ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 51 ลู่หยางโดนตำรวจจับแล้ว



บทที่ 51 ลู่หยางโดนตำรวจจับแล้ว

“จวงเฉียง พวกเธอรู้จักกันได้ไง? อัยยะ คุณดู ของเที่เขาเอามาสิ มาๆๆมานั่งนี้ ! ”

แม่ของซูมู่หานชื่อว่าหวังหุยหมิ่น

เป็นรองประธานของบริษัท

และก็เป็นคนที่มีฝีมือมากในการสื่อสารกับทาง

สังคม

แน่นอนว่าเธอเข้าใจอำนาจของบ้านจวงเฉียงดี แม้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนจะมีข่าวเสียๆหายของบ้านจวง เฉียงว่าได้ทำเรื่องต่ำช้าออกมา แต่ว่า ตอนเป็นวัยรุ่นจะ มีใครบางล่ะที่ไม่เคยทำผิดมาก่อน !

อีกอย่าง ตอนนี้บ้านจวงเฉียงได้เดินทางไปยัง ถนนการค้าจินหลิงเพื่อครองพื้นที่แถวนั้น อำนาจจึงเพิ่มขึ้นยังรวดเร็ว

ถ้าเกิดครั้งนี้บริษัท ได้รับการสนับสนุนจากบ้านจ วงเฉียง ก็จะสามารถรอดพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้แล้ว ไม่ใช่เหรอ?

และฟังจากคำพูดของหวังหุ้ยหมิ่น

จวงเฉียงมองเฉินเกอด้วยสายตาที่เย็นชา “รู้จัก แน่นอนว่าผมรู้จักคนๆนี้อยู่แล้ว ! เขาเป็นถึงหนึ่งในคน ดังของมหาลัยของมู่หาน !

เมื่อนึกถึงช่วงที่ตัวเองต้องเผชิญการความยากลำบาก เจ้าเฉินเกอก็จะอยู่ที่นั่นตลอด จู่ๆใจของจวง เฉียงก็มีความแค้นผุดขึ้นมา

หลังจากพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเสร็จ ก็กลับไป นั่งบนโซฟา

แน่นอนว่าหวังหยางเคยได้ยินเรื่องของจวงเฉียง พยักหน้าด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

ส่วนเจียงเวยเวย ก็ยิ้มอย่างมีมารยาทให้กับจวง เฉียง หวังว่าตัวเองจะสามารถดึงดูดความสนใจของจวง เฉียงได้

ไม่ว่าจะยังไง ต่อให้เขาจะเป็นคนที่เลวร้ายขนาด ไหน แต่ก็เป็นคนที่ร่ำรวยมากจนมีชื่อเสียงในจินหลิง !

เพียงแต่ว่า สายตาของจวงเฉียงมีเพียงแค่ร่าง ของซูมู่หาน

หลังจากเกิดเรื่องขึ้นในครั้งที่แล้ว จวงเฉียงก็ เรียกได้ว่าตัดขาดกับจ้าวอี้ฟานเป็นที่เรียบร้อย

แต่ว่า คุณพ่อมีคนรู้จักมากมายในด้านของธุรกิจ และบังเอิญว่า บริษัทของพ่อซูมู่หานเองก็เคย ร่วมงานกับบริษัทของคุณพ่อมาก่อน

ตัวเขาเองก็เคยวางแผนที่จะชวนซูมู่หานไปทาน ข้าวด้วยกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ แต่ก็ถูกซูมู่หาน ปฏิเสธตลอด ซูมู่หาน ในสายตาของจวงเฉียงเป็นผู้ หญิงที่เย็นชามาก

โดนเธอเมินอยู่ตลอด
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว พอได้ข่าวว่าบ้านซู กำลังเผชิญการวิกฤต จวงเฉียงก็เริ่มแผนการของตัวเอง ทันที

อย่ารีบร้อน จะต้องแกล้งทำเป็นคนดีก่อน

“คือแบบนี้ครับ คุณลุงซูคุณป้าซู พ่อของผม พอได้ข่าวของปัญหาเรื่องบริษัทท่าน จึงให้ผมมาถามว่า เป็นยังไงบ้าง สักพักผมจะโทรไปหา ปรึกษากับคุณพ่อ ดูว่าเขาจะสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง อีกอย่างวันนี้ เพื่อนของมู่หาน ก็อยู่ที่นี่แล้ว คงไม่ง่ายที่ทุกคนจะมาอยู่ ที่นี่ ถ้าเกิดทุกคนจะมาร่วมมือกัน ช่วยกันคิดหาวิธี ไม่แน่ ว่าอาจจะสามารถรอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ! ”

จวงเฉียงพูดไปยิ้มไป

“ใช่แล้ว คุณดูคำพูดของจวงเฉียงสิ มันฟังดูดี ขนาดไหน น้าหวังเองก็ขอร้องทุกคนที่อยู่ที่นี่ด้วยนะ ถ้า เกิดพวกเธอมีอะไรที่เกี่ยวข้องกัน รบกวนช่วยติดต่อให้ หน่อย ! ”

หวังหุยหมิ่นยิ่งดูก็ยิ่งชอบจวงเฉียงขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนเรื่องข่าวเสียๆหายพวกนั้น ก็มองข้ามมันไป เป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้คิดแค่เรื่องที่ว่า ถ้าเกิดได้จวง เฉียงมาเป็นลูกเขยคงจะดีไม่น้อย !

และพอได้ฟังประโยคนี้ พวกหวังหยางก็พยัก หน้าขึ้นมาทันที

“คุณชายจวงพูดถูกแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเราจะเทียบ กับคุณชายจวงไม่ได้ แต่ว่าก็จะช่วยเท่าที่จะสามารถช่วยได้ ไม่ว่าจะยังไงอำนาจของบริษัทบ้านมู่หานก็อยู่ที่นี่ แล้ว แต่ว่าเงินก็คงจะหมุนเวียนไม่พออยู่ดี ! ”

“จริงสิ แม่ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงทำงานเป็น รองประธานของธนาคาร ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถกู้เงิน ออกมาได้สักหน่อย ! ”

จากนั้น ก็มีทั้งคนที่แนะนำวิธีการหาเงินทุน มี ทั้งคนที่คอยแนะนำผู้ที่มีอำนาจ

หวังหุ้ยหมิ่นมองอยู่ในสายตา มีความสุขที่ใจ

เธอเข้าใจดีว่า เพื่อนร่วมห้องของมู่หานพวกนี้ มี ฐานะที่ไม่ธรรมดา ล้วนมีอำนาจ

เพียงแต่ว่า…

ตอนที่หวังหุ้ยหมิ่นหันไปมองคนที่มีชื่อว่าเฉินเกอ

เห็นเพียงแค่เขากำลังถือโทรศัทพ์อยู่ กำลังแสร้ง ทำเป็นคันหาอะไรสักอย่างอยู่ตรงนั้น แสร้งทำเป็นเลื่อน ไปเลื่อนมา

ทำให้หวังหุ้ยหมิ่นรู้สึกรังเกียจขึ้นมา มู่หานไปรู้จักคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

อีกอย่างคนๆนี้ยังสนใจในตัวของลูกสาวตัวเอง อีกด้วย นี่มันน่าตกใจยิ่งกว่าหนังสยองขวัญซะอีก !

“เธอที่ชื่อเฉินเกอ วันนี้เธอไม่มีคาบเรียนเหรอ? น้าขอรับไว้แค่น้ำใจของเธอก็พอ ไม่อย่ารบกวนเวลา เรียนของเธอ เธอกลับไปเรียนก่อนเถอะ…
หวังหุยหมิ่นเห็นว่าคุณชายจวงเองก็เหมือนจะ เป็นศัตรูกับเขา

จึงพูดไล่แขกด้วยความเย็นชา

นี่ทำให้คนที่เพิ่งหาเบอร์ของหลี่เจิ้นกั๋วเจออย่าง เฉินเกอรู้สึกแปลกใจขึ้นมา

แต่พอคิดดูดีๆก็เข้าใจได้ในทันที คนเขาเห็นตัว เองที่อยู่ในนี้เป็นส่วนเกิน และเห็นได้อย่างชัดเจนว่า คน เขาอยู่ข้างจวงเฉียง

ภายในใจของเฉินเกอเองก็รู้สึกขมขึ่นอยู่ไม่น้อย

เมื่อก่อนตัวเองอาจจะเคยทำเรื่องที่ไม่ดีมาก่อน แต่เจ้าจวงเฉียงมันทำเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าตัวเอง แต่ว่า เพราะจวงเฉียงเป็นคนที่มีฐานะ บ้านเขาร่ำรวยมาก เรื่องเลวร้ายที่เขาเคยทำมาคนอื่นจึงสามารถมองข้ามมัน ได้

แต่ตัวเองนั้นไม่เหมือนกัน แค่ถูกคนอื่นเห็นก็รู้สึก คลื่นไส้แล้ว !

เพราะอะไรนะเหรอ? ในสายตาของพวกเขาจวง เฉียงคือคนที่มีอำนาจและมีเงินทอง ส่วนตัวเองเป็นคนที่ ไม่มีอำนาจและไม่มีเงินทอง

“ให้ตายสิ เขายังถือโทรศัพท์เลื่อนไปเลื่อนมา ถ้า ไม่รู้จักมาก่อนก็คงจะคิดว่าเขากำลังหาเบอร์ติดต่อกับ คนที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่แน่ ! ”

ซูฉีที่อยู่ข้างๆก็ยิ้มอย่างเย็นชา
“ฉันก็ว่างั้น หรือว่าเขาคิดจะเอาเงินจากลอตเตอรี่ ที่ตัวเองถูกออกมา แต่ฉันว่ามันคงจะไม่พอหรอก ! ”

“คนๆนี้เป็นใครกัน เพิ่งจะเคยเห็นหน้า !” พอได้ฟังเสียงหัวเราะเยาะ

เฉินเกอก็อยากจะเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตัว เองออกมาจริงๆ จากนั้นก็เปิดไพ่ที่อยู่บนมือออกมาให้

หมด

แต่ว่า เฉินเกอก็สงบสติได้อย่างรวดเร็ว

เพราะถ้าเกิดทำแบบนั้น ฐานะของตัวเองก็จะถูก เปิดเผยออกมาจนหมด

หลังจากที่ถูกเปิดเผย ตัวเองก็จะไม่สามารถใช้ ชีวิตเหมือนกับเมื่อก่อนได้อีก เวลาเรียนที่แสนจะสงบสุข ก็จะหายไปจนหมด

อย่างน้อยๆคุณพ่อก็คงจะไม่วางใจให้ตัวเองไป โรงเรียนด้วยตัวคนเดียวอีก

แผนในการใช้ชีวิตที่วางเอาไว้ก็จะวุ่นวายไปหมด

ชีวิตแบบนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เฉินเกอต้องการ

เขาก็แค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ขอแค่ไม่ เดือดร้อนเรื่องเงินก็พอ

เฉินเกอถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “อืม ดูเหมือนว่า ผมยังมีคาบเรียนที่ต้องเรียนในวันนี้ งั้นผมกลับก่อน ! ”

เฉินเกอลุกขึ้นมา เดินออกไปข้างนอกทันที
“เฉินเกอ ! ”

ซูมู่หานวิ่งตามหลังออกมา

เธอเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน ยิ่งนึกถึงเรื่องใน อดีตของเฉินเกอที่ตัวเองได้ฟังเมื่อกี้ ตัวเองก็รู้สึกดูถูก เฉินเกออยู่หน่อยๆ

เธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้มาก

ใช่แล้ว ทำไมตัวเองถึงไม่คิดในมุมมองของเฉิน เกอบ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะว่ายากจน ใครจะยอมทำเรื่อง แบบนั้นกัน?

อีกอย่าง ช่วงนี้เฉินเกอได้ปฏิบัติกับตัวเองแบบ ไหนนั้น? ตอนนี้พอได้ข่าวว่าตัวเองเดือดร้อน ก็รีบมาหา ตัวเองทันที

ซูมู่หานรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจเฉินเกอผิดไป

“เฉินเกอ แกคงจะโกรธฉันแล้วใช่ไหม เมื่อกี้พวก เขาพูดแบบนั้นกับนาย แต่ฉันกลับไม่ได้ช่วยอะไรแก

เลย !”

ซูมู่หานกัดริมฝีปากตัวเอง

“ไม่ได้โกรธ แต่ฉันอยากจะรู้ว่า เธอจะเหมือนกับ พวกเขารึเปล่า ที่คิดแบบนั้นกับฉัน เรื่องที่รู้สึกว่าฉันคือ คนที่ทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน?”

เฉินเกอมองซูมู่หานด้วยรอยยิ้ม

“เมื่อกี้มี แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เฉินเกอ ไม่ว่าจะยังไง พวกเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ! ”
ซูมู่หานเดินมาอยู่ตรงหน้าของเฉินเกอ

“ได้ ! ”

เฉินเกอไม่ได้พูดอะไรอีก หลังพยักหน้า ก็เดิน

จากไป

ข้างนอกชุมชน

เฉินเกอสูบลมเข้าลึกๆ พูดกันตรงๆ เมื่อกี้เฉินเก อรู้สึกเจ็บใจขึ้นมาจริงๆ คิดว่าซูมู่หานจะเหมือนกับคนอื่น ที่คิดแบบนั้นกับตัวเอง

แต่ว่าตอนนี้ เฉินเกอก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าตัว เองกำลังรู้สึกแบบไหนอยู่ เอาเป็นว่ามันทั้งดีใจและ เจ็บใจในเวลาเดียวกัน

แต่ก็ยังคงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรไปหาหลี่ เจิ้นถั่ว

“คุณชายเฉิน คุณมีเรื่องอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า?”

“พี่เจิ้นกั๋ว ผมอยากให้คุณช่วยอะไรผมสักหน่อย มีบริษัทหนึ่งที่ชื่อว่าเทคโนโลยีเฟยหยาง ดูเหมือนว่าจะ มีปัญหาในด้านการเงิน ผมสงสัยว่าจะสามารถลงทุนกับ มันได้รึเปล่า?”

“ลงทุน?” ตอนแรกหลี่เจิ้นกั๋วก็อึ้งไปพักนึง จาก นั้นก็ดีใจขึ้นมา “มันก็ต้องลงทุนได้อยู่แล้ว ประธานเฉิน แทบจะกราบขอร้องให้คุณทำแบบนั้น ไม่มีปัญหา ไม่มี ปัญหาแม้แต่น้อย ! ผมจะรีบไปจัดการให้คุณเดี๋ยวนี้ ! ”

“อืม อย่าใช้ชื่อเป็นตัวบุคคลนะ ให้ใช้ในนามของบริษัทการค้าจินหลิงดีกว่านะพี่เจิ้น กั๋ว~ !” เฉินเกอพูด ไปประโยคนึง

“ได้ ภายในหนึ่งชั่วโมง ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ เรียบร้อย ! ” หลี่เจิ้นกั๋วพูดอย่างมีความสุข ตอนนี้คุณ ชายเฉินมีการพัฒนาขึ้นอย่างมาก !

หลังจากวางสาย

เฉินเกอก็เตรียมตัวกลับโรงเรียน ได้เวลาเตรียม ตัวสอบวิชาที่สามแล้ว ค่อยกลับไปฝึกวิชาที่สามดีกว่า แต่พอถึงโรงเรียน หยางฮุยก็โทรเข้ามาทันที

“ฮ่าๆๆ เฉินเกอ มีข่าวดี มันเป็นข่าวที่ดีมากๆ ! ” หยางฮุยพูดไปหัวเราะไป

“อ่า? เรื่องอะไร?” เฉินเกอพอถูกคนพูดด้วยความ ตื่นเต้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมา

“เป็นหยางเสว่ หยางเสว่กับลู่หยางมีเรื่องตบตีกัน แถมตำรวจก็มาด้วย บอกว่าจะจับลู่หยาง เอาเป็นว่ามัน เดือดมาก ! ตอนนี้พวกเรากำลังเตรียมตัวที่จะไปดูใต้ ตึกของหอพักหญิง !

หยางเสวกับลู่หยางตบตีกันงั้นเหรอ? แถมยังมีตำรวจมาด้วย?

หัวสมองของเฉินเกอเต็มไปด้วยความมึนงง แค่ คนสองตบตีกันมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ไง?

ไปดูสักหน่อย !
เฉินเกอที่คิดไม่ตกหลังจากได้วางสาย ก็เดินไป ทางหอพักหญิงด้วยคน !


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ