ประธานหยิ่งยโสของฉัน

ตอนที่ 403 กู้เยนเซินร้ายจนได้ชัยชนะ



ตอนที่ 403 กู้เยนเซินร้ายจนได้ชัยชนะ

ตอนที่ 403 กู้เยนเชินร้ายจนได้ชัยชนะ

คุณล่ะ? คุณรักเขาหรือเปล่า?

รักคำนี้ ไป๋เวยไม่ได้พูดมานานมาก เธอยังรักใครได้อีกไหม? ยังสามารถจะรักได้อีกไหม?

เธอร้องไห้ในอ้อมกอดเขา ยิ่งร้องยิ่งปวดใจ ไปเวยพยักหน้า มุดหน้าเข้ากับแผงอกของเขา พยายามระงับลมหายใจกับ เสียงสะอื้น แล้วตอบกลับเสียงอึดอัด “ฉันไม่รักคุณหรอก”

กู้เยนเซินรัดร่างบางแน่น แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับหญิงสาวที่ ปากไม่ตรงกับใจ “ได้ ตอนนี้ไม่รักไม่เป็นไร สักวันนึง…เธอจะ ต้องรักฉันแน่ ฉันจะรอให้วันนั้นมาถึง”

นิ้วเรียวของไปเวยจิกลงบนเอวเขา เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีโอบ กอดร่างทั้งสองให้ใกล้ชิดกันที่สุดเท่าที่จะชิดได้ เธออยาก ใกล้เขากว่านี้อีกนิด ใกล้อีกนิด กลัวว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าใน ตอนนี้จะเป็นเพียงแค่ฝันไป

ผ่านไปนานไป๋เวยถึงเงยหน้าขึ้น เห็นดวงตาสุกใสภายในแสง ไฟในห้องนอนผ่านน้ำตา ที่แทบจะทำเอาหัวใจของเธอละลาย ได้ทุกเมื่อ คางมนของชายหนุ่มเหมือนความอ่อนโยนที่ช่วย กำบังแสงแสบตาจากหลอดไฟ
“กู้เยนเซิน คุณไม่ได้กินยาผิดใช่ไหม? แน่ใจนะว่าที่พูดกับ ฉันอยู่เป็นเรื่องจริง? สติยังอยู่ครบใช่ไหม? หรือดื่มไปเยอะ?”

กู้เยนเซินจับมือเล็กมาวางลงบนหน้าอกข้างซ้าย ภายใต้ เสื้อผ้าและกล้ามเนื้อฝ่ามือของเธอสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรง ของชายหนุ่ม มันทั้งเร็ว และมีเสียงดัง

“ฉันมีสติดีมาก รู้สึกตัวดีกว่าครั้งไหนๆ ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำ อะไรอยู่ เวยเวยฉันรอวันนี้มานานมาก คนอย่างกู้เยนเซินเคย เจอคนมานับมาถ้วน ผู้หญิงรอบตัวก็มีไม่น้อย แต่เธอเป็นคน เดียวที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงได้ขนาดนี้ เธอลองจับดูเองสิ”

หัวใจที่อยู่ใต้ฝ่ามือเต้นเสียงดัง ตึกตัก อัตราการเต้นก็เร็ว มาก ห้องนอนที่แสนเงียบสงบราวกับเหลือไว้เพียงชายหนุ่มกับ เสียงเต้นของหัวใจเท่านั้น ไม่ต้องใช้คำพูดใดๆเพื่ออธิบายอีก เธอเชื่อเขา

“ไปกินอะไรมา? ทำไมทำหัวใจเต้นแรงขนาดนี้ ไม่กลัวเต้นจน ทะลุออกมาหรอ?”

“ทะลุออกมาได้ก็ดีสิ จะได้เอาให้ดูว่าหัวใจฉันเขียนชื่อเธอไว้ หรือเปล่า”

ไป๋เวยเบิกตาโต ทันทีที่แหงนหน้าขึ้นก็สบตากับชายหนุ่ม ใน ดวงตาสว่างใสคู่นั้นสะท้อนเงาของเธออยู่
“คนกะล่อน! มุขนี้ใช้หลอกสาวมากี่คนแล้วล่ะ อย่ามาใช้ไม้นี้ กับฉันซะให้ยาก” ไป๋เวยแสร้งทำเป็นโกรธ พร้อมกับออกแรง นิดหน่อยจะสะบัดแขนออก แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งจับเธอไว้แน่น กว่าเดิม

“ต่อไปฉันจะหลอกเธอแค่คนเดียว เป็นไอ้กะล่อนของเธอแค่ คนเดียว หลอกเธอคนเดียวไปชั่วชีวิต”

ค่ำคืนอันมืดมัวคละคลุ้งทั้งสายลมและแสงจันทร์ เสียง ไพเราะของกู้เยนเซินเต็มไปด้วยความอ่อนโยนลุ่มหลง ทุกคำ ที่ออกจากปากชายหนุ่มทำให้หญิงสาวใจเต้นรัวไม่หยุด

ไปเวยไม่เคยได้ฟังคำรักหวานซึ้งมาก่อน เรื่องรักๆใคร่ๆแบบ นี้ห่างไกลจากชีวิตเธอมาก

“กู้เยนเขิน ฉันไม่ชอบนั่งชิงช้าสวรรค์ ฉันไม่ชอบเวลาที่ตัว เองเสพติดความสุขเมื่ออยู่บนยอดสูงสุด แล้วจากนั้นก็กลับมา อยู่ที่เดิมซึ่งเป็นจุดต่ำสุด คุณอย่าให้ความหวังฉันมากนัก”

“ฉันสาบาน ทุกคำที่ฉันพูดล้วนเป็นความจริงจากใจ เชื่อฉันสิ ฉันจะทําให้เธอเห็น

“ทําให้ฉันเห็น?” ไปเวยย้อนถาม ทันใดนั้นในหัวก็นึกย้อนถึง

เรื่องต่างๆในอดีต

ทำงั้นหรอ? เหอะ ในสมองของพวกผู้ชายคงคิดได้แค่เรื่องแบบนี้สินะ?

ยิ่งจริงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น

กู้เยนเซินกลับไม่ได้คิดลึกซึ้งขนาดนั้น เขาพาเธอมายืนตรง หน้าต่างกระจกบานใหญ่ แล้วโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลัง เขาชี้แสงสว่างยามค่ำคืนภายนอกให้เธอดู “เวยเวย ชอบที่นี่ ไหม?”

วิวสวย สามารถมองเห็นได้ในระยะกว้าง เธอเห็นภาพของ เมืองนี้ทั้งเมืองได้จากหน้าต่างบานนี้ ทำเลที่นี่ไม่เลวเลยที เดียว

“อืม ก็ใช้ได้”

กู้เยนเซ็นวางคางลงบนไหล่เล็ก เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วย ความรักและหลงใหลยิ่งฟังดูเซ็กซี่ “ย้ายมาอยู่กับฉันเถอะ เธอ ชอบสไตล์บ้านแบบไหน ก็ตกแต่งให้เป็นแบบนั้น”

อืม?

“ที่แท้คุณกู้เยนเซินไม่ได้อยากรับใช้บริการแค่ครั้งเดียว แต่ จะเอาระยะยาวสินะ? ที่คุณพูดมันจะไม่เวอร์ไปหน่อยหรอ?”

การทำความเข้าใจแบบผิดๆของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่ม อยากวิ่งเอาหัวชนกำแพง ถ้าทำได้กู้เยนเซินแทบอยากจะผลักคนตัวเล็กลงกับเตียงซะเดี๋ยวนี้ เอาให้สมใจเธอไปเลย!

“เวยเวย ฉันชักเริ่มสงสัยแล้ว ระหว่างเราสองคนความคิดใคร สกปรกมากกว่ากัน ฉันหมายถึงว่าจะให้เธอมาอยู่ที่นี่ ฉันจะ ได้ดูแลเธอได้สะดวก เธอติดงานซะขนาดนี้ ขืนอยู่เองใครจะ รับประกันว่าจะกินข้าวครบสามมื้อ เกิดป่วยขึ้นมาไปหาหมอ ไม่ทันจะทำยังไง ถ้าเธออยู่กับฉัน ฉันจะได้ดูแลเธอได้ตลอด เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า?”

เข้าใจ…ก็ถือว่าเข้าใจแหละ แต่รู้สึกเหมือนฝันไปยังไงไม่รู้ คำพูดพวกนี้ออกมาจากปากของกู้เยนเซินจริงๆหรอ?

“ไปเอาบทพูดน้ำเน่าแบบนี้มาจากละครเรื่องไหน?”

ชิท! ทุกอย่างที่ฉันร่ำเรียนมาเอามาใช้ในคืนนี้หมดแล้ว แต่ เธอกลับหาว่าฉันไปลอกคำพูดชาวบ้านมาเนี่ยนะ? ใจฉันจะ สลาย เวยเวย…เธอนี่น่าโมโหจริงๆ!”

เขาทำท่ากุมนุมใจอย่างเจ็บปวด ไป๋เวยหลุดขำ แล้วชกเข้า ที่หน้าอกเขาเบาๆ “เลิกแสดงละครได้ละ ใจสลาย? หัวใจนาย ทําจากกระจกหรือไง?ถึงได้แตกง่ายขนาดนั้น”

“หมายความว่า เธอรับปากฉันแล้วใช่ไหม? ย้ายมาอยู่กับฉัน เถอะ”

อยู่ด้วยกัน…ไปเวยไม่ใช่ผู้หญิงหัวโบราณขนาดนั้นก็จริง เพียงแต่กู้เยนเซินแค่พูดว่าอยู่ด้วยกัน ทำไมเขาถึงไม่เอ่ยคำว่าแต่งงานออกมาเลยสักคำ?

ไปเวยผู้ไม่เคยเซนซิทีฟกับเรื่องใดๆ แต่พอเป็นเรื่องความ รู้สึกจู่ๆก็เซนซิทีฟขึ้นมาซะงั้น

“เรื่องอยู่ด้วยกัน…ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ”

“ต้องคิดนานแค่ไหน? ฉันจะรอ”

เขาตอบตกลงด้วยความรวดเร็ว ไป๋เวยตามความคิดเขา ไม่ทัน ดังนั้นบทสนทนาจึงเงียบลง

กู้เยนเซ็นตบกะโหลกตัวเองเบาๆ “จริงสิ เธอยังไม่ได้กินข้าว ใช่ไหม? วันนี้ฉันลองทำอาหาร ไม่รู้ว่าเธอจะชอบหรือเปล่า อาหารจีนขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก แถมห้องครัวตอนนี้ก็ไม่ ค่อยเอื้อเท่าไหร่ ฉันก็เลยทำอาหารฝรั่งแทน ลงมากินด้วยกัน เถอะ”

ไป์เวย “…คุณทำอาหาร?”

ขอโทษที่เธอถึงกับอึ้งไปสามวินาที

กู้เยนเซินพยักหน้า “ไม่เคยทำ เลยลองทำสักหน่อย รสชาติ อาจจะไม่ได้ดีมาก เธอมาช่วยคอมเม้นท์หน่อย ต่อไปฉันจะได้ พัฒนา”
พัฒนา? ไปเวยยิ่งอึ้งไปมากกว่าเดิม

ภายในห้องอาหารที่สว่างไสว โต๊ะอาหารฝรั่งถูกคลุมด้วยผ้า ปูโต๊ะสีขาวลายดอก ตรงกลางมีแจกันใหญ่สีดำา ด้านในปัก ด้วยดอกลิลลี่จำนวนมากแซมดอกคาร์เนชั่นสีเหลืองสองสาม ดอก

เธอไม่ชอบดอกกุหลาบ กู้เยนเซ็นจำที่ลั่วหานพูดได้

กลิ่นหอมหรูหราของดอกลิลลี่โชยไปทั่ว ตรงหน้าทั้งสองคน เป็นจานอาหารทั้งหมดห้างาน ประกอบด้วยสลัดอะโวคาโด แซลมอน สเต๊กเนื้อ ซุปหอย และเค้กเกาลัด

หน้าตากับสีสันดูไม่เลว ยังไม่กินแต่ก็ทำให้รู้สึกอยากมอง ไป๋ เวยไม่รู้เลยว่าคุณชายอย่างกู้เยนเซ็นจะทำอาหารเป็น

สลัดหาง่ายก็จริง แต่แซลม่อนกับสเต๊กเนื้อขั้นตอนไม่ใช่ ง่ายๆ ส่วนซุปหอยก็เคี้ยวยากอยู่พอสมควร ไหนจะเค้กนั่น อีก…จินตนาการไม่ออกเลยจริงๆคุณชายกู้ที่ยังไม่หย่านม แบบเขาจะเป็นยังไงตอนทําอาหารพวกนี้

“เอ่อ…ของหวานนี่ฉันไม่ได้ทำเองหรอก ฉันลองทำดูนิด หน่อย แต่มันยากเกินไปเลยล้มเลิกความตั้งใจ เค้กนี่ฉันสั่ง มาน่ะ รสเกาลัด เธอชอบหรือเปล่า?”

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถามขึ้นอย่างระมัดระวัง สีหน้า แววตาลุ้นสุดขีด เหมือนเด็กน้อยที่รอคำชมอยู่ยังไงอย่างงั้น
คําพูดที่ว่าเวลาผู้ชายอยู่ต่อหน้าคนรักเขาจะกลายเป็นเด็ก

โดยไม่รู้ ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง

ไป์เวยเม้มริมฝีปากสีแดง “อร่อยหรือเปล่า เดี๋ยวลองกินก็รู้ แล้ว”

มีดกับส้อมในมือตักขึ้นตักลง เธอหั่นสเต๊กเนื้อหาเล็กเข้าปาก ก่อน เนื้อที่สุกระดับสิบ ตอนเข้าปากเวยเวยรู้สึกเหนียวนิด หน่อย แต่เมื่อกินไปอีกหลายคำถึงรู้ว่า…อ้อ ตรงกลางเหมือน จะมีความสุขอยู่แค่ระดับห้า

“อืม รสชาติใช้ได้

“จริงนะ?! ถ้าชอบก็กินเยอะๆ จริงสิ เธอชอบไวน์แดงหรือ เปล่า? หรือจะให้ฉันไปหยิบอีกขวดที่ตู้ดี?”

ไวน์แดงจากร้านไวน์ชั้นสูงอย่างโรงไวน์ Boken แถมยังเป็น เวอร์ชั่นหาลองยาก ใครล่ะจะไม่ชอบ? วันนี้กู้เยนเซ็นเตรียม เซอร์ไพรส์ไว้ขนาดนี้ ต้องอาศัยความตั้งใจมากขนาดไหน ถ้า จะทำเพราะแค่อย่างนอนกับเธอ…

คงจะเปลืองแรงไปหน่อยมั้ง?

ไปเวยส่ายหน้า จนถึงตอนนี้ทำไมเธอยังสงสัยกับการกระทำ ของเขาอยู่อีกนะ

คงเป็นเพราะตัวเธอใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบอยู่บนโลกที่แสนซับซ้อนวุ่นวายนี่ จนยากจะเชื่อว่ายังมีรักแท้อยู่

แสงไฟสลัวจากเชิงเทียน กับรสไวน์แดงละมุน มื้อค่ำแบบนี้ ทุกคำที่กินเข้าไปล้วนเต็มไปด้วยรสชาติแห่งความรัก

เพราะความดูแลเอาใจใส่ของเขา ทำให้ความกังวล ความหัก ฟ้ามภายในใจที่มีอยู่ในตอนแรกค่อยๆหายไป ไป่เวยเพิ่งรู้สึก ได้ว่าความจริงใจที่กู้เยนเซินมีต่อเธอมันลึกซึ้งมากกว่าแค่คำ

พูด

เธอตกอยู่ในภวังค์…

มื้อค่ำแสนสุขจบไป ก็เป็นเวลาดึกดื่น

กู้เยนเซินกูมือไปอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ ฤทธิ์ไวน์หรือเพราะเขาเขินขึ้นมาจริงๆ ใบหน้าของชายหนุ่ม ในเวลานี้เริ่มร้อนผ่าว

“เอ่อ… เดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่บ้าน”

ไป์เวยหลุดขำ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นกู้เยนเซินหน้าแดง

“คุณก็ดื่มไปเหมือนกัน จะไปส่งฉันยังไงไม่ทราบ? ไม่กลัว โดนจับข้อหาเมาแล้วขับหรอ?” ไป๋เวยก็หน้าแดงนิดหน่อย เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หนุ่มสาวรู้สึกร้อนเหมือนร่างกายถูก มอดไหม้ อุณหภูมิร่างกายเพิ่มสูงขึ้น
กู้เยนเซินหยิบกุญแจรถขึ้นมา “งั้น… ฉันไปเรียกคนมาขับรถ ให้ เธอเอารถมา…

ไป์เวยจับตามองกู้เยนเซ็นที่พยายามคิดหาคำพูด “คุณชายกู้ ยังมีไวน์อีกไหม?”

กู้เยนเซินอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะกันกลับไปมองขวดไวน์เปล่า ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ “อยากดื่มอีกหรอ? เดี๋ยวฉันไปหยิบให้”

ไป่เวยโยนกระเป๋าทิ้ง แขนเรียวนุ่มยื่นออกไปตรงหน้าชาย หนุ่ม แล้วคว้าคอเสื้อเชิ้ตของเข้าไว้มั่น ก่อนจะออกแรงกดร่าง สูงให้นั่งลงกับที่

กู้เยนเซินทั้งอึ้งและงง ขณะที่กำลังอ้าปากเหวอ ริมฝีปากบาง ของไป๋เวยก็จู่โจมเข้ามาปิดปากของเขา

อื้อ!

เสียงอู้อี้ของชายหนุ่มเล็ดลอดออกมา การกระทำที่ตัวเองถูก กระชากคอเสื้อมาแล้วโดนจูบ เสือผู้หญิงอย่างกู้เยนเซินไม่ เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน!

ไม่เคย! เจอมาก่อน!

ไป์เวยดึงกู้เยนเซินเข้ามาอยู่ในระดับริมฝีปากของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆสูดกลิ่นไวน์ที่หลงเหลืออยู่ในปากอีกฝ่ายเข้ามา
ดวงตาของเขาเบิกโพลงด้วยความตกใจ “เวยเวย…”

ไปเวยปล่อยมือ จากนั้นค่อยๆคลายริมฝีปากออกแล้วพูด ยิ้มๆ “นี่ก็ยังมีไวน์เหลืออยู่ไม่ใช่หรือไง? ฉันชอบดื่มแบบนี้”

ผู้หญิงคนนี้ จะกระชากหัวใจเขาเกินไปแล้ว

“งั้นหรอ? ฉันยังมีของเหลืออยู่ที่อื่นอีก สนใจจะดื่มรวดเดียว จนหนำใจไปเลยไหมล่ะ?”

ฝ่ามือร้อนๆตะปบเข้าที่เอวบาง แล้วเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายทีละ ก้าว

ไป์เวยเตะรองเท้าส้นสูงออก แววตาเว้าวอนส่วนหนึ่งมาจาก ฤทธิ์เหล้า “ทำไมจะไม่ล่ะ? คุณชายกู้เต็มใจให้ ฉันก็เต็มใจ ดื่ม”

“ให้แน่ ฉันจะให้เธอทั้งหมดที่ฉันมี” กู้เยนเซินโน้มตัวลงมาอุ้ม ไป๋เวย ขายาวก้าวขึ้นบันไดไม้ที่มีแสงจากไฟสลัวๆส่องระยิบ ระยับราวกับถ้าพูดได้คงกำลังพูดว่าฉันรักเธอ

“พี่บ!”

กู้เยนเซินโยนร่างของหญิงสาวลงบนผ้าห่ม นิ้วเรียวปลด กระดุมเสื้อเชิ้ตออก ความร้อนพลุ่งพล่าน หลอมค่ำคืนนี้จนเป็น สีแดง
เสียงของไปเวยก็แหบพร่าไม่แพ้กัน “ฉันก็ให้คุณทั้งหมดที ฉันมี ให้คุณทั้งหมด…

กู้เยนเซินโน้มตัวลง…

“เวยเวย เรียกชื่อฉัน นะ?”

“อื้อ!”

“เรียกชื่อฉัน คนดี”

“กู้ กู้เยนเซิน”

“ชื่อของฉัน ที่รัก”

“เยนเซิน อา อาเซ็น”

อาเซิน ใช่แล้ว ที่เขารอฟังอยู่ก็คือสองคำนี้

ร่างบางถูกอุ้มขึ้นราวกับพายุคลื่นซัดกระหน่ำ ผมยาวสลวย พาดลงบนบ่าและต้นแขน เม็ดเหงื่อกระจายอยู่ตามซอกคอ ไหปลาร้า ลามมาจนถึงเอว เสียงลมหายใจอันแสนหนักหน่วง คละคลุ้งไปกับความดื่มในค่ำคืนอันแสนยาวนาน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ