ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 15 ความคิดที่อยากจะซื้อรถ



บทที่ 15 ความคิดที่อยากจะซื้อรถ

เฉินเกอได้ยินเสียงจึงหันกลับไป

เห็นสาวสวย ผิวขาว ร่างสูง สวมกางเกงเดนิมรัดรูป และรองเท้าส้นสูงขนาดเล็กยืนอยู่ตรงหน้าเฉินเกอ

เธอยืนกอดมองเฉินเกออย่างดูถูกและพูดว่า

“เฉินเกอ นายนี่มันจริงๆเลย ในขณะที่ได้รับเงินทุน สนับสนุนการศึกษาจากคณะเราก็มีเงินไปซื้อกระเป๋าใบละ สามแสนกว่า? ฉันจะบอกนายว่าเงินทุนสนับสนุนของปีนี้ นายอย่าหวังว่าจะได้!”

เธอพูดด้วยความเย็นชา

“เจียงเวยเวย นั่นเป็นเพราะเฉินเกอช่วยคน คนคน นั้นต้องการขอบคุณเขาก็เลยให้บัตรช้อปปิ้งนั่นมา เธอจะ ยกเลิกเงินสนับสนุนได้อย่างไร? เธอเป็นถึงประธาน สหภาพนักศึกษาไม่ใช่หรือ?”

หยางฮุยหัวหน้าหอพักมองไปที่เด็กผู้หญิงที่เย็น ชาตรงหน้าเขาและอดไม่ได้ที่จะพูด

“เกี่ยวอะไรกับนาย? เงินทุนสนับสนุนการศึกษาที่ เฉินเกอได้รับทุกปีล้วนมาจากนักศึกษาอย่างพวกเราช่วย ยื่นเรื่องให้เพราะเห็นแก่ความประพฤติตัวของเขาเอง แต่ ตอนนี้เขากลับซื้อกระเป๋าราคาตั้งสามแสนกว่าหยวน! ตอน นี้ไม่รู้ว่าทั้งคณะทั้งมหาวิทยาลัยรู้กันหมดหรือยังว่าใน คณะเรามีคนโง่อยู่ด้วยคนหนึ่ง!”

“ความผิดข้อนี้เป็นการทำลายชื่อเสียงของคณะ

เหตุผลนี้น่าจะพอสำหรับการยกเลิกเงินทุนช่วยเหลือความยากจน!”

เจียงเวยเวยใช้สายตามองไปที่เฉินเกอด้วยความ รังเกียจ เห็นได้ชัดว่าการถ่ายทอดสดของหานเฟยเอ๋อเมื่อ คืนนี้ทำให้ทุกคนรู้เรื่องที่เฉินเกอซื้อกระเป๋าใบนั้น

และเธอเป็นประธานสหภาพนักศึกษา

อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในประธานหญิงเพียงไม่กี่ คนในมหาวิทยาลัย

ครอบครัวมีฐานะมั่งคั่ง เธอเข้ามาจัดการเรื่องเกือบ จะทั้งหมดของคณะ เป็นนักศึกษาที่มีทั้งเงินและอิทธิพล และเธอก็ทำได้ดี

อาจารย์ทุกท่านในคณะล้วนคุ้นเคยกับเธอ เธอมีลักษณะท่าทางในแบบพี่สาว

ดังนั้นสำหรับเฉินเกอที่เป็นคนจนและไม่มีอำนาจ อะไร เธอจึงไม่ได้มองเขาในสายตาเลย

ทว่าเฉินเกอมีลักษณะอย่างหนึ่งนั่นคือการเชื่อฟัง เมื่อก่อนเจียงเวยเวยนำเรื่องเงินทุนช่วยเหลือความยากจน หลอกใช้ให้เขาทำนี่ทำนั่นไม่ใช่แค่วันสองวัน

ทั้งๆที่ความจริงแล้วนักเรียนที่ยากจนไม่จำเป็นต้อง ทำหน้าที่เป็นแรงงานฟรีให้เจียงเวยเวยเหมือนผู้ใต้บังคับ บัญชา

นี่เป็นเหตุผลที่หยางฮุยไม่ค่อยเข้าใจเจียงเวยเวย “ฮี เฉินเกอ นายบอกมาซิว่าจะทำอย่างไรกับเรื่อง

นี้?”

เจียงเวยเวยกอดอกและพูดด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
เฉินเกอขมวดคิ้ว พูดตามความจริงเขาไม่จำเป็น ต้องพึ่งเงินทุนช่วยเหลือความยากจนอีกต่อไป

แต่เมื่อวิเคราะห์อย่างดีแล้ว แม้ว่าเจียงเวยเวยจะ ดูถูกและรังแกเขามาโดยตลอด แต่ก็เคยลงแรงช่วยเขาให้

ได้รับเงินทุนช่วยเหลือความยากจนนั้น

เฉินเกอถาม “เธอคิดว่าอย่างไรล่ะ?”

“ฮี คิดอย่างไรงั้นหรือ? ฉันจะบอกนายว่าถ้ายัง อยากได้เงินทุนช่วยเหลือความยากจนต่อล่ะก็ นายจะต้อง ทำเรื่องหนึ่งให้ฉัน ส่วนความเสื่อมเสียที่นายทำให้คณะ เราเสียชื่อเสียง ฉันลืมมันไปก็ได้!”

ที่เจียงเวยเวยพูดคือเรื่องกระเป๋าของเฉินเกอ จาก นั้นก็โดนคนรุมด่าว่าหน้าโง่

พอเจียงเวยเวยนึกถึงมันก็รู้สึกขยาด

หนึ่งคือเกลียดคนจนที่โชคดี เขาได้รับบัตรช้อปปิ้ง

แบบนั้น

สองคือเฉินเกอมอบกระเป๋าใบละ 360,000 หยวน ให้คนอื่นเป็นของขวัญวันเกิด

360,000 หยวนเลยนะ!

ถ้าเอามาให้เธอ จะได้หน้าขนาดไหน

แต่เฉินเกอคนนี้กลับไม่มีท่าทีอะไรที่แสดงให้เธอ เห็น งั้นดี…มาดูกันซิว่าเงินทุนช่วยเหลือความยากจนครั้ง ต่อไปจะทำอย่างไร?

คนโง่!

เจียงเวยเวยคิดในใจ
“เธออยากให้ฉันทำอะไร?”

เฉินเกอมีสีหน้าเรียบนิ่ง

“ง่ายๆเลย สัปดาห์หน้าคณะพวกเรามีการจัด กิจกรรมใหญ่ ต้องการคนทำความสะอาดสถานที่ ฉันจะให้ นายไปจัดการทำความสะอาดที่นั่น! ส่วนเรื่องเงินทุนช่วย เหลือความยากจนฉันจะช่วยนายเสนอเรื่องเอง! ฉันจะบอก นายให้นะ เฉินเกอ อย่าเอาไปพูดว่าฉันไม่ดูแลนาย! วันนี้ ตอนเที่ยงก็ไม่ต้องเข้าเรียน ฉันเขียนใบลาให้นายแล้ว!”

เจียงเวยเวยโยนใบลาให้หยางฮุยและขอให้เขานำ กลับไป

หลังจากเหลือบมองเฉินเกอแล้ว เธอก็เหยียบ รองเท้าส้นสูงเดินจากไป

“ให้ตายเถอะ ยัยผู้หญิงคนนี้ คิดแต่จะรังแกคน

อื่น!”

หยางฮุยก่นด่า

เพื่อนร่วมหออย่างหลี่ปินก็โมโหไม่เบา “เสี่ยวเกอ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องไปแล้ว สถานที่จัดงานก็ออกจะใหญ่ เสียขนาดนั้น แล้วยังจะให้เสี่ยวเกอไปทำความสะอาดอีก พวกเราไปเข้าเรียนได้แล้ว”

เขาตบไหล่เฉินเกอ

“ถ้าไม่ไป…แล้วเงินทุนช่วยเหลือความยากจนของ เสี่ยวเกอจะทำอย่างไรล่ะ?”

พวกเพื่อนร่วมหอรู้สึกกังวลเล็กน้อย

หยางฮุยปรบมือพูดในที่สุด
“ไม่เป็นไร พวกเราก็รีบช่วยเสี่ยวเกอทำความ สะอาดสถานที่จัดงานสิ!”

“ใช่แล้ว! วิธีนี้แหละ!”

เพื่อนร่วมหอต่างพยักหน้าเห็นด้วย

เฉินเกออบอุ่นในใจ

นี่คือสาเหตุที่ในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้ แม้ว่าเฉินเกอ จะประสบความอัปยศอดสูในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่เขาก็ ยังมองโลกในแง่ดีได้

เนื่องจากความจนของเขา เขาจึงได้พบเพื่อนแท้ที่ คอยช่วยเหลืออย่างจริงใจ

เมื่อพิจารณาถึงมิตรภาพระหว่างเขากับพวกเพื่อนๆ เฉินเกอจะปล่อยให้พวกเขาถูกลงโทษกับเขาได้ อย่างไร

พูดตามตรง ตอนนี้เฉินเกออยากจะบอกพวกเขา ทั้งหมดว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นทายาทเศรษฐี

แต่เฉินเกอไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาบอกไปแล้ว มิตรภาพระหว่างพวกเขาจะดำเนินต่อไปได้หรือไม่

เพราะในใจของเฉินเกอความรู้สึกที่มีเพื่อนแบบนี้ คือความมั่งคั่งที่แท้จริง!

“ช่างเถอะ ฉันไปเองก็ได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันไป ทำความสะอาดสถานที่นั่นสักหน่อย พวกนายไม่ชำนาญ เท่าฉันหรอก หากไปช่วยจะยุ่งเปล่าๆ!”

หลังจากคิดเรื่องนี้ เฉินเกอก็ตัดสินใจที่จะไม่เปิด เผยตัวตนในขณะนี้!
จึงพูดติดตลก

พอพูดจบ เขาก็เดินมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงาน

“เฉินเกอ ทำไมนายถึงเพิ่งมา? ยังยืนบื้ออยู่อีก? ถือว่าซื้อกระเป๋าได้แล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นสิ?” พอเฉินเกอเดินเข้าไปก็ได้ยินน้ำเสียงดูถูกของเจียง

เวยเวย

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา นักศึกษาชายหญิง หลายคนที่ฝึกซ้อมอยู่ในสถานที่นั้นก็หัวเราะ

เนื่องจากมีรายการแสดงสัปดาห์หน้า

ดังนั้นเจียงเวยเวยจึงนำทีมการแสดงมาฝึกซ้อมที่นี่

“อย่าพูดแบบนั้นสิ นั่นคือคนที่ซื้อกระเป๋าใบละ 360,000 หยวนเชี่ยวนะ พวกเราจะเอาอะไรไปเทียบได้!”

“ใช่จะพูดอะไรก็นึกถึงใจประธานด้วย ระวังวันหลัง เศรษฐีเฉินเกอจะใช้เงินฟาดหน้าเธอจนร้องไห้ก็ได้นะ!”

นักศึกษาหญิงกลุ่มหนึ่งมองเฉินเกอและหัวเราะเอา มือปิดปาก

ส่วนนักศึกษาฝ่ายชายมีท่าทีแปลกออกไปโดยยิ้ม มุมปากเยาะเย้ยเขา

จริงๆแล้วพวกเขาเป็นคนขี้อิจฉาริษยา อิจฉาความ โชคดีของเฉินเกอ

ถ้าหากนำ 360,000 หยวนให้พวกเขาหรือซื้อ กระเป๋าให้ประธานเจียงเวยเวยก็คงจะขึ้นเตียงกับเธอได้โดยตรง!

เฉินเกอทำเป็นหูหนวก ไม่อยากจะพูดอะไร

และเตรียมทำความสะอาดต่อจากนั้น ทำความ สะอาดสิ่งสกปรกที่พวกเขาทิ้งไว้

ไสหัวไป! ไม่ต้องมาทำตรงนี้ คิดว่าตัวเองเป็น

เศรษฐีจริงๆหรือไง? หน้าโง่!

ทันใดนั้นชายตัวสูงก็เดินมาผลักเฉินเกอออกไป

อย่างหยาบคาย

เกือบทำให้เฉินเกอล้มลง

เขาคือหวังหยาง แน่นอนว่าเฉินเกอรู้จักเขา เขา

เป็นรองประธานในคณะ และยังเป็นหัวหน้าทีมบาสเก็ตบ อลของคณะอีกด้วย ครอบครัวทำธุรกิจการค้าจึงเป็นคนมีเงิน มีฐานะ

ก่อนหน้านี้ก็เคยใช้คำพูดเหน็บแนมเฉินเกออยู่ไม่

น้อย

“หวังหยาง ทำไมนายถึงเพิ่งมาล่ะ?”

เดิมทีเจียงเวยเวยมีสีหน้าเย็นชา แต่หลังจากเห็นหวังหยาง ใบหน้าเธอก็เริ่มดูดีขึ้น มาไม่น้อย

เนื่องจากเจียงเวยเวยชื่นชอบหน้าตาหล่อเหลาของ หวังหยางมาก เล่นบาสเก็ตบอลก็เก่ง ทั้งสูงทั้งหล่อ ครอบครัวก็มีฐานะ

ยากที่พวกนักศึกษาผู้หญิงจะไม่โปรดปราน
ในขณะเดียวกันพวกศึกษาหญิงชมรมศิลปะหลาย คนก็มองไปที่หวังหยาง “อ๋อ ลืมบอกไป เช้านี้เอารถไปแต่งนะ!”

หวังหยางจิบน้ำแร่

“รถ? เอ๊ะ! นายซื้อรถงั้นหรือ?”

มีนักศึกษาหญิงถามด้วยความตกใจ

“ฮ่าฮ่า แค่ Audi A6 นะ แต่มันก็เหมาะมือจริงๆ!”

หวังหยางหัวเราะ

“ว้าว!”

กลุ่มผู้หญิงอิจฉากันจะตายอยู่แล้ว

แม้กระทั่งเจียงเวยเวยที่หัวสูงก็เริ่มยิ้มๆ “ผลิตใน ประเทศหรือว่านำเข้าล่ะ?”

ในความเป็นจริงไม่ว่าจะผลิตในประเทศหรือนำเข้า ก็มีประสิทธิภาพมากทีเดียว

“นำเข้านะ ใช้เส้นสายจากเพื่อนของพ่อฉันเอง! ถูก กว่าเป็นแสนแน่ะ ฮ่าๆ!” หวังหยางหัวเราะ

ในขณะนี้ แม้แต่สีหน้าของเจียงเวยเวยก็รู้สึกแปลก ใจเล็กน้อย

ขณะที่เฉินเกอกำลังทำความสะอาดอยู่ข้างสนาม เขาอดไม่ได้ที่จะตั้งใจฟังเมื่อได้ยินว่าหวังหยางซื้อรถ

จริงๆแล้วเฉินเกอมีความฝันเล็กๆมาโดยตลอดนั่น คือการได้ซื้อรถ

ตราบใดที่มันเป็นรถยนต์ก็ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงยี่ห้อ!

ทำไมถึงเป็นความฝัน เพราะในอดีตตอนที่เฉินเกอ ซื้อรถ เขาได้แต่คิดไว้ในความฝัน

ดังนั้นเขาจึงตั้งใจฟังบทสนทนาของพวกเขาด้วย ความอยากรู้อยากเห็น

และวิญญาณออกจากร่างไปชั่วขณะ

เขากวาดไม้กวาดไปที่ใต้กระโปรงหญิงสาวที่นั่งอยู่

ใต้แท่นประธานโดยไม่รู้ตัว

“อา!”

หญิงสาวคนนั้นกรีดร้องออกมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ