ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 105 เจอเพื่อนสมัยมัธยมปลาย



เมื่อประตูรถถูกเปิดออก ผู้หญิงทั้งสี่คนก็อึ้งไป

what?

รถหรูคันนี้ เป็นรถของเฉินเกอเหรอ?

เขาเป็นคนที่จนที่สุดในสาขาไม่ใช่เหรอ? ทําไมถึงขับรถที่สวยหรูขนาดนี้ล่ะ?

สายตาที่ผู้หญิงทั้งสี่คนใช้มองไปทางเฉิน เกออีกครั้งนั้น ดูเปลี่ยนไปทันที

แค่รถคันนี้ ก็ดูดีกว่ารถออดี้ของพี่หยางเป็น

หลายเท่าแล้ว กุย หยางอะไรกัน ดูดีกว่ารถของ หวังหยางเป็นหลายเท่าต่างหาก!

แลมโบกีนี เท่มากเลย

สีหน้าของผู้หญิงที่ยืนเป็นคนแรกขาวซีด ไปหมด แต่ก็วิ่งเข้าไปช้าๆแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “พี่เฉิน พี่เฉิน รถคันนี้เป็นรถของพี่เหรอคะ? เป็น ของพี่จริงๆเหรอคะ?”

“ถ้าไม่ใช่ของฉันแล้วจะเป็นของเธอเหรอ?”

เฉินเกอรู้สึกคุ้นชินกับผู้หญิงแบบนี้ตั้งนาน แล้ว จึงได้พูดไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ว้าว! รถคันนี้เท่มากเลยค่ะ ราคาน่าจะสบ ถึงยี่สิบล้านใช่ไหมคะ?”

ไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็มายืนใกล้รถทันที ดู เธอจะชอบรถหรูคันนี้มาก แค่เธอได้นั่งรถคันนี้ดู สักครั้ง เธอก็ยอมตายแล้ว!

ส่วนผู้หญิงอีกสามคนก็วิ่งเข้ามาเหมือนกัน และสายตาที่พวกเธอใช้มองเฉินเกอนั้นเต็มไป ด้วยความเคารพ

“สิบแปดล้าน ง!”

ทันทีที่เฉินเกอสตาร์ทรถ ก็มีเสียงรถที่ เซ็กซี่ดังขึ้นมา

“ว้าว! เท่จริงๆเลย พี่เฉินคะ พี่จะไปที่ไหนเห

รอคะ ให้พวกฉันไปนั่งด้วยได้ไหม?”

หญิงสาวถามด้วยรอยยิ้ม

“ไสหัวออกไป!”

แต่เฉินเกอเลือกด่ากลับไปด้วยน้ำเสียงที่

เย็นชา

จริงๆแล้ว ผู้หญิงพวกนี้ค่อนข้างสวย แต่ สวยก็ส่วนสวย เพราะเมื่อสักครู่ยังช่วยหวังหยาง ทําร้ายเขาอยู่เลย และตอนนี้อยากให้เขาพาพวก เธอไป มันจะมีเรื่องดีๆแบบนี้ที่ไหนกัน?

หลังจากค่าเสร็จ เฉินเกอเคลื่อนรถออกไป
“พี่เฉินพี่เฉิน! พี่พี่…….

เมื่อพวกเธอไม่ได้รับความสนใจจากเขา ก็ กระทืบเท้าด้วยความโกรธ

พวกเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจริงๆแล้วเฉิน เกอเป็นคนมีฐานะ

พวกเธอก็รู้สึกราวกับว่าพวกเธอสูญเสีย อะไรบางอย่างไป พวกเธอทําเพื่อคนอย่างหวัง หยาง จนทําผิดต่อคนรวยอย่างเฉินเกอ มันไม่คุ้ม เลยจริงๆ!

มาพูดถึงเฉินเกออีกครั้ง

หลังจากด่าพวกเธอเสร็จ เฉินเกอก็ขับตรง

มาที่งานจนมาจอดอยู่นอกงาน ถึงแม้เขาจะมาเช้าไปหน่อย แต่ว่าเหลียงไป เชิงและผู้นำอีกหลายคนก็มาถึงกันแล้ว

ในงานแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการ ประชุมเกี่ยวกับการสร้างโรงเรียนเป็นเวลาหนึ่ง ชั่วโมง ส่วนนี้ต้องให้เฉินเกอและกลุ่มผู้นำทำการ ประชุมในห้องประชุมแยกต่างหาก

การสร้างโรงเรียนปฐมเพื่อเด็กยากไร้ใน ครั้งนี้เฉินเกอเป็นคนลงทุนเอง ซึ่งมีการสร้าง ประมาณ 20 ถึง30แห่ง และจุดประสงค์ในการ สร้างก็เพื่อจัดสรรสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ ให้กับลูกหลานของแรงงานข้ามชาติ

เรียกได้ว่าเป็นการคุณงามความดีครั้งยิ่งใหญ่

และแน่นอนว่าต้องได้รับความสนใจจากคน ภายนอกเป็นอย่างมาก

ในส่วนที่สอง ก็คือการประชุมกับกลุ่มคน ที่มาสมัครงานในห้องประชุมใหญ่

ยังเหลืออีกสองเดือนทางโรงเรียนก็จะ สามารถเปิดทําการรับสมัครนักเรียนได้แล้ว ส่วน เรื่องบุคลากรในโรงเรียนต้องคัดเลือกและผ่าน การอบรมก่อน และต้องใส่ตารางเวลาไว้ล่วงหน้า ทุกคน

ประชุมแรกเฉินเกอไม่เข้าร่วมไม่ได้ จึงได้ ฟังเหลียงไป๋เชิงพูดโน้นพูดนี้ราวๆแล้วสองชั่วโมง

และสำหรับการประชุมกับกลุ่มคนที่มา สมัครงาน เฉินเกอก็ไม่คิดที่จะเข้าร่วมอยู่แล้ว

เพราะว่าการประชุมนี้ไม่มีอะไรที่เขาจำเป็น

ต้องขึ้นไปพูด

และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เวลาเขาอยู่กับกลุ่ม คนที่เป็นครู เฉินเกอจะรู้สึกกดดันมา พูดคุยกันก็ ไม่ใช่ระดับเดียวกัน ความรู้เยอะ ทำให้เฉินเกอร์ กบรรยากาศมันอึดอัด

เมื่อมีเวลาเหลือหนึ่งชั่วโมง เฉินเกอกำลัง คิดอยู่ว่าตัวเองใช้หนึ่งชั่วโมงนี้ไปดูโรงเรียนปฐม เพื่อเด็กยากไร้ที่อยู่ใกล้ๆกับสถานที่จัดงาน!

เพราะยังไงซะนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ตัวเองทำและมีความหมายมากๆ

เฉินเกอไม่ได้ขับรถไป แต่กลับเดินไปที่ โรงเรียนปฐมเพื่อเด็กยากไร้เอง

สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ แค่ตอนที่เริ่มสร้าง ใหม่นั้นก็เสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ยังไม่ถึงสองเดือน ก็ถึงขั้นตอนของการปรับปรุงและตกแต่งแล้ว และสีเขียวของทั้งโรงเรียนก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว

ต้องพูดเลยว่า การลงทุนมหาศาลเพื่อสร้าง โรงเรียนประถมนั้น สภาพแวดล้อมมันจะดีแบบนี้ นี่เอง

เขาเพิ่งจะถ่ายรูปได้สองรูป แล้วกำลังจะส่ง ไปให้พี่สาวของเขา

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ บรรยากาศในโรงเรียนไม่รู้เหรอ? มองไม่เห็นค่ เตือนบนป้ายหรือยังไงกัน?”

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเย็นชาของผู้หญิงคน หนึ่งดังขึ้นมา

จนทำให้เฉินเกอรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที พอหันหน้ากลับไปมอง ก็เจอป้ายที่เขียนไว้

ว่าห้ามถ่ายรูป

“ขอโทษทีครับ พอดีผมไม่ทันได้สังเกตนะ ครับ ผมจะลบออกเดี๋ยวนี้เลยครับ!”

ถึงแม้เขาจะเป็นคนสร้างโรงเรียนนี้ขึ้นมาแต่เฉินก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องมีสิทธิพิเศษอะไร

เขาจึงเตรียมให้ความร่วมมือและลบภาพที่

เขาถ่ายไว้เมื่อสักครู่

“เออ? นายคือ?

ไม่คิดว่า หลังจากเฉินเกอหันหน้ามา ผู้หญิง ใส่ชุดเครื่องแบบยืนอยู่ข้างหน้าของเขา และมัดผมหางม้าไว้ เธอจะรู้จักเขาด้วย?

“เฉินหลิน เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ?”

ข้างๆของผู้หญิงที่ชื่อเฉินหลิน ก็มีผู้หญิง สองคนและผู้ชายหนึ่งคนยืนอยู่ และถามเฉิน หลินด้วยความประหลาดใจ

ฉันต้องรู้จักเขาแน่นอนสิ! เขาเป็นเพื่อน สมัยมัธยมของฉัน! ทำไมเหรอเฉินเกอ? ไม่ได้เจอ กันแค่สองปี นายก็ฉันไม่ได้แล้วอย่างนั้นเห รอ?”

เฉินหลินพูดออกมาด้วยความตกใจเล็ก น้อย แต่ตกใจก็ส่วนตกใจ เพราะเฉินเกอกลับเห็น สายตาที่มีความหยอกล้อของเธอที่ได้เห็นเขา

ให้ความรู้สึกราวกับตกใจที่ได้เจอคางคกที่ ตัวเองเคยเอาก้อนหินไปปาใส่ จนตัวเองคิดว่า คางคกตัวนั้นได้ตายไปแล้ว และไม่ได้เจออีก แน่นอน แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือเวลาผ่านไปหลายปี คางคกตัวนั้นกลับมายืนอยู่ข้างหน้าของเขา

พูดตามตรง เมื่อเฉินเกอได้เห็นเฉินหลินที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเขา เฉินเภอก็มีสีหน้าที่อึ้งไป จนพูดไม่ออกเหมือนกัน

เขาจะต้องรู้จักเฉินหลินแน่นอน เพราะทั้ง สองคนเรียนอยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ม.4 แล้ว และ ช่วงแยกสาขาตอนอยู่ม.5 ก็ได้อยู่สาขาเดียวกัน อีก

เฉินหลิน ในตอนนั้นเหมือนจะเป็นคณะ กรรมการศิลปะของห้องมั้ง เพราะเธอจะเป็นคนที่ ร้องเก่งเต้นเก่ง

แต่มันก็แค่นั้น เพราะตอนนั้นเฉินเกอและ เฉินหลินไม่ค่อยสนิทกัน

คุณก็คิดดูแล้วกัน ผู้หญิงในสมัยนั้นเป็นผู้ หญิงที่ชอบคนที่ฐานะทางบ้านดี และชอบคนที่ เข้ากับเพื่อนในชั้นเรียนได้ดี ซึ่งเฉินเกอนั้นไม่มี ทั้งสองอย่างเลย!

แล้วยิ่งไปกว่านั้น ตอนมัธยมเขาเรียนอยู่ใน เขตมณฑลอีก และเฉินหลินก็เป็นคนในมณฑล นั้นด้วย ในตอนนั้นไว้ว่าจะเป็นสายตาหรือว่า ฐานะทางครอบครัว เธอก็ไม่มีวันที่จะมองเฉินเกอ เป็นเพื่อนด้วยเด็ดขาด

การพูดคุยกันในสามปีนั้น ยังไม่เยอะเท่าที่ พูดเมื่อสักครู่เลย!

แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงการติดต่อกันหลังจาก จบมัธยมปลาย
ถึงแม้เฉินเกอจะเห็นว่าเฉินหลินยังคงมอง มาที่เขาด้วยสายตาที่รังเกียจเหมือนเมื่อก่อน แต่ ในใจของเฉินเกอก็ยังมีความคิดถึงความหลังอยู่ เหมือนกัน

“จริงด้วย สามปีแล้วน้อที่พวกเราไม่ได้เจอ กัน ฉันแทบจะจําเธอไม่ได้เลย เพราะว่าเธอดูสวย ขึ้นมาก!”

เฉินเกอเผยรอยยิ้มออกมา

แหมมมมม ไม่ได้เจอกันไม่กี่ปี คนอย่าง

เฉินเกอก็รู้จักชมคนอื่นแล้วเหรอ แต่ทำไมพอฉัน ฟังแล้วมันรู้สึกขัดๆล่ะ!

เฉินเกอกอดอกแล้วยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

“เสี่ยวหลิน ในเมื่อพวกเขาเป็นเพื่อนของ เธอ งั้นช่วยแนะนำให้ฉันได้รู้จักหน่อย…….”

ผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อเห็นว่าเฉินเกอมีหน้าตาที่ หล่อเหลา จึงได้ยิ้มและพูดขึ้นมา

“นี่ หยางเฟยเธออย่าบ้าผู้ชายขนาดนี้ได้

ไหม เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเฉินเกอเป็นแบบไหน ตอนที่เขาเรียนอยู่ห้องเดียวกับพวกเรา?” โอ้พระเจ้า เฉินหลินรู้สึกหมดคำพูดที่จะพูด

จริงๆ

ตัวเองกับเพื่อนๆก็แบบนี้แหละ เมื่อได้เจอ กับผู้ชายที่ดูดีนิดหน่อย ก็คิดถึงแต่เรื่องหาคู่ให้ กับตัวเองแต่ก็น่าจะเบิกตาให้กว้างๆนิดหนึ่ง

เฉินหลินยอมรับว่าหน้าตาของเฉินเกอนั้นดี มาก แต่เขากลับเป็นคน………

“ทําไมเหรอ?”

“ก็ตอนที่เฉินเกอเรียนมัธยมห้องเดียวกับ พวกเราอ่ะ เขาเป็นคนจนที่ดังในโรงเรียนไง พวก เธอรู้ไหมว่าปกติแล้วเขากินข้าวเที่ยงกับอะไร? เขากินกับหมั่นโถวและผักกาดดอง แถมชุด นักเรียนที่เขาใส่ ถึงแม้ซุดจะเต็มไปด้วยรอยปะ เขาก็ไม่ยอมเปลี่ยนชุดใหม่!”

“อะไรนะ? จนถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”

ผู้หญิงที่ซื่อหยางเฟยแลบลิ้นออกมาทำ

ราวกับอยากจะอ้วก เพื่อเป็นการแสดงออกว่าน่า กลัวจริงๆ

“ฉันไม่เชื่อ เฉินหลินเธอก็พูดเกินไปหรือ เปล่า?”

ผู้ชายคนนั้นยิ้มเจื่อนๆแล้วก็พูดขึ้นมา”ถ้า จนขนาดนั้นไปตายไม่ดีกว่าเหรอ!”

“อะไรนะ? ฉันพูดเกินไปอย่างนั้นเหรอ? เฉินเกอ นายลองบอกมาซิว่าสิ่งที่ฉันพูดนั้นเป็น เรื่องจริงหรือว่าไม่จริง?”

เฉินเกอรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที

เธออยากจะให้เขารับรองว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นมันเป็นเรื่องจริง เพื่อเยาะเย้ยและพูดแทงใจดำ ต่อหน้าของคนอื่น เฉินเกอแทบจะไม่มีตัวตนอยู่ ในสายตาของเฉินหลิน และเฉินเกอก็เป็นเพียง คนในหัวข้อการพูดคุยก็เท่านั้นเอง

“ฮ่าฮ่าฮ่า มันคือเรื่องจริง”

เฉินเกอยิ้มออกมาเจื่อนๆ ในใจคิดว่า ลักษณะนิสัยของเฉินหลินนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่ เปลี่ยน

ถึงแม้เธอจะพูดกัดตัวเอง แต่เฉินเกอก็ไม่ได้ มีท่าทีที่โกรธเลย

เพราะยังไงซะ สิ่งที่เฉินหลินพูดเมื่อสักครู่ก็ เป็นเรื่องจริงทั้งหมด จะดูถูกก็ให้ดูถูกไป เขาเองก็ ไม่อยากเปิดเผยสถานะของตัวเองกับพวกเธอ เพราะว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย!

“จริงสิเฉินหลินพวกเธอมาทำอะไรที่ โรงเรียนเหรอ? แต่ดูลักษณะแล้ว อย่าบอกนะว่า เธอเป็นครูสอนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้นะ? หางาน ได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ!”

เฉินเกอถามขึ้นมา เมื่อสักครู่ตอนเขาออก มาจากห้องโถง ก็ได้เห็นกับพวกคุณครูที่เข้ามาที่ ห้องโถง ทุกคนก็ใส่ชุดแบบนี้กันทั้งหมด

“อืมอืม พวกฉันฝึกงานเร็วนะ ยิ่งไปกว่านั้น คือฉันมีใบรับรองการเป็นครูแล้ว แน่นอนว่า จัดการอะไรได้ง่ายมากขึ้น ต่อไป ฉันก็จะอยู่ยาวและหาความก้าวหน้าให้กับตัวเอง เมืองใหญ่ อย่างเมืองจีนหลิงแห่งนี้นี่แหละ นายล่ะ ได้ยินมา ว่านายสอบเข้ามหาวิทยาลัยจีนหลังได้ แล้ว นายมีที่ทำงานหรือยัง?”

ยังไงซะหลายปีที่ผ่านมานี้ก็มีความโตขึ้น เล็กน้อย ถึงแม้เฉินหลินจะดูถูกดูแคลนเฉินเกอ แต่ก็ยังถามเขาด้วยประโยคที่มีมารยาท

“ฉันเหรอ ยังไม่มีเลย ก็กำลังคิดอยู่เหมือน กันว่าต่อไปจะทําอะไรดี! ‘

เฉินเกอยิ้มขึ้นมา

“ฮ่าฮ่า พูดตามตรงนะเฉินเกอ ตอนแรกคิด ว่าชีวิตของนายจะดีขึ้นนิดหนึ่งหลังจากนายได้ เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย แต่ไม่คิดเลย ว่า….เฮ้อ มันไม่ได้จริงๆฉันว่านายควรกลับไปอยู่ ที่บ้านเกิดของตัวเอง ไปลองดูว่าจะสามารถหา งานที่มณฑลได้หรือเปล่า กลับไปที่เมืองของนาย หาที่ทํากินที่หนึ่ง ทำการปลูกพืชหรือว่าเลี้ยงสัตว์ อะไรสักอย่าง ตอนนี้มีนักศึกษาที่จบ มหาวิทยาลัยมากมายที่หันไปทำอาชีพนี้!”

เฉินเกอกอดอกไว้ ตั้งแต่ตอนแรกเธอก็รู้สึก ว่าเฉินเกอดูเป็นคนที่ไม่มีอนาคต จนตอนนี้บท สนทนาเพียงง่าย เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเฉินเกอยิ่งดูเป็น คนไม่มีอนาคต

ทั้งๆที่ใกล้ถึงเวลาที่ต้องออกไปฝึกงานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการจะทำอะไร!
เมื่อเห็นท่าทีของเฉินหลินที่กำลังพูดสอน เขา เฉินเกอก็ทําแค่เพียงยิ้มเจื่อนๆและพยักหน้า ให้กับเธอ

และผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆก็พยักหน้าแล้วก็ พูด: “พูดได้ไม่เลวเลยนิ เป็นธรรมดาที่นักศึกษาที่ จบปริญญาสมัยนี้จะหางานยาก ถ้าเป็นบริษัท ขนาดเล็กก็ไม่ค่อยมีอนาคต ส่วนบริษัทขนาด ใหญ่ ก็ต้องการแต่คนที่เก่งๆ ก็นำเอามหาวิทยา ลัยจินหลิงของพวกเขามายกตัวอย่าง มันก็จะมี เพียงคนที่เก่งจริงๆเท่านั้น ที่จะสามารถหางานที่ ดีได้! ส่วนคนอื่นๆ ก็ต้องพึ่งเส้นสาย ก็ต้องพึ่ง ครอบครัวหางานอยู่ที่บ้านเกิดของตัวเอง!”

ส่วนผู้หญิงอีกคนหนึ่งก็พูดเสริมขึ้นมา: “พูด ถูกต้องเลย คนที่ลำบากที่สุดก็คือคนแบบเฉินเกอ นี่แหละ ต้องการความสามารถแต่ไม่มีความ สามารถ ต้องการคนพูดเก่งแต่ก็พูดไม่เก่ง แล้วก็ ยังจนอีกต่างหาก และการคบค้าสมาคมกับผู้อื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึง!”

พวกเขาผลัดกันพูดไปมา พูดจนเฉินเกอที่ ยืนอยู่ข้างๆเริ่มมึนหัว

เมื่อรอจนพวกเขาใกล้จะพูดเสร็จแล้ว เฉิน เกอจึงค่อยพูดแทรกขึ้นมา: “พวกคุณทั้งสี่คนเป็น ครูสอนที่โรงเรียนเพิ่งจะรับเข้ามาใหม่เหรอ? เงิน เดือนและสวัสดิการของโรงเรียนประถมแห่งนี้ จริงๆแล้วมันก็ไม่เลวนะ การให้ทางด้านการลงทุน195793392_550121916148477_7727116164336998313_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ