ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 478 หญิงตั้งครรภ์ความจำเปลี่ยนไป



ตอนที่ 478 หญิงตั้งครรภ์ความจำเปลี่ยนไป

ตอนที่ 478 หญิงตั้งครรภ์ความจำเปลี่ยนไป

ทุกๆด้านของโรงพยาบาลได้รับการจัดเตรียมไว้อย่างเหมาะ สม หยวนซูเฟินเดินเข้าไปห้องดูแลรักษาตามกำหนดแผนการ วอร์ดที่มีอุปกรณ์ครบครันนั้นแตกต่างจากวอร์ดธรรมดามาก ทีเดียว ไม่มีกลิ่นของนํายาฆ่าเชื้อของโรงพยาบาลเลย

รูปแบบและการตกแต่งโดยรวมหรูหราและมีฐานะ บนขอบ หน้าต่างมีดอกไฮยาซินธ์กับดอกไวโอเล็ตที่หยวนชูเฟินชอบ มีชั้นหนังสือติดกับผนัง นวนิยายคลาสสิกบางเรื่องในและ ต่างประเทศวางอยู่บนนั้น อัลบั้มภาพและหนังสือท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีหนังสือเกี่ยวกับการจัดดอกไม้และศิลปะการชงชา

มีอ่างอาบน้ำสวยงามวางอยู่ใกล้ชั้นหนังสือ ภายในมีปลาสี แดงและสีทองอยู่เล็กน้อย ปลาแหวกว่ายในน้ำอย่างอิสระ แม้ว่าสถานที่จะมีขนาดเป็นตารางนิ้วก็ตาม ทว่าพวกเขาดู เหมือนจะมีทั้งหมดไว้ในครอบครอง

หยวนชูเฟินมองไปที่การตกแต่งภายในห้อง เดินไปที่ หน้าต่างและมองไปที่ทิวทัศน์ด้านนอก อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้ว พูดว่า “ลั่วหาน คุณเป็นผู้หญิงที่มีความคิดเฉียบขาดจริงๆ อะไรๆก็คิดแทนฉันได้หมด”

ลั่วหานหยิบผ้าคลุมไหล่ทำด้วยผ้าขนสัตว์ผืนใหญ่จากชั้นวางเสื้อโค้ท คลุมให้หยวนซูเฟินจากด้านหลังเพื่อคลุมไหล่เธอ หยวนซูเฟีนเปิดหน้าต่างออก ลมด้านนอกเย็นเล็กน้อย “นี่คือ สิ่งที่ฉันควรทำ แม่ดูๆว่ายังมีอะไรจำเป็นต้องเพิ่มเติมอีกไหม คุณบอกกับฉันเลย”

หยวนซูเฟินเหลือบมองไปที่ผ้าคลุมไหล่บนตัว ผ้าคลุมไหล่ อยู่บนร่างกาย ทว่าความอบอุ่นอยู่ในใจ ความอบอุ่นไหลลงไป ที่หัวใจและปอดของเธอ ตบๆหลังมือของลั่วหาน พูดด้วยน้ำ เสียงอ่อนโยนว่า “คุณทํางานหนักขนาดนี้ อย่าเป็นห่วงฉันเลย”

“แม่ยังเกรงใจอะไรกับฉัน? พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน” ลั่ วหานพูดจบ ก็หันไปรินน้ำร้อนให้หยวนชูเฟินหนึ่งถ้วย ใส่น้ำ ขิงลงไปเล็กน้อย เหมาะกับบำรุงร่างกายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพิ่มนํ้าตาลเล็กน้อยก็จําเป็นมาก

หยวนชูเฟินถือถ้วยชาที่ร้อนๆ “ปกติฉันไม่กินขิง กลิ่นอันนี้ดี เหลือเกิน”

ลัวหานพูดเหมือนกำลังหยอกล้อกับเด็ก “ไม่ชอบก็ต้องกิน ชา ขิงอุ่นๆ อบอุ่นร่างกายได้ อีกทั้งแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญ ในการเก็บสะสมของฤดูใบไม้ร่วงฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วงต้อง บำรุงมากๆ อย่างนี้จะข้ามไปฤดูหนาวได้ดี”

หยวนชูเฟินใจเต้นกับสิ่งที่เธอพูด ชาขิงที่ฉันไม่ชอบดื่มมา โดยตลอดถูกกระตุ้นให้มีความอยากดื่มขึ้นมา “คุณอ่ะ ช่าง พูดเก่งจริงๆ”
ลั่วหานยิ้มตาหยีเหมือนเด็ก “ใช่แล้ว ปากฉันเก่งขนาดนี้ ถ้า แม่เลือกทานอีก ฉันจะยังจู้จี้จุกจิกต่อไปอีกแน่นอน รับรองแม่ ต้องเวียนหัวที่ได้ฟัง”

“หึหึ!” หยวนชูเฟินเธออดที่จะหัวเราะไม่ได้ นำน้ำชาในถ้วย มาจิบหนึ่งที หลังจากชิมแล้วกลิ่นก็ไม่ฉุน “ชาขิงอันนี้กลิ่นค่อน ข้างดี”

“เป็นการปรับอย่างดี ด้านในใส่พุทราจีนเก๋ากี้ บำรุงเลือด หลังจากนี้คนรับใช้จะต้มซุปสี่อย่างครึ่งถ้วยให้คุณทุกวัน แม่ ต้องดื่มจนหมดนะ ซุปสี่อย่างบำรุงเลือดบำรุงชี่ การกินยาฝรั่ง เป็นอันตรายต่อร่างกายมาก การดูแลอบอุ่นร่างกายจำเป็น มาก”

หยวนชูเฟินดื่มชาขิงทีละอึกๆ มีความสุขตั้งแต่ปลายลิ้น จนถึงม้ามกระเพาะ “ลั่วหาน คุณเป็นเด็กที่นารักจริงๆ”

ลั่วหานดึงผ้าคลุมไหล่ให้เธอ ในเวลาเดียวกันปิดหน้าต่าง เล็กน้อย จึงพูดว่า “แม่ไม่ต้องชมฉันหรอก ฉันตั้งแต่เด็กจนโต ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คืออดชมไม่ได้ คุณชมฉัน หลังจากนั้นฉัน ก็เปลี่ยนเป็นขี้เกียจแล้ว”

หยวนชูเฟินลูบตามผมยาวของเธอ พูดด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ไม่เป็นไร เปลี่ยนเป็นขี้เกียจก็ขี้เกียจ ควรชมฉันก็ยังต้องชม พวกเรา….ตระกูลหลงของพวกเราแต่งกับลูกสะใภ้ที่ดี ต้อง ชื่นชมอย่างแน่นอน”สองคนพูดจบ ประตูห้องก็ถูกเคาะ ลั่วหานหันไปเปิดประตู หมอหลิวหมอผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกสมองของโรงพยาบาล หวาเซียยืนอยู่ด้านนอก

ลั่วหานมองๆหยวนซูเฟิน ปิดประตูแล้วเดินออกไปสองสาม

ก้าว

“หัวหน้าหลิว คุณเห็นรายงานแล้วใช่ไหม?”

“อืม เห็นแล้ว” ปฏิกิริยาตอบกลับของหัวหน้าหลิวไม่ใช่ด้านดี แววตาสายไปมาเอาแน่เอานอนไม่ได้

ลั่วหานเดินไปที่ระเบียงสองสามก้าว จึงพูดว่า “แล้วเป็น อย่างไรบ้าง? ยังพอมีวิธีไหม?”

หัวหน้าหลิวเปิดแฟ้มประวัติคนไข้ ด้านในมีหลายกรณีที่เป็น โรคเดียวกัน เขาหยิบสำเนาออกมาสองสามชุดซึ่งคล้ายกับ สภาวะของหยวนซูเฟินมาก “หมอฉี่ คุณก็เป็นหมอ หลายๆ เรื่องฉันก็ไม่เคยพูดอ้อมค้อม นี่อาการของคุณหญิงแทบจะ เหมือนกันกับคนไข้ ที่เสียชีวิตอยู่โรงพยาบาลหวาเซี่ยเมื่อ สัปดาห์ก่อน แม้จะให้ยาเคมีบำบัดเจ็ดครั้งก็ต้านทานไว้ไม่ ไหว”

ลั่วหานพลิกกรณีตัวอย่างดู อายุของผู้ป่วย สภาพร่างกาย คล้ายกับหยวนชูเฟินมาก ตั้งแต่เริ่มพบจนจากไป มีเวลาแค่ห้า เดือนเท่านั้น
สมาชิกในครอบครัวคิดว่าผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะกลาง เข้ารับ เคมีทําบัดเพื่อให้ผู้ป่วยพ้นขีดอันตราย ผมของผู้ป่วยหลุดร่วง ระหว่างการทําเคมีบำบัด สุดท้ายต้องจากโลกนี้ไปจนสุดที่จะ ทนได้

ลั่วหานมองรูปถ่ายของผู้ป่วย ผู้หญิงอายุห้าสิบกว่าปี ผอม เหมือนคนแก่ที่กําลังจะตาย ผิวหนังบนใบหน้าหย่อนคล้อย ดวงตาทั้งสองข้างเบ้าตามีรอยคล้ำ

ผู้ป่วยที่รักสวยรักงามตลอดชีวิต ใช้ชีวิตที่ละเอียดอ่อน งดงามมาเกือบตลอดชีวิต ในท้ายที่สุดแล้วในสถานการณ์ ที่สุดจะทนที่สุดก็คือทิ้งความคิดถึงสุดท้ายไว้ให้ญาติๆ

ฉากอย่างนี้มัน……..

ลั่วหานไม่กล้าจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหยวนชูเฟิน

“หมอฉู่ สถานการณ์ของคุณหญิงตอนนี้ ยังสามารถรับเคมี บำบัดได้ หากผลของเคมีบำบัดเป็นแง่ดี บางทีผู้ป่วยอาจมี ชีวิตอยู่ได้อีกนาน”

เคมีบำบัด……

ประโยคนี้ดังก้องอยู่ในสมองของลั่วหาน รู้สึกเหมือนโลกทั้ง

ใบพังทลายลง

“เคมีบำบัดไม่ใช่วิธีของการแก้ปัญหา สามารถเกิดผลข้างเคียงได้มากมาย ฉันไม่อยากให้เธอประสบกับความผิดพลาด น้ายแรงขนาดนี้”

หัวหน้าหลิวพยักหน้า “ตอนนี้คุณหญิงยังไม่พบเห็นอาการที่ ชัดเจน ถ้าหากเกิดภาวะแทรกซ้อน คุณรู้ผลลัพธ์ที่ตามมา….….. ฉันหวังว่าคุณกับคุณหลงจะปรึกษาหารือกันสักนิด ดูว่าจะทํา อย่างไร”

“อืม รบกวนหัวหน้าหลิวแล้ว”

ส่งหัวหน้าหลิวเดินไปแล้ว ก่อนกลับไปแผนกศัลยกรรมหัวใจ

หลินซีเหวินเริ่มตะโกนขึ้นเมื่อเห็นเธอ “ไอดอล ตอนนี้คุณ แว่บไปแว่บมาทั้งวันเลยนะ อยากจะหาคุณต้องโทรเรียกผู้ เชี่ยวชาญใช่ไหม?”

“อะไรกัน?” ลั่วหานรีบเดินเข้าไปในห้องทำงาน คลุมเสื้อคลุม

สีขาว

หลินซีเหวินหยิบแฟ้มประวัติคนไข้ให้เธอดู “นี่ การผ่าตัดวันนี้ ยังจําได้ไหม? เวลาของคุณ ไม่ได้ลืมไปแล้วใช่ไหม?”

ลั่วหานกวาดสายตามองดูอาการของผู้ป่วยและการเตรียม การผ่าตัด ฝ่ามือตบๆที่หน้าผากตนเองเล็กน้อย “แย่จริงๆ ยัง ดีที่คุณมาเตือน ตรวจผู้ป่วยก่อนผ่าตัดดีแล้วใช่ไหม? เอาผล ตรวจให้ฉันดูหน่อย”
หลินซีเหวินเอียงคางไปที่โต๊ะทำงานของเธอ “หึหึ ไอดอล ช่วงนี้ความจําของคุณแย่ขนาดนี้ คุณตั้งครรภ์เบบี้ตัวน้อยหรือ เปล่า? หญิงตั้งครรภ์จะมีความจำที่ไม่ดี”

ล้วหานเอานิ้วจิ้มหน้าผากของหลินซีเหวิน “พูดเหลวไหลอะไร ถ้าฉันท้องจริงๆ คุณจะไปทําการผ่าตัดหรอ?”

“อ่า…..อันนี้คือปัญหาใหญ่ งั้นก็รบกวน วน้อยหรือเชียวน้อย ให้รอก่อน รอให้ฉันจบจากการฝึกเป็นอาจารย์ค่อยมา!”

“พูดมาก! แล้วรายงานการตรวจล่ะ?”

หลินซีเหวินเบ้ปาก “รายงานออกมาแล้ว หวาเทียนเป็นคน ไม่มีปัญหาอะไร วางใจเถอะ! การผ่าตัดจะเริ่มในอีกสัก ครู่ คุณพักผ่อนสักหน่อย ช่วงนี้สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลยจริงๆ ต้องการแต่งหน้าสักหน่อยไหม?”

ลั่วหานมองค้อนเธอ “หมอหลินไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่มี อะไรทําก็ไปซื้อกาแฟให้ฉันสักแก้วเป็นไง?”

“โอเค! ซื้อกลับมาแน่นอน!”

หลินซีเหวินวิ่งออกไปจากห้องทำงานหายวับไปกับตา เธอ เพิ่งจะเดินออกไป แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแผนกศัลยกรรมหัวใจถือ แฟ้มประวัติผู้ป่วยเคาะประตูอย่างระมัดระวัง

ลั่วหานเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นแพทย์ฝึกหัดแผนกศัลยกรรมหัวใจ “เสี่ยวโจว มีเรื่องอะไรหรอ?”

เสี่ยวโจว มเขินๆ “หมอฉู่ วันนี้อาจารย์ฉันลาหยุด ฉันจะขอ คำชี้แนะกับคุณสักสองสามคำถามได้ไหม?”

“แน่นอน เข้ามาเถอะ”

เสี่ยวโจวรีบเดินเข้าไป หน้าแดงไปหมด เม้มๆปากแล้วพูด ว่า “งั้น…ฉันได้ยินคนพูดว่า หมอฉู่เป็นหมอที่ดีที่สุดในแผนก ศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลหวาเซี่ย ยังเคยออกทีวี…..

ลั่วหานอ่านรายงานของเธออีกครั้ง ก้มหน้าพูดว่า “คุณมาที่นี่ เพื่อถามคําถามฉัน ไม่ใช่มาเพื่อยกย่องฉัน มีคำถามอะไรถาม ฉัน”

เสี่ยวโจวจับผมอย่างเก้อเขิน “ผลการตรวจเอกซเรย์ ฉันดูไม่ เข้าใจ คุณช่วยอธิบายฉันสักหน่อยได้ไหม?”

ลั่วหานมองผลตรวจ “ผู้ป่วยเป็น mitral stenosis ในระดับ ปานกลาง”

เสี่ยวโจวกลืนน้ำลาย “งั้น….เพราะอะไร? แยกแยะอย่างไร ระหว่างระดับเบากับระดับปานกลาง ท่านอธิบายสักหน่อยได้ ไหม?”

ลั่วหานชี้ไปที่หัวใจ “ระดับปานกลางเพิ่มเงาสองชั้นบนห้องหัวใจส่วนบนด้านซ้ายมีการตีบมากกว่า ขอบหัวใจด้านซ้าย เป็นเส้นตรง เงาหัวใจเป็นรูปลูกแพร์ ก็คือโรคหัวใจ mitral stenosis ดูที่ตำแหน่งอันนี้

เวลานี้ หยวนซูเฟินตามหาลั่วหาน เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู กำลังจะเคาะประตู เห็นลั่วหานพูดคุยอยู่กับหมอ ก็หยุดฝีเท้า

หวาเทียนคิดจะเข้าไปเรียก หยวนชูเฟินโบกมือเพื่อหยุดการ เคลื่อนไหวของเขา ทั้งสองคนยืนฟังอยู่นอกประตู

เสี่ยวโจวพยักหน้า อืม…ดูเหมือนฉันจะเข้าใจแล้ว”

ลั่วหานพูดต่อว่า “ดูที่ตำแหน่งนี้ คุณเห็นความสูงของ

หลอดลมหลักด้านซ้ายในตำแหน่งเฉียงหน้าซ้ายหรือไม่?” “อ๋า! ใช่ ฉันก็สงสัยที่นี่เหมือนกัน ฉันยังตรวจสอบข้อมูลเป็น

พิเศษ ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้จริงๆ!” เสี่ยวโจวปรบมืออย่างตื่น

เต้น

ลั่วหานขมวดคิ้ว “คุณเริ่มฝึกงานตั้งแต่เมื่อไหร่?

เพิ่งจะสองสามวันเท่านั้น

ลั่วหานให้ข้อมูลกับเธอ “สองสามวัน? สิ่งเหล่านี้อยู่ที่ มหาวิทยาลัยก็ควรจะเรียนรู้จนชำนาญแล้ว กลับไปอ่าน หนังสือสักหน่อย
เสียวโจวเม้มปาก ยิ้มอย่างเขินอายและหยิบกระดาษโน้ต ออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมสีขาว “หมอฉู่ อันที่จริงฉันก็ อยาก…าคุณให้เซ็นลายเซ็นให้ฉัน ฉันชอบคุณมาก ชอบ เป็นพิเศษ คุณช่วยเซ็นลายเซ็นให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

ลั่วหานขมวดคิ้ว “เซ็นลายเซ็น? ฉันเป็นหมอ ไม่ใช่ดารา”

“หมออู่คุณช่วยเซ็นลายเซ็นให้ฉันเถอะ ฉันชอบคุณมาก จริงๆ เพียงแค่เซ็นลายเซ็นก็พอแล้ว หลังจากนี้ฉันจะตั้งใจ เรียนอย่างแน่นอน พยายามเอาคุณเป็นแบบอย่าง!”

ลั่วหานกลับมานั่งที่เก้าอี้อย่างไม่พอใจ “ขอโทษด้วย ฉันไม่ สามารถเริ่มสิ่งนี้ได้

หยวนชูเฟินยิ้มและเดินเข้าไป “ลั่วหาน สาวน้อยชอบเธอ ขนาดนี้ คุณก็ให้ลายเซ็นเธอเถอะ ก็นับว่าเป็นการให้กำลังใจ รุ่นน้อง”

ดวงตาใสแจ๋วของเศร้าเล็กน้อย “แม่ คุณมาได้อย่างไร?”

“ฉันมาดูสภาพแวดล้อมการทำงานของคุณ หึหึ นึกไม่ถึงว่า คุณจะมีแฟนคลับ ให้ลายเซ็นเธอก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร”

เสี่ยวโจววางสมุดโน๊ตที่ว่างเปล่าไว้ตรงหน้าเธอด้วยความ เคารพ “รบกวนคุณเลยหมอฉู่ ฉันชอบคุณจริงๆ!”

ลั่วหานจำใจต้องทำตามเธอ “เพียงครั้งนี้ครั้งเดียว ครั้งนี้จะยกเว้นให้

“โอเคโอเค เซ็นชื่อมุมขวาล่างได้ไหม? ช่องว่างด้านบน ฉันต้องการรับใบรับรองคุณสมบัติของแพทย์และเขียนใบ ประกาศต่อไป!”

“อืม”

ลั่วหานเซ๊นลายเซ็นอย่างสวยงาม “โอเคแล้ว กลับไปทํางาน

เถอะ”

“ว้าว! หมอฉี่ชื่อของคุณดูดีมาก ขอบคุณ! ฉันจะเก็บเป็น อย่างดีแน่นอน!”

เสี่ยวโจวเดินออกจากห้องทำงานโดยถือสมุดโน๊ตอย่างมี ความสุข หันกลับเดินไปที่หน้าบันได

ไปถึงหน้าบันได หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความ

“ได้ลายเซ็นของฉู่ลั่วหานแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ