ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 747 เทศกาลใต้ดิน



บทที่ 747 เทศกาลใต้ดิน

“ครับ ขอบคุณมาก”

เซียวเหยียนได้ดื่มเครื่องดื่มไป จากนั้น ก็ได้เริ่มทานข้าว เขาดู มีท่าทางที่เกรงใจ

เฉินเกอเลยพูดขึ้นว่า “นายไม่ใช่มีเงินทั้งสองล้านแล้วเหรอ ทำไมยังต้องทำตัวเองให้ดูลำบากอีก เมื่อครู่เปียวเปียวไปหา นาย เห็นนายกำลังกินหมั่นโถวกับผักดองอยู่เลย

“เงินพวกนั้น ผมไม่กล้าใช้หรอก ถ้าพวกคุณอยากได้ ก็เอาไป เลย”

เซียวเหยียนพูด

เฉินเกอส่ายหน้า แล้วพูดต่อไปว่า “ที่พวกเรามา ไม่ใช่จะมา เอาเงินนายคืน แค่มีเรื่องอยากจะถามหน่อย เกี่ยวกับแส้ขนหาง จามรีเส้นนั้น ว่ามีที่มาอย่างไร และดูเหมือนว่า นายคงไม่ใช่ อยากจะเอาไปขายประมูลหรอก”

เซียวเหยียนหยุดนิ่งไปสักพัก จากนั้น ก็ได้เงยหน้าขึ้นแล้วพูด ว่า “ขอโทษครับ ผมบอกพวกคุณไม่ได้หรอก ถ้าพวกคุณ ต้องการเงิน ผมจะเอาเงินให้พวกคุณเลย ผมแค่เป็นคนกลาง เท่านั้น”

เซียวเหยียนตกใจจนไม่กล้าที่จะกินข้าวต่อ
“นี่เพื่อน นายไม่ต้องตกใจหรอก พวกเราไม่ได้มีเจตนาไม่ดี เอาแบบนี้ดีกว่า ฉันจะถามแบบนี้ดีกว่า นายได้แส้เส้นนี้มาตั้งแต่ เมื่อไร และยังมีสิ่งของอื่น ๆ หรือคำพูดอะไรบ้างไหม

เงินเกอถามอย่างอ้อม ๆ

เซียวเหยียนมีอาการสงสัยเล็กน้อย จากนั้น ก็ได้พูดขึ้นว่า “มี เพื่อนทางใต้คนหนึ่ง อยากจะมา

“นี่ นายหมายความว่ายังไง อาจารย์ฉันถามนายอยู่นะ แต่ นายกลับ พูดกันอีกคนละเรื่อง”

เฉินเปียวเปียวได้พูดขึ้นด้วยอาการที่ไม่พอใจ

“เพื่อนทางใต้เหรอ นายหมายถึง ตระกูลเฉิน แห่งหนานหยาง ใช่ไหม”

เฉินเกอพูด พร้อมกับอาการพอใจ

แล้วทันใด เซียวเหยียนก็ตกใจ จนตาเบิก โต

“พี่ครับ พี่รู้จักตระกูลเฉินแห่งหนานหยาง ถ้าอย่างนี้ พี่ก็แซ่ เฉินใช่ไหมครับ”เขาดูมีอาการดีใจ

“ฉันชื่อ เฉินเกอ มาจากหนานหยาง ที่จริง ครั้งนี้ที่มานั้น ก็มา เพื่อตามหาท่านซืนแสกุ่ย ซึ่งก็คือเจ้าของแส้ขนหางจามรีเส้นนี้ แหละ”

เฉินเกอพูด

“ที่จริงแล้ว ก็เป็น พี่เฉินเกอ จริง ๆ ”
เขาเช็ดปากของตัวเอง แล้วพูดขึ้นว่า “ผู้มีพระคุณได้กำชับกับ ผมว่า ในไม่เร็วไม่ช้านี้ จะมีคนมาหาผม เพื่อถามเกี่ยวกับเรื่อง แส้ขนหางจามรี และคนคนนั้นมีชื่อว่า เฉินเกอ ผู้มีพระคุณยัง กำชับอีกว่า ให้ผมมอบจดหมายให้พี่ด้วย

เห็นได้ชัดว่า เซียวเหยียนต้องรู้เรื่องอะไรมาบ้าง เพียงแต่ว่า การมาครั้งนี้กะทันหันเกินไป เลยไม่ได้พูดออกมาหมด

“ผู้มีพระคุณเหรอ”

“ครับ ผมไม่รู้ว่าท่านซินแสกุ่ยที่พี่พูดถึงนั้น จะใช้ผู้มีพระคุณ หรือไม่ ในตอนนั้น ผู้มีพระคุณได้ช่วยชีวิตของทุกคนใน ครอบครัวผมเอาไว้ จากนั้น ก็มอบภารกิจให้ผมทำ ถึงตอนนี้ ผม ก็ได้เจอกับพี่แล้วครับ

เซียวเหยียนพูดขึ้นด้วยอาการดีใจ จากนั้น ก็ได้ล้วงไปหยิบจดหมายที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา หนึ่งฉบับ

แล้วก็มอบให้ในมือของเฉินเกอ

“จดหมายฉบับนี้แหละครับ”

เฉินเกอหยิบมาดูตัวอักษรที่เขียนไว้หน้าซอง แล้วพูดขึ้นว่า “จดหมายสําหรับเพื่อนเงินเกอเท่านั้น!

เมื่อได้เห็นลายมือนั้นแล้ว เฉินเกอก็ดีใจเป็นอย่างมาก เพราะ นั่นมันคือลายมือของท่านซินแสย
จากนั้นก็ได้เปิดซองจดหมายออกดู ในนั้นได้เขียนไว้แค่ ประโยคเดียว

ที่จริง……..

ท่านซินแสกุยมาที่โจวแล้วจริง ๆ และก็มาก่อนที่ตัวเองจะไป เทือกเขาผานหลงด้วยซ้ำ

หลังจากที่ตัวเองได้กลับไป ท่านซินตแสกุ่ยก็รีบออกจากตรง

นั้นด้วย เมื่อมาถึงยังโจว ในขณะเดียวกันนั้น ท่านซินแสกุ่ยบอกว่า

ที่โจวก็มีคนที่สนิทกับตัวเองอยู่ เพราะว่าเขามั่นใจว่า ตัวเองเป็นคนที่เขาใช้เวลารอมานาน หลายปี

เพราะว่าครั้งนี้ที่มาจี้โจว เขายังต้องการที่จะมอบของขวัญชิ้น สำคัญให้ด้วย เพื่อเป็นของที่ระลึก แต่ว่า เขานั้นสามารถรู้ อนาคตล่วงหน้าได้ แต่ก็ไม่แน่ใจในเรื่องของจำนวนและวันเวลา เขาไม่รู้หรอกว่า ต่อมานั้น จะมีเรื่องวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นบ้าง ดังนั้น เขาเลยปิดบังชื่อแซ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการตามฆ่า แต่สุดท้าย ท่านซินแสกุ่ยก็ได้กำชับเป็นหมันเหมาะว่า ตระกูล ว่างจะจัดงานเทศกาลใต้ดินขึ้น

แล้วให้ตัวเองนั้น มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปร่วมงานเทศกาล ใต้ดินได้ จากนั้น ตัวเองก็จะได้ของขวัญชิ้นนั้นเอง โดยเฉพาะงานเทศกาลใต้ดินเท่านั้น ซึ่งท่านซินแสกุ่ยก็ได้พูดไว้หลาย รอบด้วย

“จดหมายของอาจารย์ฉบับนี้ ทำไมฉันยังไม่เข้าใจนะ หลังจากที่เฉินเกอได้ดูแล้ว ก็ได้พูดขึ้นด้วยอาการสงสัย และเสี้ยวจู่เอง ก็ได้ดูเหมือนกัน

“ไม่มีอะไรที่ต้องสงสัยนะ ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ไป เฉินเกอ นายต้องเป็นเจ้านายของฉันแล้ว ไม่ใช่สิ เป็นเจ้านายของเจ้า นายฉันด้วย”

เสี้ยวจ่พูด

“หมายความว่าไง ฉันต้องเป็นเจ้านายของท่านซินแสกุยเห รอ”

“ใช่แล้ว เมื่อก่อนอาจารย์ได้พูดหลายครั้งแล้วว่า เขานั้นรอมา นานแล้ว รอที่จะให้คนคนนั้นปรากฏตัวขึ้น และจะได้เป็นที่พึ่ง ของเขาด้วย และตอนนี้ ก็แน่ใจแล้วว่า นายคือคนที่เขารอมา โดยตลอด อาจารย์มาจี้โจวครั้งนี้นั้น ก็เพื่อจะมอบของขวัญที่ เตรียมไว้อย่างดิบดีให้แก่นาย และก็คงจะเกี่ยวข้องกับงาน เทศกาลใต้ดินครั้งนี้ด้วย หากเมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ นายต้อง พัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้ ไม่ใช่สิ นายท่าน ท่านต้องเด็ดขาด ให้มากกว่านี้”

เสี้ยวจ่พูด

“พูดอะไรน่ะ ตอนนี้ฉันมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องรบกวนอาจารย์จะมาพูดอะไร เจ้านายคนใหม่กันล่ะ”

เฉินเกอพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไร

“อีกอย่าง ซากเทพ ฉันก็เคยเจอ ที่จริงแล้วเลี้ยว ฉันคิดว่า ซากเทพนั่น มันไม่ได้มีประโยชน์ต่อฉันสักเท่าไรนัก

เฉินเกอพูด

“ท่านอ่านจดหมายเสร็จแล้วใช่ไหม ด้านหลัง เหมือนว่าจะมี รูปวาดของธาตุทั้งห้า……

เสี้ยวจู่พูดได้พูดขึ้น

เฉินเกอพลิกกลับดู ซึ่งก็มีรูปวาดธาตุทั้งห้าจริง ๆ

ไม่ใช่สิ นี่มันไม่ใช่รูปธาตุทั้งห้า

เมื่อเดินเกอดู หนังตาก็กระตุกไม่หยุด

เพราะว่า การเรียงลำดับของรูปวาดนี้ ซึ่งตรงกับตำแหน่งทั้ง ห้าของดานเถียนที่ปรากฏอยู่ในร่างกายของตัวเอง

แต่เพียงแค่ว่า อาจารย์ไม่ได้อธิบายให้ละเอียดเกี่ยวกับสิ่งนี้

ตอนแรกเฉินเกอคิดว่า อาจารย์นั้น กำลังตามหาซากเทพ เพราะคิดว่าการฝึกตนของตัวเองนั้น ไม่ได้พัฒนาไปมากเท่าไร

ที่จริงแล้ว ตัวเองนั้น ได้หลุดจากการเวียนว่ายจากวงจรนั้น

แล้ว

เพียงแต่ว่า รูปวาดนี้ ทำให้เป็นเธอคิดขึ้นมาได้
ที่ตัวเองได้ฟื้นฟูพลังกลับมาแล้ว เรื่องนี้อาจารย์เองก็คงรู้เช่น

กัน

อีกอย่าง ในระยะนี้ที่มีการปรากฏของดานเถียน อาจารย์ก็คง

ทราบได้ หรือว่า งานเทศกาล ใต้ดินนี้ จะช่วยให้ตัวเองนั้น ปลดปล่อย

พลังอันลึกลับจากจุดดานเถียนได้

เฉินเกอครุ่นคิด

แต่ก็ได้ตัดสินใจแล้ว ในเมื่อ อาจารย์ได้พูดแล้ว งั้นตัวเองก็ ต้องเข้าร่วมงานนี้ ดูสักหน่อย เทศกาล ใต้ดินนี้ มันมีความเป็นมา

อย่างไร

“เซียวเหยียน”

เมื่อเดินเกอเก็บจดหมายไว้แล้ว ก็มองไปยังเซียวเหยียนที่

กำลังกินข้าวอยู่

“พี่เฉิน มีอะไรครับ…….

“คิดไปแล้ว พวกเราก็มีวาสนาต่อกันนะ ฉันมีบัตรอยู่หนึ่งใบ เดี๋ยวอีกสักพักจะให้คนเอามันไปเปลี่ยนวันที่ ในบัตรนี้มีเงินอยู่ บ้าง นายเอาไปใช้เถอะ ถือว่าเป็นน้ำใจจากฉันแล้วกัน”

“พี่เฉินครับ ผมไม่ต้องการหรอกครับ”

เชียวเหยียนส่ายหน้า

“รับไปเถอะ”
เงินเกอเลยยื่นให้เขา

หลังจากนั้น ก็ได้กลับไปที่ตระกูลเฉิน

“นายท่าน ท่านกลับมาแล้วเหรอครับ

เมื่อมาถึง หลินจิ๋วกับเฉินเทียนกางก็ได้ออกมาต้อนรับ และก็ได้เรียก นายท่าน ขึ้นอย่างพร้อมกัน

เพราะว่า พวกเขานั้นคิดว่า คุณชายเฉิน ในวันนี้ คงไม่มีผู้ใดจะ เทียบได้แล้ว หากเรียกว่า คุณชายเฉินต่อไป มันจะเป็นการล่วง เกินไปหน่อย

ส่วนเฉินเกอนั้น ก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้หรอก สําหรับเรื่องความแค้นที่มีต่อหลินจิ๋วและเฉินเทียนทางนั้น

เฉินเกอเลยใช้การบังคับ

ให้หลินจิ๋วนั้น ได้สอนเด็กเล็ก ๆ ในตระกูลเฉิน ให้รู้จักกับการ เปิดรากปราณ เพื่อเป็นแนวทางและพื้นฐานในการสู่เส้นทางของ ผู้ฝึกตน

และจึงทำให้ ความแค้นที่เฉินเป็นยกางนั้นมีต่อตระกูลต้วน ได้

ลดลงมาบ้าง

เพราะ หากว่าจะให้ตระกูลเฉินนั้น ได้มีชีวิตดำเนินต่อไปบน โลกนี้ ไปเรื่อย ๆ ต่อให้เขาไปตาย เขาก็ยอมทำ

“หลินจิ๋ว รายละเอียดเกี่ยวกับเทศกาลใต้ดินนี้ มันมีอะไรบ้าง ช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อยสิ”
เฉินเกอนั่งลง แล้วได้พูดกับหลินจิ๋วขึ้น

“ครับนายท่าน”

หลินจิ๋วได้ยืนขึ้นด้วยความเคารพ จากนั้น ก็เริ่มเล่าความเป็น มาของเทศกาล ใต้ดิน…….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ