ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 623 ยากที่จะเชื่อ



บทที่ 623 ยากที่จะเชื่อ

“ใช่แล้ว”

ไปเสี่ยวเฟยพูดขึ้นพร้อมกับพยักหน้า ด้วยอาการและสีหน้าที่ พอใจ

มีพี่เฉินออกหน้าจะช่วย โจรบ้ากามคนนี้ ต่อให้จะมีปีก ก็คง บินไม่ได้แล้วล่ะ

หากไม่เคยเห็นฝีมือของพี่เฉินมาก่อน ก็ไม่รู้หรอกว่า เขานั้น

เก่งเพียงใด

และคนที่ตกใจมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นไปเสี่ยวเฟยแล้วแหละ เพราะเมื่อก่อน ตอนที่อยู่กับเฉินเกอ ก็ไม่เคยเห็นว่าเป็นเกอ นั้น จะทะเลาะกับใคร

แต่ว่า ตอนนี้ สุดจริง ๆ

อีกอย่าง ไปเสี่ยวเฟยเชื่ออย่างไม่มีความลังเลเลยว่า ยอด ฝีมือที่เขาเล่าขานในกองทัพนั้น ตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้กับเฉินเก ออีกต่อไป

“คือเขาจริง ๆ เหรอ”

หูฮุ่ยหมินและเฉินจุนเหวิน ต่างส่ายหน้าและได้ถามขึ้น

“หัวหน้าไป นายคงไม่ได้พูดล้อเล่นกับพวกเราหรอกนะ ใช่ พวกเรารู้ว่าสถานะของเฉินเกอนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ว่านายเป้นถึงคุณชายใหญ่แห่งจีนหลัง แน่นอนว่านายต้องเคยมีความ สัมพันธ์ที่ดีกับเฉินเกอ แต่ว่า นายต้องรู้ไว้ด้วยนะ ตอนนี้ พวกเรา ต้องการที่จะจับหวางเหมิง และเขาก็เป็นคนเจ้าเล่ห์ไม่เบา แถมมี ฝีมือไม่ธรรมดาอีกด้วย ตอนนี้นายบอกฉันก่อน ว่าคนที่นายบอก ให้มาช่วยนั้น เป็นเงินเกอจริงเหรอ”

หูฮุ่ยหมินเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว

เพราะในสายโทรศัพท์ที่คุยกันนั้น เมื่อได้ฟังน้ำเสียงของไป เสี่ยวเฟยแล้ว สัมผัสได้ถึงความดีอกดีใจ และจริงจังมาก หาก ไม่รู้เป็นใคร ตอนแรกยังนึกว่าเป็นยอดฝีมือที่เขาเล่าขานใน กองทัพเสียอีก

แต่ คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเขาเข้าจริง ๆ

“หงั้นแสดงว่าเธอไม่รู้ล่ะสิ มีพี่ฉันอยู่ทั้งคน เธอไม่ต้องห่วง หรอกว่าหวางเหมิงจะรอดไปได้ง่าย ๆ

ไปเสี่ยวเฟยรีบพูดขึ้นได้ทันที

และในเวลานี้

วิทยุสื่อสารของพวกเขาก็ได้ดังขึ้น “เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว รีบเข้าสกัด เปลี่ยน

“รับทราบ”

และพวกเราก็เริ่มเตรียมตัวที่จะปฏิบัติการ

และก็ได้มีตำรวจจำนวนมาก ติดตั้งอุปกรณ์ขวางไว้กลางถนน
และหูชุ่ยหมินก็ทำสีหน้าที่ดูจริงจังและดุดัน พูดกับเฉินเกอขึ้น ว่า “คนร้ายมีฝีมือร้ายกาจ นายถอยออกไปไกล ๆ หน่อย”

จากนั้น ก็น่าก๋าลังเดินเข้าไปยังถนนหนานเจีย ส่วนเงินกอนั้น กลับไม่ได้ดูมีอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด และที่ถูกหูยุ่ยหมินพูดจาดูถูกไว้นั้น เหมือนจะเป็นปกติ เพราะวันนี้ที่ตัวเองมานั้น ก็เพื่อจะมาช่วยเพื่อน

จากนั้น เฉินเกอเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังถนน

ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ มีรถโฟล์กสวาเกนสีดำขับมา อย่างบ้าระห่ำ และด้านท้ายของรถก็มีรถตำรวจจํานวนมาก ได้ ขับบี้มา

และคนที่ขับรถโฟล์กสวาเกนคนนี้ มีฝีมือการขับที่ดีมาก แค่ภายในเวลาหายใจไม่กี่วินาที ก็สามารถขับหลบหลีกสิ่ง กีดขวางที่ตำรวจเอามาวางกั้นไว้ได้

ซึ่งก็ได้ขับตรงมายังปากทางของถนนหนานเจีย

เพราะว่าถนนหนานเจียสายนี้ สองข้างทางเป็นเนินเขาเล็ก ๆ ซึ่งก็เป็นแค่ช่องแคบ เพียงแค่วางกำลังไว้ตรงนี้ ต่อให้หวางเหมิง นั้นมีปีก ก็คงจะรอดไปไม่ได้แล้ว

หูฮุ่ยหมินได้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

เฉินจุนเหวินเอง ก็ทำตาม
“สมควรตาย ก่อความวุ่นวายได้ไม่เว้นเลย

หวางเหมิงที่กำลังขับรถอยู่นั้น ก็มองเห็นว่าข้างหน้ามีสิ่ง

กีดขวางอยู่ ด้านหน้ามีกำลังรายล้อม ส่วนด้านหลังก็มีกำลังจับกุมติดตาม

มา

ตอนนี้ไม่มีทางที่จะถอยกลับแล้ว มีแค่วิธีเดียวเท่านั้น คือต้อง ฝ่าด่านด้านหน้าออกไป

“ปล่อยพวกเราไปเถอะ ขอร้องแหละ”

และหญิงสาวสวย ๆ ทั้งสองคนที่โดนมัดมือมัดเท้าในรถนั้น อีกคนกำลังร้องไห้ และกล้องถ่ายรูปที่อยู่ในมือของเธอ ก็ร่วงลง บนรถ

“หยุดแหกปากได้แล้ว น่ารำคาญจริง ๆ หากยังไม่หุบปาก ฉัน

จะฆ่าเธอทิ้ง”

หวางเหมิงพูดด้วยอารมณ์โมโห

เขามีอายุแค่สามสิบกว่าปี แต่ว่า บนใบหน้านั้น กลับมีรอย บาดแผลเต็มไปหมด หากจะพูดไป เขาก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมอยู่ เหมือนกัน

เมื่อผู้หญิงที่อยู่ในรถ โดนเขาไป ก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงเลย

เมื่อหวางเหมิงเห็นว่าในรถดูสงบแล้ว จึงได้มองไปยังเบื้องหน้า
จากนั้น เขาก็ได้ยิ้มด้วยมุมปาก พร้อมกับอาการพอใจ “แค่รั้วกันห่วย ๆ นี่หรือ จะสกัดฉันได้ ฝันไปเถอะ

เขาหัวเราะด้วยความสะใจ

และก็ได้พุ่งตรงไปข้างหน้าในทันที ทันใด หวางเหมิงก็หักพวงมาลัยไปทางซ้าย

รถก็ได้ชนเข้ากับเนินเขาเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านข้าง

ในช่วงเวลานั้น พวงมาลัยก็ได้หมุนกลับที่เดิม

วิด!

รถก็ได้มีเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกแสบหูขึ้น จนจะสามารถทำให้ แก้วหูของคนนั้นแตกได้

แต่ก็ได้เห็นรถทั้งคัน ได้ลอยไป

ข้ามรั้วกันที่วางขวางไว้บนถนน แล้วมุ่งไปยังทิศใต้อย่าง

รวดเร็ว

เฉินจุนเหวินและหูฮุยหมิ่นต่างก็งงไปตาม ๆ กัน ว่านี่เป็นไปได้ อย่างไร

ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เขามาถึงตรงนี้ได้ แล้วจะปล่อยให้เขา หนีไปแบบนี้เหรอ

และเฉินเกอเอง ก็กำลังมองชายคนนั้นอยู่ จึงได้ยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับอาการที่พอใจ
คงจะสนุกแล้วล่ะ

ข้าง ๆ ทาง มีรถมอเตอร์ไซด์คนหนึ่ง

“เสี่ยวเฟย ยืมรถหน่อย”

ในขณะที่พูดนั้นเสี่ยวเฟยก็ได้โยนกุญแจรถมาให้ และเฉินเก อก็รับเอาไว้

เมื่อรถมอเตอร์ไซด์ถูกสตาร์ทขึ้น ก็พุ่งออกตัวด้วยความเร็ว อย่างกับจรวด

การจับกุมยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ

หูยุ่ยหมินและคนอื่น ๆ ก็ได้ปรับมาใช้แผนที่สอง คือตามไล่ หวางเหมิงอย่างติด ๆ เฉินเกอนั้นขับมอเตอร์ไซด์ ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างหวางเหมิง

และหูฮุ่ยหมิน

“ไอ้หมอนี่ ฝีมือขับรถดีขนาดนี้เลยหรอ

หวางเหมิงมองผ่านกระจกด้านหลัง เห็นเฉินเกอขับตามมา ใกล้ ๆ ก็เลยอดที่จะสบกขึ้นไม่ได้

และผู้หญิงที่อยู่ภายในรถสองคนนั้น เมื่อเห็นว่าข้างหลังมีคน ตามมา ก็ตกใจจนตาค้าง

“คือเขาหรอ”

ผู้หญิงคนหนึ่งกลืนน้ำลายแล้วกล่าว
“หนานหนาน คนนั้นคือที่ทำกล้องถ่ายรูปของเราตกแตกนี่

ผู้หญิงได้พูดขึ้น

ใช่แล้ว ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเหยาหยวนหยวน และเฉินหนานนั่นเอง

จะว่าไปแล้ว วันนี้มันช่างเป็นวันที่โคตรจะซวยจริง ๆ

ตอนแรก ยังถ่ายรูปกับรูมเมทอยู่ดี ๆ อยู่เลย

และก็สนุกมาก

แต่ว่า โดนผู้ชายที่ไม่ลืมหูลืมตาทำกล้องถ่ายรูปตกแตกจนพัง ไป และทำให้เงินหนานต้องเสียเงินค่าซ่อมไปอีกสองพันหยวน

นี่มันจะซวยอะไรขนาดนี้

จากนั้น ก็ได้ไปยังร้าน Dicos เพื่อหาอะไรกิน แล้วตอนบ่าย ค่อยไปถ้ารูปต่อ

แต่กลับโดนผู้ชายคนนี้และหวางเพิ่งทำเอาเฉินหนานแทบ หมดอารมณ์ ไม่มีกะจิตกะใจแล้ว

และหลังจากที่ทุกคนได้กลับไปแล้วนั้น ก็เลยไปที่เบี้ยเลี้ยงเพื่อ จะถ่ายรูปกัน

แต่คิดไม่ถึงว่า จะเจอกับตำรวจที่กำลังไล่จับผู้ร้ายอยู่ และ

ผู้ร้ายคนนี้ ก็ได้จับเฉินหนานและตัวเองไว้

พละกำลังเยอะมาก จากนั้น เขาก็ได้ไปแย่งรถมาหนึ่งคัน แล้ว ก็จับทั้งสองคนโยนเข้าไปในรถ แล้วก็พาหนีไปยังที่อีกที่หนึ่งแถมยังมัดสองคนนั้นไว้ด้วย

ถึงตอนนี้ เหยาหยวนหยวนและเงินหนาน ต่างก็อยู่ในสภาพที่ ตกใจและกลัว พวกเธอเองก็ไม่รู้ว่าไอ้โจรคนนี้ จะพาพวกเธอไป ไหน

มันช่างเหมือนกับฉากในภาพยนตร์จริง ๆ ที่จับทั้งสองคนไว้ เป็นตัวประกัน และสุดท้ายก็ถูกโจร……..

ไม่กล้าที่จะคิดแล้ว น่ากลัวจะตาย และทั้งสองคนนั้นก็ได้เข้าสู่ โลกที่มีดาอันซึ่งเป็นโลกที่ไร้ความหวัง

แต่ตอนนี้ ผู้ชายคนนี้ได้ขับมอเตอร์ไซด์ตามมาจนทันแล้ว จึง ทำให้เหยาหยวนหยวนและเฉินหนานนั้น เริ่มที่จะมีความหวังขึ้น มาแล้วบ้าง

“ไอ้หนุ่ม จะเล่นกับฉันหรอ นายยังอ่อนหัดไปหน่อยนะ หวางเหมิงพูดด้วยความทะนงตัว

ในเวลานี้ ก็ได้หันไปมองมอเตอร์ไซด์ที่ขับตามมา แต่ก็ต้องถึงตกใจ

“เซีย หมอนั่นล่ะ”

ก็เห็นแค่มอเตอร์ไซด์ที่กำลังพุ่งมาด้านหน้า แต่ว่า คนขับนั้น ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เวลาแค่ชั่วพริบตาเอง

เพ็ง!

ในเวลานี้ หวางเหมิงก็ได้ยินเสียง ๆ หนึ่งดังมาจากด้านบนของหลังคารถ

หลังคารถทั้งแผ่น ทันใดก็เหมือนมีวัตถุขนาดใหญ่ทับไว้

คนอยู่บนหลังคาหรือ

หวางเหมิงเงยหน้าขึ้นมองยังซันลูป จึงได้เห็นเข้ากับใบหน้า ของคน ๆ หนึ่งที่ดูไม่มีความหวาดกลัวเลย และแถมยังมองตัว เองพร้อมกับรอยยิ้มอีก

“ไอ้หาเอ้ย ไปตายซะ

หวางเหมิงหักพวงมาลัยอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะทำให้เงินเกอ

นั้น ตกลงไป

แต่ว่า เฉินเกอกลับดูไม่สั่นไหวเลยใด ๆ ไม่ว่า รถจะสะบัดแค่ ไหน เขาก็ยังมั่นคงอยู่

และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองยังด้านหน้าแล้วนั้น ก็เหมือนว่าจะมี

โรงเรียนอนุบาลอยู่หนึ่งแห่ง

เฉินเกอเลยรู้ว่า ไม่ควรจะเล่นกับเขาแล้ว เพราะถ้าหากเกิด อันตรายขึ้น มันจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย

จากนั้น จึงได้เริ่มขยับมือทั้งสองข้าง

มือข้างหนึ่งจับที่ที่เปิดประตูรถ ส่วนมืออีกข้าง ก็ทุบซันลูปจนแตก

เพ็ง เพ็ง!

ประตูห้องโดยสารถูกเฉินเนื้อดึงออกอย่างง่ายดาย จากนั้น ก็โยนทิ้งไปข้างทาง

“เซี่ย ผีหรือเปล่านี่

ลมเย็น ๆ พัดเข้ามา และพัดใบหน้าของหวางเหมิงจนเปลี่ยน ๆ

รูปไป

หวางเหมิงเอง ตกใจตาเบิกโพลง และในเวลาเดียวกันนั้น เบรคมือก็ถูกเฉินเกอนั้นดึงขึ้น

เอี้ยก! ! !

เสียงเบรกรถอันแสบแก้วหู ก็ได้ดังขึ้น

ส่วนผู้หญิงสองคนที่อยู่ในรถ ก็กระเด็นไปกระทบกับเบาะที่อยู่ ด้านหน้า

ก่อนที่รถจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่นั้น ก็ได้เบรคไว้ทันเวลาพอดี

แอร์แบคทํางานพอดี หวางเหมิงได้รับการกระแทก จนสภาพ

ไม่จืดเลย

“ผีหลอก ผีหลอก”

หวางเหมิงร้องตะโกนขึ้นด้วยอาการหวาดกลัว

ซึ่งหูฮุ่ยหมินและคนอื่น ๆ ที่ได้ขับรถตามมา ต่างก็ได้เห็นฉาก นี้เช่นเดียวกันกับหวางเหมิง

หูฮุ่ยหมินน้ำลายไหลยืด ปากอ้าค้างไว้เล็กน้อย แล้วมองเฉิน เกอด้วยอาการที่ไม่น่าเชื่อ…….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ