ตอนที่ 521 น่าขายหน้ามาก
ตอนที่ 521 น่าขายหน้ามาก
ว่ายังไงนะ? อะไรนะ?
เกา งอานสะดุ้งตกใจ จู่ๆสีหน้าหม่นหมองเมื่อกี้ก็หายไป อย่างไร้ร่องรอย เขาโมโหจนมือสั่นเทา พร้อมกับยกมือทุบลง หน้าต่าง ราวกับว่าสามารถทุบลงบนหัวของโจวโร่หลิน
“เฮ้ย! ผมฝืนใจเธอหรอ?”
เกาจิ่งอานยังคงโมโหอยู่ เขามีสีหน้าแดงก่ำ และรู้สึกไม่ สบายเนื้อสบายตัวเลย บอกว่าเขาฝืนใจเธอ พูดจาเหลวไหล สิ้นดี! นี่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีกันชัดๆ!
หลงเซียวยังคงมีท่าทางสงบนิ่ง พร้อมกับยกกาแฟขึ้นมาจิบ หนึ่งคํา ทําไมหรอ? หลังจากเกิดเรื่องมีคนเห็นหรอ เลยรู้สึก กังวลแบบนี้?”
เกาจึงอานยกมือขึ้นมากุมหัวอยู่สักพัก จึงจะสามารถสงบสติ อารมณ์ลงได้ จากนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “เธอพูดแบบนี้กับคุณ หรอ? เป็นผมหรอ?”
หลงเซียวพยักหน้า พร้อมขมวดคิ้วเรียวงามอย่างรำคาญใจ เหมือนกับไม่ค่อยอยากจัดการเรื่องนี้ “ใช่ เธอเป็นคนพูดด้วย ตัวเอง หลังจากเกิดเรื่องนายทอดทิ้งเธออยู่โรงแรมโดยไม่บอกไม่กล่าว จนหญิงสาวร้องห่มร้องไห้อย่างเสียใจ”
“หะ! เธอเสียใจหรอ? เธอเสียใจเรื่องอะไรหรอ? คนที่ควร เสียใจคือผมต่างหาก หัวใจของผมแตกแตกสลายหมดแล้ว!” เกา งอานอธิบายให้กับตัวเองอย่างไม่ละเลิก ยิ่งพูดเขาก็ยิ่ง อารมณ์ขึ้น และอึดอัดใจ
เมื่อหลงเซียวเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็วางแก้วกาแฟ ลง และพูดด้วยน้ำเสียงคมเข้มว่า “หรือว่ามันไม่เป็นแบบนี้ หรอ?”
เกาจิ่งอานลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระวนกระวาย และพูดด้วย น้ำเสียงรีบร้อนใจว่า “แน่นอนว่าไม่เป็นแบบนี้ เมื่อคืนเป็นเธอ
เมื่อพูดได้ครึ่งประโยค เกาจิ่งอานก็เบรกหยุดรถ ไม่ได้ไม่ได้ หากยอมพูดความจริงว่าเขาถูกคนฝืนใจ คงน่าขายหน้ามาก แน่ ยังไงก็ไม่ยอมแน่!
ดังนั้นเขาเลยเม้มปากอย่างแน่น พร้อมกลืนคำพูดทั้งหมดลง ไป ไม่ยอมปริปากพูด
“เมื่อคืนทำไมหรอ? ว่ามาสิ” หลงเซียวจ้องมองเขาด้วย สายตาสงสัย ยิ่งเขามีท่าทางผิดปกติมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งบ่งบอก ว่ามีเงื่อนงำอยู่
เกาจิ่งอานเปลี่ยนใจพูดว่า “ผู้หญิงคนนั้นซื่อบื้อมาก แค่ผมไม่ทันระวังตัวก็ขึ้นแล้ว ทำไมหรอ?”
ห่ะ!
หลงเซียวยิ้มแย้ม “ทำไมหรอ? นายบอกว่าทำไมหรอ? คำพูด ของหญิงสาว ฉันบอกให้กับนายอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ พอฟังจบ นายกลับ
เกาจิ้งอานนั่งลง และพยายามปรับอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง เรื่องมาถึงหูของฉู่ลั่วหานและหลงเซียวแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดี แน่ เขาทำปากมุ่ย และพูดขึ้นว่า “เธอพูดว่าอะไรหรอ? หรือว่า ต้องการให้ผมรับผิดชอบเธอ โดยการแต่งงานหรอ? เหลวไหล สิ้นดี”
เกาจิ่งอานยกเท้าข้างหนึ่งนั่งไขว้ขา แล้วยกมือตบบนขาเบาๆ พร้อมแข่งเท้าเล็กน้อย ดูแล้วมีท่าทางกำเริบสืบสานไม่น้อย
“นายอยากแต่งงานกับเธอ แต่เธออาจจะไม่อยากแต่งงานกับ นายก็ได้ หญิงสาวคนนั้นมีอารมณ์ฉุนเฉียว และมีหลักการ ซึ่ง ไม่เหมือนกับเหล่าผู้หญิงเมื่อก่อนของนาย
“ห่ะ หากไม่ใช่เพราะเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงที่ทำเป็นเล่นตัว แต่แฝงเจตนา พี่ใหญ่ว่า ตกลงเธอคิดยังไงกันแน่ ผมไม่อยาก เชื่อเลยจริงๆทำแบบนี้ เธอจะขึ้นสวรรค์ได้?
เกาจิ่งอานเม้มปากเล็กน้อย พร้อมแสดงท่าทางมั่นใจว่าตัวเองสามารถจัดการทุกอย่างเรียบร้อย
หลงเซียวหยิบเอาจดหมายข้อเสนอของโจวโร่หลิน ที่ยังไม่ แกะเปิดอ่านหนึ่งรอบด้วยท่าทางนิ่งสงบ
ฟังจบ เกาจิ่งอานไม่เพียงมีท่าทางร้อนใจ แต่ยังเผยท่าทาง กําเริบสืบสานด้วย “ขอโทษหรอ? ให้ผมขอโทษเธออย่างนั้น หรอ? ขอโทษหนึ่งร้อยครั้งหรอ? ไม่มีทาง! พี่ใหญ่ฝากบอกเธอ ด้วยว่า ผมไม่มีทางขอโทษเด็ดขาด หากต้องการเงินก็ว่ามา เดียวผมจะให้เช็คธนาคารให้กับเธอเลย”
หึม! ต่อให้มอบเพียงเงิน เกาจิ่งอานก็ยังรู้สึกว่า ทั้งที่ตัวเองยัง เสียเปรียบอยู่ แต่กลับต้องมอบเงินชดเชย นี่เป็นเรื่องที่น่าขาย หน้าครั้งหนึ่งในชีวิต แล้วเขาจะทนกับความทรงจำแบบนี้ได้ แค่ไหนกัน
หลงเซียวจัดระเบียบเสื้อผ้า แล้วลุกขึ้นยืน “ฉันไม่ใช่เครื่อง รับฝากคำพูดของใคร ไม่รับผิดชอบถ่ายทอดคำพูดของพวก นาย แต่ โจวโร่หลิน เป็นคนของลั่วลั่ว ที่เธอมาหาผม เพราะ อยากให้ผมช่วยจัดการอย่างยุติธรรม ฉันไม่สามารถนั่งดูนิ่ง ดูดายได้ ส่วนเรื่องวิธีการ ไม่จำเป็นต้องให้นายสั่งสอนหรอก จริงไหม?”
เกาจิ่งอานรู้สึกกังวลทันที เขายื่นมือจับแขนเสื้อของหลง เซียว แล้วพูดอย่างน้อยอกน้อยใจว่า “พี่ใหญ่ พี่คงไม่เอาผม มอบให้กับ โจวโร่หลิน ใช่ไหม? พี่จะไม่สนใจไยดีผมหรอ?”
หลงเซียว นมือตบบนบ่าของเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ แล้วถอนหายใจยาวๆ และพูดว่า “เรื่องของคนอื่นยังพอ สามารถปรึกษาหารือได้ แต่เรื่องที่ภรรยาของฉันออกปาก ฉัน ต้องจัดการตามคำสั่ง”
สรุปคือ ฉันกลัวเมีย ดังนั้นนายควรเชื่อฟังฉัน
“อย่าสิ พี่ใหญ่ โจวโร่หลิน เธอเป็นบ้า หากผมไปขอโทษก็ เท่ากับไปตายเลย ผมเป็นถึงคณะกรรมการของบริษัทอื่น เคอ พี่ให้ผมไปขอโทษเธออย่างนั้นหรอ? ไม่ ผมไม่ไป น่าอาย หน้า!”
หลงเซียวยิ้มประชด และพูดว่า “ไม่ไปจริงหรอ?”
เกาจิ่งอานกัดฟัน พร้อมส่ายหน้า “ไม่ไป ตีให้ตายก็ไม่ไปเด็ด ขาด”
เมื่อนึกถึงยุทธศาสตร์ของโจวโร่หลิน เกาจิ่งอานจะยอมไป
หรอ?
หลงเซียวเงยหน้าขึ้น แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่ยอมไปใช่
ไหม…” เขาพูดด้วยน้ำเสียงลากยาวแฝงด้วยอันตราย
เกาจิ่งอานถึงกับสะดุ้งตกใจ “พี่ใหญ่ ผมคิดว่า ผมสามารถ เจรจากับเธอได้”
สีหน้าอำมหิตของหลงเซียวกลับมามีสีหน้าเย็นชาเหมือนเติมแล้ว “โอเค อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวังล่ะ”
บนใบหน้าของเกาจิ้งอานมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้า เขายิ้ม อย่างเก้อเขิน และพูดว่า “สบายใจเถอะ พี่ใหญ่ ผมต้องทำให้ เธอสงบ ทําให้เธอยอมศิโรราบ”
หลังจากไปส่งหลงเซียวบุคคลผู้มีอิทธิพลเสร็จ เกาจึงอาน ก็กำหมัดอย่างแน่น จนได้ยินเสียงดังแครก คิดไม่ถึงว่านังผู้ หญิง โจวโร่หลิน จะขี้ฟ้อง อยากตายหรอ!”
เมื่อหลงเซียวกลับมาถึงบริษัท MBK ก็เดินขึ้นบนลิฟท์วีไอพี แล้วเข้าห้องทำงาน แอนดี้ผลักประตูเดินเข้ามา โดยในมือถือ ตารางทำงานของเขาวันนี้ “ท่านประธานครับ สิบโมงวันนี้คุณ ต้องเข้าร่วมการประชุมที่ห้องประชุมห้ากับประธานของบริษัท โบ๋น่า ส่วนตอนเที่ยง….คณะกรรมการบริหารบอกว่า เขา อยากร่วมกินอาหารเที่ยงกับคุณครับ”
หลงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย “อืม”
แอนดี้พูดตารางทำงานของตอนบ่ายต่อ จากนั้นก็พูดต่อว่า “ท่านประธานมีแผนการอะไรไหมครับ?”
หลงเซียวพลิกอ่านเอกสาร “ไม่มี เรียกผู้ช่วยจี้มาหน่อย”
แอนดี้ฉีกปากยิ้มอย่างลำบากใจ “ท่านประธานครับ ผู้ช่วยจี้ ยังไม่มาทำงานเลยครับ เขาไม่ได้ขอลากับคุณหรอครับ?”
หลงเซียวจับกระดาษเอกสารอย่างแน่น โดยไม่มีท่าทีพลิก แล้วเงยหน้ามองเธอ “เขาไม่ได้ขอลา ทําไมเขาถึงไม่มาหรอ?”
แอนดี้ส่ายหน้าเพื่อบ่งบอกว่าไม่รู้ “หลังจากเลิกงานเมื่อคืน ผู้ ช่วยจี้ไม่ติดต่อมาเลยค่ะ ส่วนเหตุผลเพราะอะไรนั้นฉันเองก็ ไม่ทราบค่ะ”
หลังจากที่เขาจากไปเมื่อคืน เกาจิ่งอานกับ โจวโร่หลิน ก็เกิด เรื่องแบบนั้นขึ้น จี้ตงหมิงคงไม่ทำอะไรไม่เหมาะสมหรอกนะ?
หลงเซียวไม่สบายใจ “โทรศัพท์หาเขาหน่อย”
“ได้ค่ะ”
แอนดี้กดหมายเลขโทรศัพท์หาจี้ตงหมิง จากนั้นจู่ๆเธอก็เผย สีหน้าลำบากใจ “ปิดเครื่องค่ะ สงสัยคงแบตหมด”
หลงเซียวขมวดคิ้ว หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นจริงหรอ?
“คุณรู้ที่อยู่บ้านของเขาไหม? ลองไปดูที่บ้านของเขาหน่อย”
จี้ตงหมิงซื้อบ้านที่เมืองหลวงหลังหนึ่ง ซึ่งเขาพักอาศัยคน เดียว อีกทั้งไม่รู้ว่าเขาทำเรื่องอะไรบ้างหรือเปล่า หากเขาดื่ม มากคงมีอันตรายมากแน่ เพราะไม่มีใครช่วยเขา
หลงเขียวไม่วางใจ
“ค่ะ บนประวัติพนักงานมีที่อยู่อย่างละเอียดค่ะ ฉันจะรีบไป ตอนนี้เลยค่ะ” แอนดี้เห็นในดวงตาของหลงเซียวมีสายตารีบ ร้อน
“อืม”
ตอนเที่ยง หลังจากหลงเซียวกับประธานบริษัทโบ๋น่า ประชุม กันเสร็จก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ตอนเที่ยงหลงถึงอยากทาน ข้าวกับเขา ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก
หากยึดตามเวลาและสถานที่นัดหมายแล้ว หลงเซียว สามารถไปตามนัดหมายตรงเวลา
ภัตตาคารอาหารฝรั่งเศส บรรยากาศเงียบสงบและสวยหรู มาก เวลาเที่ยงไม่ค่อยมีคน อีกอย่างตรงที่นั่งของพวกเขาอยู่ ชั้นบน ซึ่งไม่มีใครมารบกวน
ตอนที่เขามาถึง ข้างโต๊ะอาหารมีหลงถิง หลงยี่ หลงจื่อ หลง
เซิ่งแล้ว
อืม!
ผู้ชายของตระกูลหลงอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
หลงเซียวปลดกระดุมชุดสูทหนึ่งเม็ด แล้วเดินเข้ามาด้วย ท่าทางสูงส่งจนสะดุดตาพวกเขา เขายิ้มจางๆ และพูดขึ้นว่า “สวัสดีครับ พ่อ ลุง”
หลงเซิ่งหัวเราะฮ่าฮ่า และกล่าวทักทายกับเขา “หลงเขียวมา แล้ว มาเร็ว มานั่งกับลุงเร็ว”
หลงจื่อยิ้มแย้ม พร้อมเผยสายตาชื่นชม “พี่ใหญ่ พวกเรารอพี่
อยู่พอดีเลย”
หลงยี่ยิ้มแย้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร ไม่ว่าเขาจะพูดยังไง เขาก็ ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากหลงเซียวที่นี่หรอก
ส่วนหลงถิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งคนสำคัญ พร้อมกับกำลัง ดมกลิ่นไวน์แดงอย่างเบิกบานใจ “มานั่งเถอะ”
หลงเซียวนั่งข้างหลงจื้อ ซึ่งอยู่ตรงข้ามสองพ่อลูกหลงเซิ่ง
อาหารยุโรปถูกเสริฟลงบนโต๊ะอาหารเรื่อยๆ โต๊ะของ ภัตตาคารยุโปรมีขนาดยาวมาก และมีการจัดตกแต่งอย่าง คลาสสิก
“ตอนนี้ทุกคนมากันครบหมดแล้ว พวกเรามาร่วมกินข้าวกัน เถอะ ถือเป็นการฉลองให้กับเสี่ยวจื่อ” หลงเซิ่งพูดเปิดประเด็น ขึ้น ขณะเดียวกันก็ยกแก้วไวน์ขึ้น และยิ้มแย้มอย่างสดใส
หลงถึงเผยสีหน้ามืดครึ้มทันที “พรุ่งเสี่ยวจื่อก็จะเดินทางไป อเมริกาแล้ว ครั้งนี้คงไปนานกว่าปกติหน่อย ตำแหน่งของเขา ฉันได้จัดการมอบหมายให้หลงยี่เป็นคนรักษาการแทนแล้ว”
ห่ะ?
อยากพูดเรื่องนี้หรอ?
หลงเซียวยกแก้วไวน์เตรียมจิบเล็กน้อย แต่ตอนที่แก้วไวน์ ใกล้ริมฝีปาก เขาหยุดนิ่งชั่วขณะ “ครับ พ่ออยากให้หลงยี่มา ทํางานบริษัท ผมไม่มีอคติ”
หลงยี่จ้องมองหลงเซียวด้วยสายตาไม่สบายใจ พร้อมกับ เหลือบตามองพ่อและลุงรอง
หลงจื้อรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ในที่นี่เขาถือเป็นคนที่อายุ
น้อยที่สุดเลยไม่กล้าแสดงความคิดเห็น
“ในเมื่อนายไม่มีอคติ งั้นก็มอบหมายหน้าที่ให้หลงยี่เป็นคน รับผิดชอบเถอะ ในอนาคตบริษัทของเรายังมีโครงการอีกมาก ด้านวิศวกรรมกับด้านการตลาดได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว ส่วนที่เหลือให้หลงยี่เป็นคนจัดการ”
หลงถึงไม่ได้ปรึกษาหารือกับเขาเลย แต่ฉวยโอกาสออกคำ
“ครับ” หลงเซียวตอบอย่างง่ายดาย แทบไม่มีท่าทีลังเลเลย
หลงยี่ยิ้มแย้ม แล้วยกแก้วไวน์ขึ้น “หลงเซียว ต่อไปเรามาร่วม ทํางานด้วยกัน นายเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ ฉันยังต้องการการสั่ง สอนจากนาย”
เห่อเห่อ
หลงเซียวยิ้มจางๆ โดยที่บนใบหน้าจืดชืดมาก “ล้วนเป็นคน บ้านเดียวกัน ต้องช่วยเหลือกัน”
“ฮ่าฮ่า ฉันรู้อยู่แล้วว่านายไม่ใช่คนใจแคบ ฮ่าฮ่า ดูเหมือนฉัน คิดมากไปเอง หลงเซียวชนแก้ว” เขายกแก้วไวน์ดื่มจนหมด
แก้ว
หลงเซียวยกขึ้นมาเตะริมฝีปาก แต่ไม่ได้ดื่ม ซึ่งทุกการกระ ทําล้วนอยู่ในสายตาของหลง อ
พี่ใหญ่รังเกียจหลงยี่อย่างเห็นได้ชัด!
แน่นอนว่าหลงเซียวมองออกว่า อาหารเที่ยงของวันนี้จัดขึ้น เพื่อเลี้ยงส่งเสี่ยวจื่อ ขณะเดียวกันก็เป็นการตักเตือนให้เขา เกรงอกเกรงใจหลงยี่ที่บริษัทด้วย
หลงจื่อกัดฟัน “พ่อครับ ไหนบอกว่าจะเป็นงานเลี้ยงส่งผมล่ะ ครับ ทำไมถึงพูดถึงเรื่องของบริษัทแล้วล่ะ พี่ใหญ่ทำงานอยู่ บริษัทมาหลายปี พี่ใหญ่รู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นต้องปฏิบัติตัวยังไง ดังนั้นพ่ออย่าพูดให้เสียเวลาเลย
หลงถึงจ้องมองหลงเซียวด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อย “เห่อ เห่อ ใช่ เขารู้ดี แต่บางครั้งคนเรามักขี้ลืมต้องตักเตือนกัน หน่อย”
ในมือของหลงเซียวถือมีดส้อมอยู่ และกำลังหั่นสเต็กเนื้อ อย่างเชี่ยวชาญ “สิ่งที่พ่อพูดมาถูกต้องครับ เรื่องในอดีต เมื่อ เวลาผ่านไปนานก็จะลืมได้ อีกอย่างคนเรามักมองข้างหน้า ปัจจุบันมากกว่าอนาคตด้วย” เขาพูดต่อว่า “เหมือนกับหัววัวตัว นี้ เกรงว่ามันคงไม่คิดอะไรก็ถูกฆ่าอย่างอนาถแบบนี้แล้ว”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ