกใจตายหรือไงกันคะ?”

หลงเซียวยกเหล้าที่มีอยู่ครึ่งแก้วขึ้นดื่ม โดยไม่ได้ หันหน้ากลับมาหา เขาทําเพียงลิ้มรสความหอมของ เหล้าอย่างเงียบๆ ไปแบบนั้น “เธอเองก็มีชีวิตเป็นอยู่ ที่ดีแล้วไม่ใช่หรือไง?”

ช่างมันเถอะ แอนน่ารู้สึกว่าคงไม่ได้ยินอะไรที่มัน ไพเราะ ออกมาจากปากของเขาได้หรอกแต่ขณะที่เธอกำลังจะไปเปิดไฟที่บาร์นั้นเอง ชาย ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ห้ามเธอไว้ “อย่าเปิดไฟนะ ไม่อย่าง นั้นฉันจะดื่มเหล้า และพาเธอกลับห้องทั้งอย่างนี้ เลย”

ประสาทหรือเปล่า! นี่คิดจะดื่มเหล้าไปทั้งอย่างนี้ หรือไง?

เอาเถอะ ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะมาทะเลาะด้วย หรอก เพราะเมื่อกี้นี้เธอเพิ่งจะรู้สึกหงุดหงิดไป หมาดๆ เธอจึงรินวิสกี้ให้กับตัวเองครึ่งแก้ว ก่อนจะ ไปนั่งเก้าอี้ยกสูง ข้างๆ หลงเซียวพอดี

“หัวใจเป็นแบบนั้นยังจะดื่มเหล้าอยู่อีกหรือไง คะ? ดูเหมือนว่าคุณไม่ได้อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ เลยนะคะเนี่ย” เธอยกเหล้าขึ้นจิบ ทั้งเข้มข้น และ กลมกล่อม “เหล้าที่เก็บสะสมไว้นี่ไม่เลวเลยนะคะ ดู เหมือนว่าจะเป็นรสนิยมของคนรวยสินะคะ”

หลงเซียวหัวเราะ “เพิ่งจะทะเลาะกับคู่หมั้นตัวเอง มาหมาดๆ แต่ยังมีกะจิตกะใจจะดื่มเหล้าอีกหรือ ดู เหมือนว่าเธอจะไม่เหมือนผู้หญิงเอาเสียเลยนะ”

แอนน่าคิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะโต้กลับมาแบบนั้น”ก็ที่ฉันดื่มเหล้า เพราะว่าทะเลาะมายังไงล่ะ แล้ว คุณล่ะ? ตึก นป่านนี้จะมาดื่มเหล้าทำอะไรกันคะ?”

หลงเขียวหาเพียงแกว่งแก้วเหล้าไปมา โดยที่ไม่

ได้ดื่มมันลงไป “ฉันน่ะหรือ? อยากจะทะเลาะกับใคร บางคนน่ะสิ แต่ทําไม่ได้

ดังนั้นก็เลยมาดื่มเหล้า ไงล่ะ

เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน เมื่อยิ่งดึกก็ยิ่งเงียบ มัน คิดถึงจนใจจะขาด โดยไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้

แอนน่ายักไหล่ ก่อนจะยกขึ้นดื่มอีกอีกหนึ่ง โดย ไม่สนใจอารมณ์หงุดหงิดของเขา “แล้วมันเกี่ยวข้อง อะไรกับต้นการ์ดิเนียที่อยู่ชั้นสามหรือเปล่าคะ? ใน สวนของคุณ ปลูกต้นการ์ดิเนียไว้ดีที่สุดเลยนะคะ ฉันคิดว่าคุณน่าจะเป็นคนตัดแต่งเองสินะคะ”

เธอเองก็เป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่งเลย ฉลาดถึง ขนาดที่ว่า เพียงแวบเดียวก็คิดออกแล้ว โดยไม่ ต้องการเวลาสักนิด

หลงเซียวไม่ได้ตอบกลับเธอไป แต่กลับถามเธอ ขึ้นมาว่า “เธอต้องไม่เคยรักใครมาก่อนแน่นอนเลย นะ คุณแอนน่า”

แอนน่าทำเพียงหัวเราะ เท่านั้น เมื่อตอนกลางวัน แทบจะตรงกันข้ามกับเขาเลย มาตอนนี้กลับมาถาม เธอเรื่องความรักแล้ว นี่เขาเป็นโรคขี้หลงขี้ลืมอะไร หรือเปล่า?

“ทําไมต้องไม่เคยมีความรักล่ะ? ฉันไม่เข้าใจ แล้วก็

ไม่อยากจะคิดด้วยค่ะ”

ทีเขาเตือนเธอแบบนี้ ทําให้แอนน่ารู้สึกว่ามัน กลัดกลุ้มในใจ ราวกับถูกเขาเปิดเผยความในใจของ เธอ ว่าเธอไม่เคยรักใครมาก่อนจริงๆ

หลงเซียวเองก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น ซึ่งมันดูเยือกเย็น เสียยิ่งกว่าแสงของพระจันทร์เสียอีก “ฉะนั้นแล้ว เธอก็เลยไม่เข้าใจสินะ”

ช่างน่ารําคาญจริงๆ !

เรื่องรักๆ ใคร่ๆ อะไรพวกนี้ มันช่างน่ารำคาญที่สุด แล้วคุณกับสาวสวยที่สวมชุดเดรสวันนั้น พูดคุยกัน ไปจนถึงขั้นแต่งงานแล้วหรือยังล่ะคะ? บังเอิญจ๋งเลยนะคะ ฉันเองก็ต้องแต่งงานเหมือนกัน เอาล่ะ เพื่องานแต่งที่กำลังจะมาถึงของพวกเรา ชนแก้ว”

แอนน่าหันหน้าไปสบตากับหลงเซียวพอดี ตาทั้ง สี่ประสานกัน ทั้งสองคนต่างมองจดๆ จ้องๆ กันอยู่ ภายใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนไปมา ในภาพที่ดูมืดสลัว แบบนี้ กลับเห็นแสงจันทร์สีขาวนวล ที่ส่องสะท้อน มายังแก้วคริสตัลได้อย่างสว่างชัดเจน

ฝ่ายหญิงเผยรอยยิ้มอย่างอวดดีขึ้นมา พร้อมด้วย แววตาที่เป็นประกายวิบวับ ถึงจะเป็นแค่การดื่มเหล้า ก็ตาม แต่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างคลุมเครืออยู่

เธอยื่นแก้วเหล้ามาต่อหน้าเขา แต่เขากลับวางแก้ว ไว้ ไม่ได้ยกไปชนกับเธอ จากนั้นก็เดินออกไปโดย ไม่พูดอะไรสักคำ

ทันทีที่หลงเซียวเดินออกไป แอนน่าก็ยกแก้วเหล้า ขึ้นดื่มจนเกลี้ยง ก่อนจะมองตามแผ่นหลังของเขา ไป พร้อมทั้งหัวเราะเยาะ พลางพูดด้วยท่าทีของ หมอ “หัวใจของคุณต้องเจ็บปวดแน่ ไม่ใช่เป็นเพราะ สรีระหรือว่ากายภาพ แต่มันเป็นที่หัวใจของคุณ หากคิดอยากจะกําจัดมันไปล่ะก็ คุณก็ต้องหาต้นตอของมันเท่านั้น”

หลงเขียวหยุดฝีเท้าลงครู่หนึ่ง “เธอ…จะพูดเยอะ เกินไปแล้วนะ”

“ไม่ว่าคุณจะยอมรับหรือปฏิเสธ สิ่งที่ฉันพูดมันกี เป็นความจริง”

พลันหลงเซียวก็ตัดสินใจที่จะไม่สนใจเธอต่อ

แอนน่าเองก็เบ้ปาก ผู้ชายแบบนี้ มีอารมณ์ที่ไม่ แน่นอน แถมนิสัยก็ยังอวดดีเย็นชา หากจะป่วยตาย เพราะความไร้น้ำใจแบบนั้น ก็คงสมควรแล้วล่ะ

แต่รุ่งเช้าวันต่อมาก็เกิดเรื่องขึ้นทันที ซึ่งนั่นทำให้ แอนน่าเข้าไปพัวพันอย่างยากที่จะหลุดพ้น

เธอมองดูบัตรเชิญที่เขายื่นมาให้เธอซ้ำไปซ้ำมา “นี่ มันหมายความว่ายังไงกันคะ?”

หลงเซียวที่กำลังกินข้าวเข้าไป อ่านหนังสือพิมพ์ ไป ก็พูดขึ้นมาอย่างเอ้อระเหย “ก็เห็นชัดอยู่แล้วนี่ จดหมายเชิญยังไงล่ะ193156683_483817986005233_290477675636145963_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ