ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 544 ขึ้นรถเถอะ



บทที่ 544 ขึ้นรถเถอะ

“คุณชายลี่ พี่ชายคนนี้เป็นคนช่วยเราเอาไว้

ฉินหยาค่อยๆ ลงมาและเอ่ยกับชายหนุ่ม

” คุณชายอะไรกัน เสี่ยวหยาผมบอกคุณกี่ครั้งแล้วให้เรียก ฉันว่า ว่านหาว คุณชาย คุณชาย ห่างเหินเกินไปแล้ว! ”

หลว่านหาวกล่าว

ฉินหยาไม่ได้พูดอะไร

แต่เธอมองไปที่เฉินเกอ “พี่ชาย ยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร?”

ไม่รู้ว่าทำไมเช่นกัน ตั้งแต่แรกเห็นพี่ชายคนนี้ ในใจของฉันห ยาก็มีความรู้สึกสนิทสนมขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้

ความรู้สึกใกล้ชิดนี้ ก็ทำให้ฉินหยาเองยังรู้สึกเหลือเชื่อ

นานมากแล้วที่เธอไม่เคยมีความรู้สึกใดๆ ผู้ชาย

แต่ ยกเว้นเขา

ราวกับเธอได้เจอญาติที่หายไปนาน

“นั่นสิ วันนี้พี่ชายช่วยพวกเราเอาไว้ ยังไม่รู้เลยว่าคุณซื้อ อะไร!”

และสาวแว่นคนนั้น ก็เอ่ยถามยิ้มๆ เช่นกัน
“ช่างเถอะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ!”

เงินเกอกดปีกหมวกลง จากนั้นจึงหันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน

สายตาของสาวแว่น อดไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความผิดหวัง ปากของเธอยื่นออกมานิดๆ

“เมิ่งเลว่ เด็กคนนี้เป็นใครกัน กลางวันแดดจ้ากลับสวมหมวก สวมหน้ากาก ทำตัวเป็นเท่ไปทำไม!

หว่านหาวเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้ฟังเรื่องราวจากเฉินเมิ่งเสว่ เด็กคนนี้เห็นชัดว่ามาเป็นฮีโร่กอบกู้ความงาม

นี่เป็นโอกาสที่เขารอแล้วรอเล่าก็มาไม่ถึง จนทำให้ในใจของ หลี่ว่านหาวเป็น

ทั้งอิจฉาและหึงหวง

“หลี่ว่านหาว คุณมาพูดจาแบบนี้กับผู้มีพระคุณของฉันกับฉันห ยาได้ยังไง? ”

เฉินเมิ่งเสว่เอ่ยอย่างไม่พอใจ

“ก็เป็นอย่างนั้นจริงนี่ เด็กผู้ชายคนนี้เห็นชัดว่าเป็นพวกชอบ

ทําตัวเท่!”

หลี่ว่านหาวเอ่ย

“เอาล่ะเอาล่ะ อย่าเอะอะเสียงดัง เอาเป็นว่าไม่มีเรื่องก็ดีแล้ว พวกเธอไปทานอะไรสักหน่อย อีกสักครู่เมื่อปังกงท่านนั้นมาแล้วพวกเราจะต้องเข้าไปในทะเลทรายแล้ว! ”

หัวหน้าอาวุโสแนะนำ

ทุกคนถึงค่อยหยุดลง

พวกฉินหยาและทีมงานมีรวมกันมากกว่ายี่สิบคน สิบสามคน เป็นผู้ชาย ที่เหลือเป็นผู้หญิง

ครั้งนี้เข้าไปในทะเลทรายเพื่อทำการสำรวจ มีฉินหยาและ เฉินเมิ่งเสามาผู้สื่อข่าวที่ติดตามไปด้วย

ส่วนหลว่านหาวเขาเป็นลูกชายของหัวหน้าผู้สนับสนุน กิจกรรมการสํารวจ

มีพลังและอำนาจ อีกทั้งในระหว่างกิจกรรมแลกเปลี่ยน เขาก็ สนใจในตัวของฉินหยา จากนั้นก็ไม่อาจควบคุมได้อีก และเริ่ม เปิดตัวตามจีบอย่างบ้าคลั่ง

ดังนั้นเมื่อต้องเข้าไปในทะเลทราย เขาเองก็ตามมาด้วย

“ปังกงท่านนั้นเติบโตมาในทะเลทราย พวกเราที่เป็นคนต่าง ถิ่นหากคิดจะเข้าไปในทะเลทรายยังไงก็หลีกหนีไม่พ้นเขา ทน่า แปลกอย่างยิ่ง ทำไมตอนนี้เขายังไม่มาอีก?”

หลังจากที่ชายชรานั่งลง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกับผู้ติดตาม ที่ตามมา

ในขณะที่เขากำลังพูด เสียงระฆังอูฐก็ดังขึ้นด้านนอกประตู อูฐกว่ายี่สิบตัวพร้อมกับเกวียนหยุดลงอยู่ที่ประตู
“ไปกันเถอะ! ”

คนขับเป็นชายชราหน้าคล้ำผู้หนึ่ง มีหนวดเคราสีขาว ใบหน้า

เต็มไปด้วยริ้วรอย

เขาตะโกนขึ้นที่หน้าประตูของโรงแรม

ในพริบตา คนด้านในก็เดินออกมากันหมด

ดูจากสายตาแล้วเหมือนจะไม่ได้มีแค่ยี่สิบคน ยังมีนักเดินทาง อีกกว่าสิบยี่สิบคน รวมถึงรถที่เช่ารถของปังกงด้วย

พวกเขาวางสัมภาระและน้ำดื่มไว้บนตัวอูฐ

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ฝูงชนก็พร้อมที่จะออกเดินทาง

“ไปกันเถอะเสี่ยวหยา คุณบาดเจ็บ ผมจ่ายเงินเพิ่มไปแล้ว พวกเรากับศาสตราจารย์หยางสามารถไปนั่งบนรถได้ไม่ต้อง เดินแล้ว!”

เฉินว่านหาวเห็น ฉินหยากำลังลังเล และไม่หยุดหันไปมองทาง ชั้นสอง

ทันใดนั้นเขาก็อิจฉาขึ้นอย่างกะทันหัน “เสี่ยวหยา คุณคงไม่ ได้กำลังรอเด็กขี้เก๊กคนนั้นอยู่หรอกนะ?”

“ฉัน…ฉันจะรอเขาทำไม? พวกเราไม่รู้จักกันสักหน่อย!”

ฉินหยาเอ่ย

“อย่างนั้นก็ดี รีบไปเถอะ ผมพยุงเอง
“ไม่เป็นไร เมิงเสว่ประคองฉันไปก็ได้แล้ว!”

เมื่อคณะเดินทางเตรียมตัวพร้อมแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าสู่ทะเล

ทราย

จากนั้นเงินเกอถึงค่อยเดินออกมา

พูดตามตรง เขาไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอกับฉินหยาที่นี่หลัง จากไม่ได้เจอกันมานานกว่าหนึ่งปี

เธอทำงานแล้ว อีกทั้งนิสัยใจคอยังดีขึ้นกว่าเดิมมาก

อันที่จริง เฉินเกอเองก็อยากจะบอกเธอเช่นกัน

เนื่องจากพวกเขาเจอกันมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว

แต่เมื่อเฉินเกอเอ่ยหยั่งเชิงไปประโยคหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอจะ ยังไม่ลืมตนเอง

ในปีนั้น เขาทําผิดต่อเธอมากแล้ว เฉินเกอไม่ต้องการถ่วง เวลาเธอ เนื่องจากทั้งคู่แต่เดิมก็ไม่อาจเป็นไปได้

เมื่อครู่ เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งดีต่อเธอแบบนั้น ในใจของเฉิน เกอถึงแม้จะมีความรู้สึกแย่อยู่บ้าง แต่เขาก็อวยพรให้ฉินหยา

จากใจ

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ช่วยเธอรักษาแผลต่อ คงมีคนดูแลเธอเป็น อย่างดีแน่

หลังจาดแบกกระเป๋าสัมภาระ เฉินเกอก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่อ
งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ยังเหลือเวลาอีกสามเดือน

ดังนั้นการเดินทางในครั้งนี้ ตนเองจึงมีความรีบร้อนอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะต้องก้าวเข้าสู่ชั้นปรมาจารย์ แต่ยังต้องหาโลง ศพอมตะด้วย

เขาจะล่าช้าไม่ได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าไปในทะเลทรายได้ไม่นาน เฉินเกอก็เห็นว่า มีคนกลุ่มใหญ่กำลังขวางอยู่ตรงหน้าเขา

อีกทั้งยังมีการตีวงล้อมเอาไว้ด้วย

อาสาสมัครหลายคนที่มีปลอกแขนสีแดง ดูเหมือนจะกำลัง หยุดฝูงชนไม่ให้เดินหน้าไปต่อ

“ทำไมไม่ให้เข้าไปล่ะ? ทะเลทรายเป็นของครอบครัวคุณหรือ

ไง?”

นักเดินทางบางคนด่าขึ้น

“ขออภัยด้วย ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในทะเลทรายมีคนพบศพ หลายศพ การตายของพวกเขาน่าสังเวชอย่างยิ่ง ดังนั้นในทะเล ทรายจึงมีอันตรายอย่างยิ่ง ฉันขอแนะนำพวกคุณ ช่วงนี้อย่าเพิ่ง เข้าไปในทะเลทราย หากมาเที่ยวเล่นแล้วต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ คงไม่คุ้ม!”

อาสาสมัครกล่าว

“คิดจะขู่ให้พวกเรากลัว นึกว่าพวกเราไม่รู้หรือไงว่านี่คือทะเลทรายแห่งความตาย พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อหาความตื่นเต้น อย่าไป สนใจพวกเขา พวกเขาพุ่งตรงเข้าไป!”

มีนักเดินทางบางคนบุกเข้าไปโดยตรง

อาสาสมัครหยุดเอาไว้ แต่ก็ห้ามไม่อยู่ อย่างที่ผู้หญิงเมื่อครู เอ่ย คนที่มาเที่ยวที่นี่ ก็เพื่อแสวงหาความตื่นเต้นทั้งนั้น

“พี่ชาย ขอบคุณพวกคุณแล้ว แต่ว่าพวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อมา เที่ยว พวกเรามาที่นี่เนื่องจากภารกิจในการวิจัย รบกวนพวกคุณ ช่วยเปิดทางให้อูฐของพวกเราเข้าไปด้วย

ศาสตราจารย์หยางเองก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน ในตอนนี้เขาขึ้นไป เอ่ย

“เห็นพวกคุณมาเป็นขบวนแบบนี้ ดูแล้วน่าเชื่อถือได้ ยังไง

พวกเราก็ไม่ห้ามพวกคุณแล้ว ขอให้พวกคุณปลอดภัย!

อาสาสมัครเปิดทาง

พวกศาสตราจารย์หยางเองจึงเข้าไปด้านใน

แต่ก็มีนักเดินทางจำนวนไม่น้อยที่ตกใจหวาดกลัวและเลือกที่ จะล่าถอย

“หืม? พี่ชายคนนี้ ที่แท้คุณเองก็มา?”

ในเวลานี้เอง จู่ๆ เฉินเมิ่งเสวก็เห็นร่างที่คุ้นเคยและโบกมือให้ อย่างรีบร้อน

เฉินเกอทำเพียงพยักหน้า จากนั้นจึงเดินต่อไป
ฉินหยาเองก็มองดูชายหนุ่มอยู่ในรถ ทำไมยิ่งเห็นเขา ก็ยิ่ง รู้สึกคุ้นเคย

แต่ว่า เขาไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งเช่นนี้

“เข้าร่วมกับขบวนรถของพวกเราเถอะ เมื่อครูมีคนบอกว่า ใน ทะเลทรายแห่งนี้อันตราย ในคณะเดินทางของพวกเรายังมีนัก เดินทางอีกหลายคน คนยิ่งเยอะกำลังยิ่งมาก พวกเราไปด้วยกัน เถอะ?”

เฉินเมิ่งเสว่นั่งอยู่ในรถและเอ่ยถาม

“หึหึหึ เด็กคนนี้คงไม่ใช่นักเดินทางยากจนหรอกนะ ไม่มีอูมา ช่วยแบกน้ำ อาศัยขวดน้ำของเขา คาดว่ายังไม่ถึงกลางทาง คง กระหายตายไปก่อน

หว่านหาวหัวเราะเยาะ

“พี่ชาย คุณเข้าร่วมกับขบวนรถของพวกเราเถอะ เรื่องเงินฉัน ช่วยคุณเอง!”

เฉินเมิ่งเสว่เอ่ยอย่างกังวล

เฉินเกอส่ายหัว

“ขอบคุณ แต่ฉันไม่ต้องการ

เขาพูดเสียงเรียบ

“ฮ่าฮ่า ไม่รู้จักฟ้าสูงดิน ในทะเลทรายแบบนี้ หากไม่มีปัง กงในทะเลทราย ในสิบคน เก้าคนล้วนไปไหนไม่รอด ไม่ต้องการ? อย่างนั้นนายก็อย่ามาเสียใจทีหลัง ต่อให้มีคนยอม จ่ายเงินให้นาย ฉันก็ไม่ให้นายเข้าร่วมขบวนแน่!”

ปังกงด้านหนึ่งดื่มน้ำ ส่วนอีกด้านหนึ่งมองไปที่เฉินเกออย่าง เย็นชา ที่แห่งนี้ ไม่มีใครกล้าบอกว่าไม่ต้องการเขา ชายชรามี ความมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงขุ่นเคือง

“ออกเดินทาง! ”

เขาสะบัดแส้ใส่อูฐ จากนั้นขบวนก็เร่งเดินทางออกไป เฉินเมิ่งเสาและ ฉินหยาต่างมองไปที่ชายหนุ่มที่เดินตามด้าน หลังอย่างเงียบๆ ด้วยความกังวล


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ