ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 759 เก็บดอกไม้ทำลายใบ



บทที่ 759 เก็บดอกไม้ทำลายใบ

สีหน้าของเสี้ยวชางเชิงดุร้าย

เป็นไปไม่ได้!

ทั้งชีวิตของเขา ทำไมแม้กระทั่งเด็กหน้าเหม็นคนหนึ่งยังไม่

ได้! เป็นไปไม่ได้!

จากนั้น ก็เห็นได้ว่า ฝ่ามือที่ยื่นออกไปของเขา มีเกราะสีดำ ยาวห้าอันปรากฏขึ้นมา

“ตาย! ”

เสี้ยววางเชิงคาราม

“น่าเบื่อ!”

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่โหดร้ายนี้ เฉินเกอทำแค่เพียง แค่นยิ้มและส่ายหัว

จากนั้น นิ้วของเขาก็สะบัดเล็กน้อย

รัศมีแรงลมสายหนึ่งเข้าตอบโต้ทันที

ตูม!

การปะทะกันของกันของสายลมสีทองและสีดำ ส่งผลให้มีการ ระเบิดขึ้นทันที

ถัดมา เสี้ยวชางเชิงก็ลอยออกไปทันทีราวกับว่าวที่สายป่านขาด

เสื้อผ้าบนหน้าอกของเขา ถูกเผาไม้โดยตรง

เลือดสดๆ พุ่งกระฉูดออกมา

เขากลั้นความเจ็บปวดบนตัวเอาไว้ และมองไปที่ชายหนุ่มตรง หน้าด้วยความเหลือเชื่อ

“นี่…..เป็นไปได้ยังไง!!!

ประโยคนี้ เขาแทบจะครามออกมา

ชายหนุ่มคนนี้แค่ทำการโจมตีเล็กน้อย ก็ราวกับแผ่นดินกำลัง ถล่มฟ้าทลายเช่นนี้ ทำเอาเสี้ยวชางเชิงรู้สึกตกตะลึงจนห้ามไม่

อยู่

“เมื่อกี้นี้คือทักษะอะไร? ”

เฉินเกอมองเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ

“คุณรู้ไหม ผมเคยสาบานไว้ว่า ถ้ามีคนพยายามฆ่าผมหรือ ข่มขู่ผม ไม่ว่าจะอย่างไร ผมจะไม่มีวันไว้ชีวิตเขา โดยปกติแล้ว เขาจะต้องตายอย่างอนาถ! ”

เฉินเกอกล่าวต่อไป

“อะไรนะ? ท่านเทพโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิตด้วย!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี้ยวซางเชิงก็รีบโขกศีรษะทันที

ใบหน้าชราของเขา เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
สถานะของเขาในโลกใบนี้ เรียกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่หาได้ยาก ยิ่งแล้ว

ถือได้ว่าเป็นผู้ยอดเยี่ยมแถวหน้าของ ในโลกใบนี้

อีกทั้งยังได้รับช่วงชีวิตที่ไม่มีผู้ใดมี

ดังนั้น เมื่อเขารู้สึกว่าชีวิตความเป็นความตายกำลังถูก

คุกคาม

คนเหล่านี้ ก็มักจะมีความคิดเดียวกันอยู่ในหัว

นั่นคือ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะประสบความสำเร็จเช่นนี้ หลัง จากผ่านความยากลำบากหลายพันครั้ง

จะยอมไม่ได้! ยอมไม่ได้ที่จะตายไปแบบนี้

เสี้ยวซางเชิงกำลังสำนึกเสียใจ เสียใจอย่างสุดซึ้ง ทำไม ตนเองถึงได้มาถึงจุดนี้กัน?”

“ฮ่าฮ่า….ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่พระโพธิสัตว์ แต่ก็ไม่ได้เป็นคน โหดเหี้ยมขนาดนั้น เอาเถอะ ผมจะให้โอกาสคุณมีชีวิตอยู่ต่ออีก ครั้ง ผมให้เวลาคุณหนึ่งนาที ทางที่ดีคุณควรหาข้ออ้างที่ดีที่สุด มาหว่านล้อมผมถึงเหตุผลที่ไม่สมควรจะฆ่าคุณ

เฉินเกอมองเขาด้วยรอยยิ้ม

“นี่นี่นี่….”

เสี้ยวชางเชิงได้สติกลับมา จากนั้น จึงลนลานจนสมองเต็มไป ด้วยความว่างเปล่า
“ไม่มีเวลาแล้ว!”

เงินเกอเอ่ยเดือน

“ฉัน……………..ฉันวิ่ง!!!

ทันใดนั้น เสี้ยวชางเชิงก็เงยหน้าขึ้น เขากางแขนออกก่อเกิด เป็นคลื่นฝุ่นและพุ่งตรงไปยังทางที่ที่เฉินเกออยู่

เพียงแต่ ฝุ่นเหล่านี้เมื่ออยู่ห่างจากเฉินเกอเพียงหนึ่งเมตรมัน กลับหายไปโดยอัตโนมัติ

อาศัยจังหวะนี้ เสี้ยวซางเพิ่งหลบหนีไปทันที

เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“น่าเสียดาย ดูเหมือนคุณจะพลาดโอกาสที่จะมีชี ะมีชีวิตอยู่ไปแล้ว ครั้งหนึ่ง ภายในไม่กี่ร้อยไมล์ คุณไม่สามารถหนีไปจากจิตทิพย์ ของฉันได้!”

เฉินเกอส่ายหัวอย่างอ่อนใจ

จิตจองเขาค่อยๆ เคลื่อนไหวเบาๆ จากนั้นจึงล็อกตำแหน่งของ เสี้ยวชางเชิงได้อย่างแม่นยำ

เขาหยิบดาบขึ้นมา และในขณะที่กำลังจะฆ่าเสี้ยวซาง

จู่ๆ ในป่าไกลออกไปก็มีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้น

“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”

ที่แท้ เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังแบกหญิงสาวบาดเจ็บอยู่บนหลัง ด้านหนึ่งวิ่ง อีกด้านหนึ่งตะโกนขอความช่วยเหลือ

บนร่างกายของคนทั้งสอง มีคราบเลือดมากมาย เห็นได้ชัดว่า ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

ส่วนฝ่ายหญิง อยู่ในอาการสลบไปแล้ว

และเป็นเสียงนี้เอง ที่ช่วยชีวิตของเสี้ยวซางเชิงเอาไว้ในทาง อ้อม

นั่นเพราะตอนนี้ เฉินเกือกำลังให้ความสนใจต่อชายหนุ่มและ หญิงสาวที่กำลังวิ่งมาทางด้านนี้

ส่วนเสี้ยวชางเชิง ในสายตาของเขา หากต้องการให้เขาตาย เขาก็ตายไปแล้วจริงๆ

นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ

โง่เง่า!

ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็วิ่งเข้ามาถึงแล้ว จะใช้กำลังมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงทรุดลงทันที อาจเพราะ แต่แม้ว่าชายหนุ่มจะล้มลง แต่เขาก็ยังพยายามปกป้องผู้หญิง

ที่อยู่ด้านหลัง

ฉากนี้ อดไม่ได้ที่จะทำให้คิ้วของเฉินเกือกระตุกเล็กน้อย

“พี่ชาย ขอร้องคุณ ช่วยด้วย ช่วยโทรศัพท์ให้ผมหน่อย! เด็กหนุ่มตะโกนเรียกเฉินเกอซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล
“เสี่ยวเหมย เสี่ยวเหมยอย่านอนหลับ!

ในสถานการณ์คับขัน ก็พบว่าลมหายใจของหญิงสาวอ่อนแรง ลง จนชายหนุ่มก็ร้องตะโกนอย่างเป็นกังวล

ท่ามกลางแสงจันทร์ เฉินเกอจึงมองเห็นใบหน้าของผู้หญิงคน

นน

ไม่รู้ทำไมเช่นกัน เมื่อมองเห็นในคราแรก ดวงตาของเธอ คล้ายคลึงกับมู่หานอย่างยิ่ง

จนทำให้หัวใจของเฉินเกอสั่นสะท้านขึ้นมา

“อยู่ข้างหน้าเราแล้ว! ”

ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงเยียบเย็นดังขึ้นมา จากนั้นจึงเห็นเป็ด กลุ่มคนจํานวนเจ็ดหรือแปดคนอยู่รอบๆ

ทั้งหมด ล้วนมีท่าทางโหดเหี้ยม

ที่ทำให้เงินเกอประหลาดใจก็คือ บนตัวของพวกเขา รวมถึง

ตัวของเด็กหนุ่ม ล้วนมีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง

คาดว่าน่าจะเป็นยอดฝีมือด้านกำลังภายใน

“ฉินหย่ง หนีไปไม่พ้นแล้วล่ะสิ? เป็นไง? นายจะกลับไปกับ พวกเราแต่โดยดี หรือว่าจะต้องถูกพวกเราทุบตีจนพิการไปก่อน ถึงได้ยอมกลับไป!?

ในบรรดาคนเหล่านี้ ผู้ที่เป็นหัวหน้าหัวเราะเยาะขึ้น

“อีกทั้งยังมีน้องสาวสุดที่รักของแกฉินเหมย จุ๊จุ๊จุ๊ ช่างเป็นคนน่าสงสารเสียจริง ฮ่าฮ่าฮ่า ดูท่า เธอคงใกล้ตายแล้วใช่ไหม ฉัน จะบอกอะไรนายให้ ฉันออกจะวิปริตอยู่บ้าง ต่อให้น้องสาวของ แกตายไปแล้วจริงๆ ช่วงที่ตัวยังอุ่นอยู่ฉันก็ทำได้! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

เมื่อทั้งเจ็ดคนนั้นได้ยินคำพูดนี้ ก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะ

“ไอ้บัดซบ!”

ฉินหย่งกัดฟันแน่น จากนั้นจึงมองไปยังคนพวกนั้นอย่าง เคียดแค้น

“ถ้าแกไม่ต้องการให้น้องสาวของแกมาเป็นของเล่นของฉัน ฉินหย่ง แกก็รู้ว่าต้องทำยังไง?

ชายคนนั้นเดินไปหาฉินหย่งอย่างช้าๆ

ส่วนฉินหย่งก็ปกป้องน้องสาวของตนเอาไว้อย่างแน่นหนา

เขาพยุงร่างที่หนักอึ้ง และค่อยๆ ยืนขึ้นตรงหน้าร่างของน้อง สาวตน และพร้อมที่จะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ

เฉินเกอที่ยืนดูอยู่ด้านหนึ่ง เมื่อได้ฟังคำพูดของคนเหล่านั้น ในใจก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

บางที อาจเป็นเพราะดวงตาของหญิงสาวเหมือนกับมู่หาน มากเกินไป

คนเหล่านี้พูดถึงเธอ ก็ทำให้เงินเกอรู้สึกราวกับกำลังพูดถึง หาน คิ้วของเขาขมวดแน่น

จากนั้น เขาก็เดินเข้าไปช้าๆ
“หืม? เด็กหน้าเหม็น แกเป็นใครกัน?”

ในเวลานั้นเอง คนทั้งเจ็ดคนถึงค่อยรับรู้ถึงการมีอยู่ของเฉิน

เกอ

“แม่มันเถอะ ใครไม่รู้จักล็อกกรงให้ดี ถึงได้ปล่อยแกออกมา ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”

บุคคลผู้หนึ่งชี้หน้าด่าเฉินเกออย่างเย็นชา

เฉินเกอไม่สนใจ แต่กลับเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลัง สลบไสล

แขน และหน้าอกของเธอถูกแทงและมีเลือดออกมาไม่หยุด

“ถ้ายังช้าไปอีกสักสองสามนาที ต่อให้เป็นเทวดาก็ไม่อาจช่วย เหลือน้องสาวของคุณได้อีก! ”

เฉินเกอกล่าว

“อะไรนะ? ”

ดวงตาของฉินหย่งแดง ผู้ชายตัวโตผู้หนึ่ง ในตอนนี้กำลังมี น้ำตาร่วงหล่นลงมาจากตาอย่างไม่หยุด

“ไม่ต้องกังวล นั่นเพราะคุณโชคดีที่เจอผม! ”

เฉินเกอกล่าวในขณะที่กำลังหันหน้าไปทางฉินเหมยและฝั่ง เข็มให้เธอหลายจุด

ปากแผลที่มีเลือดออกของเธอ ทันใดนั้นเลือดก็หยุดไหลออก มาทันที
บนใบหน้าขาวซีด จึงดูมีสีเลือดมากขึ้น จากนั้น เขาก็หันไปมองคนตรงหน้าหลายคน

“พวกนายล้วนเป็นนักฝึกวิทยายุทธกำลังภายในขั้นสูงสินะ? ไม่ฝึกวิชาให้ดี แต่กลับวิ่งออกมาฆ่าฟันอยู่ข้างนอก

เฉินเกอเอ่ยถาม

“โอ๊ะ เจ้าตัวหน้าขนดูเหมือนจะรู้เรื่องรู้ราวอยู่ไม่น้อย ไม่ผิด พวกเราเป็นนักฝึกวิทยายุทธกำลังภายในขั้นสูง แต่ว่า การที่แก ต้องมาตายภายใต้เงื้อมมือของนักฝึกวิทยายุทธกำลังภายในขั้น สูง ก็ถือเป็นเรื่องโชคดีผู้ของแกแล้ว!”

คนเหล่านี้เย้ยหยันออกมา

“นักฝึกวิทยายุทธกำลังภายในขั้นสูง ฝึกยุทธป้องกันตัว เด็ด ดอกไม้ทําลายใบล้วนยังทำให้เจ็บปวด! แต่เห็นได้ชัดว่า พวก นายยังอยู่ห่างไกลจากมันนัก!”

เฉินเกอกล่าวต่อ “พวกนายไม่เชื่อหรือ ว่าฉันรู้จักเด็ดดอกไม้ ทําลายใบ?”

เมื่อพูดจบ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้ยินเสียงที่น่าหวั่นเกรงของเฉิน เกอหรืออย่างไร ใบไม้สีเขียวบนต้นหลิว จึงค่อยๆ ร่วงหล่นลง มายังปลายนิ้วของเฉินเกอ!!

“คุณน้อย นายเป็นใครกัน? อาศัยนาย คู่ควรกับเด็ดดอกไม้ ทําลายใบหรือไง?”
ในที่สุดความโกรธก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนทั้งเจ็ด “อย่างนั้นพวกนายจงดูให้ดี! ”

เงินเกอขยับเล็กน้อย ใบหลิวจึงค่อยๆ ลอยขึ้นไปอยู่ใน อากาศ เมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งเจ็ดคนก็เงยหน้าขึ้นมองและหัวเราะ “บ้าเอ่ย

เจ้าคนโง่ คิดจะทำให้เราฆ่าตายหรือยังไง?

ส่วนฉินหย่งที่ถึงแม้จะไม่รู้จริงๆ ว่าพี่ชายคนนี้กำลังเล่นอะไร อยู่ แต่เขาก็รู้ว่า คนทั้งเจ็ด ไม่ใช่คนที่จะไปยั่วยุได้แน่

แต่วินาทีต่อมา ดวงตาของทุกคนก็ต้องเบิกกว้าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ