ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 749 ทรมานสุด ๆ



บทที่ 749 ทรมานสุด ๆ

เมื่อหลังจากที่พูดกันแล้ว ทั้งสามคน ก็ได้ไปที่หมู่ตึกหูหลงพร้อม น

ตระกูลเฉิน ตอนแรกเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองจี้โจว แต่ว่า หลัง จากที่โดนตระกูลต้วนเล่นไม่ซื่อด้วยนั้น ก็มีสภาพย่ำแย่ลง

รถของเฉินเปียวเปียว ราคาเจ็ดแปดล้านเมื่อก่อนนั้น ก็ไม่มี แล้ว

ตอนนี้ขับแค่รถบีเอ็มซีรีส์เจ็ด ธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง

แน่นอนว่า เฉินเกอเองก็ไม่ได้รู้สึกรังเกลียจแต่อย่างใด

ในระหว่างทาง เฉินเปียวเปียวก็ได้เล่าสภาพของหมู่ตึกหูหลง ให้กับเฉินเกอฟัง

หมู่ตึกหูหลงมีขั้นตอนแรกนั้น เป็นที่พระราชวงศ์ชั้นสูงคนของ สมัยราชวงศ์ชิงก่อสร้างมา ถึงตอนนี้ มีประวัติความเป็นมาได้พัน กว่าปีแล้ว

ต่อมาหมู่ตึกแห่งนี้ ก็ได้ถูกตระกูลว่างนั้นซื้อไป

ทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ และตอนนี้ ก็เป็นสถานที่ที่จะได้จัดเทศกาล ใต้ดินขึ้น

เหลืออีกวัน หมู่ตึกหูหลงนี้ก็จะห้ามคนเข้าไปแล้ว ฉะนั้น ช่วง หลายวันนี้จำนวนคนที่เข้ามาที่นี่เพิ่มไปเยอะมาก
ทําเอาที่จอดรถยนต์นั้น ต่างก็แน่นขนัด “นี่คือรถ ใครเหรอ ใครให้พวกแกมาจอดที่นี่”

ด้านเฉินเปียวเปียวเพิ่งจะได้จอดรถไว้ และในขณะที่ทั้งสาม คนได้ออกมาจากรถ ก็ได้ยินเสียงพูดที่ฟังดูไม่เข้าหูขึ้น

ก็เห็น รถเบนซ์คันหรูขนาดใหญ่ จอดขวางอยู่ด้านหน้า จาก นั้น ก็มีผู้ชาย ผู้หญิงเดินลงจากรถมา และผู้หญิงที่ดูเหมือนจะ อาวุโสสุด ก็ได้พูดในทำนองเหน็บแนมขึ้น

แต่เมื่อพูดยังไม่ถึงสามประโยค ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องตะลึง แม้ แต่เฉินเปียวเปียวเอง ก็ตะลึงเช่นกัน

“หลี่เจียวเจียวเหรอ”

“เฉินเปียวเปียวเหรอ”

ทั้งสองต่างฝ่ายต่างเรียกชื่อกันและกัน

จากนั้น สีหน้าของเฉินเปียวเปียวก็เริ่มแดงขึ้น เมื่อเจอเข้ากับผู้ หญิงที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเอง ทำให้เธอนั้น รู้สึกอึดอัด อยู่ไม่น้อย

ด้านหลี่เจียวเจียว กลับกัน สีหน้าของเธอกลับดูพอใจและดีใจ

“ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เฉินเปียวเปียวนี่เอง เป็นอะไรเหรอ ไม่ ไปทำงาน ยังจะมาเที่ยวเล่นที่หมู่ตึกหูหลงอีกเหรอ”

หลี่เจียวเจียวยืนกอดอกไว้ แล้วพูดขึ้นด้วยอาการที่พอใจมาก

“เจียวเจียว คนคนนี้คือใครเหรอ
ผู้ชายและผู้หญิงที่ได้มากับหลี่เจียวเจียวนั้นก็ได้ถามขึ้น พวก เขาใส่เสื้อผ้า แต่งตัวดูดีมาก

ดังนั้น สายตาที่มอง ก็เลยมีอาการดูถูกนิด ๆ

“อืม เธอน่ะเหรอ หากจะว่าไปแล้ว ก็เป็นน้องสาวฉันเอง (ลูกพี่ ลูกน้อง) แม่ของเธอเป็นลูกสาวของยายฉัน ต่อมา ก็ได้แต่งกับ ตระกูลเฉิน ตอนนี้พวกเธอคงไม่อยากจะฟังแล้วหรอกมั้ง ตระกูล เฉินตอนนี้เป็นอย่างไรก็พอ ๆ กันอยู่ คิดไม่ถึงว่า เธอยังจะมีกระ จิตกระใจออกมาเที่ยวเล่นอีก และคนที่มายังหมู่ตึกหูหลงนี้ ก็ ต้องเป็นคนระดับเศรษฐีเท่านั้น ถึงจะจ่ายไหว

หลี่เจียวเจียวเองก็รู้สึกแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด

เหล่าบรรดาพี่สาวทั้งหลาย ชอบที่สุดก็คือการเปรียบเทียบ เมื่อก่อน หลี่เจียวเจียวนั้น เทียบกับเฉินเปียวเปียวไม่ได้เลย

วัน ๆ ได้แต่อิจฉา

แต่ตอนนี้สิ เธอกลับดูถูกถากถางเฉินเปียวเปียวสารพัด

“เธอ”

เมื่อได้ยินที่หลี่เจียวเจียวพูดดังนั้น เฉินเปียวเปียว ในขณะนั้น ก็มีอารมณ์โมโหขึ้นมา แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้

“เปียวเปียว พวกเราไปกันเถอะ”

เฉินเกอส่ายหน้า เพราะรู้สึกเอือม จากนั้น ก็ได้พูดขึ้นเบา ๆ เฉินเปียวเปียวพยักหน้า เตรียมที่จะเดินหนีไป
“เดี๋ยวก่อน”

หลี่เจียวเจียวกลับบอกให้พวกเขาหยุด

“เธอยังต้องการจะทำอะไรอีก หลี่เจียวเจียว”

เฉินเปียวเปียวถามขึ้น

“ทําอะไรน่ะเหรอ เธอว่าจะทําอะไรดีล่ะ ขยับรถคันเก่า ๆ ของ เธอออกซะ รถราคาไม่กี่แสน ทำไมถึงกล้ามาจอดในที่จอดรถที่ เขาสร้างในราคาตั้งร้อยล้านล่ะ”

หลี่เจียวเจียวตะคอกขึ้น

“ใช่แล้ว แถมยังพาไอ้พวกจน ๆ นี่มาด้วย

ผู้หญิงข้าง ๆ หลี่เจียวเจียวคนหนึ่ง ได้พูดขึ้น พอได้ยินคำว่า ไอ้จน ๆ เฉินเกอและเซียวเหยียนต่างก็ได้เงย หน้ามองไปยังเธอ

“จนงั้นเหรอ กู้พ่าน ใครจน

หลี่เจียวเจียวถามขึ้นด้วยเสียงสูง

“ก็เขาไง มหาวิทยาลัยเดียวกับเรา จนมาก”

กู้ผ่านไปยังเซียวเหยียน ส่วนเซียวเหยียนนั้น รู้สึกอายจนต้องก้มหน้าไปนานแล้ว

“เชี่ย ฉันยอมจริง ๆ เฉินเปียวเปียว เธอตกมาอยู่ในสภาพ ໆ แย่ขนาดนี้เลยเหรอ ที่ต้องพาไอ้จน ๆ สองคนนี้มาเที่ยวที่นี่ เธอคิดหน่อย ว่า จะพาพวกเขาไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ เช่น สวนสนุก และถ้าเห็นว่าไม่สนุกก็จ่ายเยอะหน่อย แล้วไปที่ดิสนีย์แลนด์ก็ได้ คงน่าจะสนุกกว่ามาที่นี่นะ อีกอย่าง เธอเองก็ไม่ดูเลยนะ ว่าสอง คนนี้แต่งตัวอย่างไร

หลี่เจียวเจียวและคนอื่น ๆ ใช้มือกุมปากแล้ว ต่างก็พากัน หัวเราะขึ้น

สำหรับเงินเกอจะจนหรือไม่จน เธอก็ไม่ถามหรอก แต่ดูจาก สภาพแล้ว ก็เหมือนจะไม่มีอะไร

จากนั้น พวกเขาก็หัวเราะกันยกใหญ่

“หลี่เจียวเจียว เธอถากถางฉันได้ แต่อย่าดูถูกอาจารย์ฉันนะ”

เฉินเปียวเปียวพูดขึ้นด้วยอารมณ์โกรธ

“อะไร อะไรนะ อาจารย์งั้นเหรอ” ทันใด หลี่เจียวเจียวและคนอื่น ๆ ก็หัวเราะกันอย่างชอบอก

ชอบใจ

“ใช่แล้ว ฉันได้ยินแม่ฉันบอกว่า ปู่ของเธอตอนนี้ ไม่สนใจ กิจการแล้ว วัน ๆ ก็ได้แต่พาเธอออกตามหาเรียน ศิลปวิทยายุทธ ฮ่า ๆ ๆ ท่านนี้ คงไม่ใช่คนที่เธออุทิศตนเป็นศิษย์เขาหรอกนะ”

หลี่เจียวเจียวกุมที่ปากไว้ จนเกือบจะกลั้นไว้ไม่อยู่

โอ๋ พูดแบบนี้แล้ว ผู้ชายที่ร่างผอมอ่อนแอคนนี้ก็น่าจะมีฝีมือ บ้างสิ
ในเวลานั้น ด้านหลังของหลี่เจียวเจียว ก็มีชายคนหนึ่ง ซึ่งมีรูป ร่างกาย่า กล้ามเนื้อแน่นเป็นมัด ๆ ใส่แว่นดำ เดินเข้ามา

ดูท่าแล้วคงจะไปฟิตเนสบ่อย

“ขายหน้าจริง ๆ ผมเป็นผู้จัดการใหญ่ของสโมสรช่าง แชมป์ การแข่งขันคิกบ็อกซิ่งสามสมัยแห่งมณฑลจี้โจว เฮอะ ๆ พวกเรา คงจะเป็นคนในอาชีพเดียวกันนะครับ สัมผัสมือกันหน่อยครับ

ผู้ชายคนนี้พูดไป พลางกับบิดก้ามคอไปมา จากนั้น ก็มีเสียง ของคอดังลั่นขึ้น

ด้านเซียวเหยียนเห็นดังนั้น ก็รู้สึกตกใจ

และก็อยากจะบอกให้เฉินเกอนั้น รีบไป

ไม่ใช่ว่าเขากลัวหรอก อีกอย่าง คนพวกนี้ที่มานี่ ก็มีเจตนามา หาเรื่องทั้งนั้น เขาเลยไม่อยากมีเรื่องด้วย และก็ลืมไปด้วยว่าตัว เองนั้น มีเงินมากกว่าพวกเขาด้วย

เมื่อผู้หญิงเหล่านั้น เห็นดังนั้น ก็พากันหัวเราะขึ้นอีก

ต้าเขียวมักจะเป็นแบบนี้ เมื่อสัมผัสมือกับเขาแล้ว คนที่สัมผัส มือนั้น ต่างก็ต้องร้องกรี๊ดขึ้นมาแน่ เพราะเจตนาเขา คือทำให้คน อื่นขายหน้า เพราะก็เป็นอาจารย์ด้วย

ด้านเฉินเกอ ได้แต่ยิ้มแบบนิ่ง ๆ และก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับ
“เป็นไรไปเพื่อน แค่สัมผัสมือเองนะ นายกลัวเหรอ ฮ่า ๆ ” ต้าเบียวพูดขึ้นด้วยอาการถากถาง

“เอาแบบนี้ก็ได้เพื่อน ที่จริงแล้ว ที่จอดรถตรงนี้ พวกเราจองไว้ แล้ว นายเชื่อไหม ถ้าฉันยกหู รถของพวกนาย อย่าพูดเลยว่าจะ ได้จอดตรงนี้ คงโดนทุบจนเละแน่ มา เราสองคนแค่สัมผัสมือเอง จะได้รู้จักกัน หากเป็นเพื่อนกันแล้ว ฉันให้นายจอดรถไว้ตรงนี้ ก็ได้ เดี๋ยวพวกเราจะไปจอดที่อื่นเอง โอเคไหม

ต้าเบี้ยวเองก็กลัวว่า เฉินเกอนั้นจะยอมแพ้ไปก่อน เลยได้พูดเชื้อเชิญอยู่พักใหญ่

“ดูเหมือนว่า ถ้าฉันไม่สัมผัสมือกับนาย คงต้องเกิดเรื่อง วุ่นวายขึ้นสินะ”

เฉินเกอพูดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่รู้จักกลัว

“นิ้ว!

“ไอ้โง่นี่ คงไม่รู้ว่าต้าเขียวกำลังจะจัดการกับเขาหรอกมั้ง ผู้หญิงสองสามคนที่อยู่ด้านหลังได้พูดขึ้น

“โอเค”

เฉินเกอพยักหน้า

หลังจากนั้น มือทั้งสองก็ได้สัมผัสกัน

ส่วนหลี่เจียวเจียวและคนอื่น ๆ นั้น ก็ได้เดินถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว พร้อมกับเอามือปิดหูเอาไว้

เพราะถ้าหากเป็นอย่างนี้ ไอ้นี่ต้องโดนต้าเบี้ยวจัดการ จนส่ง เสียงร้องออกมา อย่างกับหมูถูกเชือดแน่ ๆ น่าสยองเกินไป

พวกเธอต่างก็เป็นผู้หญิงที่ดูน่ารัก แล้วจะทนฟังเสียงที่ร้อง อย่างทรมานและดังได้อย่างไรกัน

แค่คิดไม่ถึงว่า เสียงที่พวกเธอนึกว่าจะได้ฟังนั้น กลับไม่ดังขึ้น แต่เมื่อมองไปที่ต้าเขียวก็เห็นหน้าของเขานั้นมีสีหน้าที่เริ่มแดง

ขึ้น

และพยายามใช้กำลังในการขัดขืนอยู่ ส่วนเฉินเกอนั้น ก็ยังยิ้มอย่างสบายใจอยู่ “เชี่ย”

ต้าเบี้ยวหน้าแดงก่ำ ตาเบิกโต เพราะเขาได้ใช้แรงทั้งหมดที่ เขามีแล้ว แต่มือนี้ ทำไมมันช่างแข็งเหมือนกับเหล็กอย่างนี้ กา อย่างไรก็ทําไม่ได้

“นายต้องออกแรงหน่อยนะ”

เฉินเกอเหลือบมองไปที่หลี่เจียวเจียว จากนั้น ก็หันกลับมา ยิ้ม เยาะให้กับต้าเบี้ยว

“เชี่ย”

ต้าเบียวเมื่อเห็นว่าเฉินเกอกำลังยั่วยตัวเองอยู่ จากนั้น จึง กัดฟัน แล้วเบ่งกำลังที่มีออกมาจนหมด
“โอ้ย”

ในเวลานี้ ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างทรมานดังขึ้น

เป็นหลี่เจียวเจียวและคนอื่น ๆ นั้น ที่ใช้มือกุมไปที่อกของตัว เองเอาไว้ และเสียงที่ได้ฟังนั้น ราวกับเสียงของหมูถูกเชือด

แต่ถ้าเบียวเองก็ไม่ได้สนใจอะไร พยายามที่จะกู้หน้าของตัว เองคืนมาอย่างเดียว จากนั้น จึงได้ใช้มือของเขาทั้งสองข้าง ก ไปที่มือของเฉินเกออย่างสุดกำลัง

“โอ้ย ! ! ! ! ”

ด้านของหลี่เจียวเจียวนั้น รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก จนแทบ ต้องลงไปนอนกลับพื้น……..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ