ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 638 ความเจ็บป่วยของคุณนายท่าน



บทที่ 638 ความเจ็บป่วยของคุณนายท่าน

เงินเยี่ยน อาศัยพื้นฐานครอบครัวของตน ทำให้กลายเป็นคน หยิ่งผยองไม่เห็นใครในสายตา

แต่ตอนนี้เมื่อได้พบกับเงินเกอ รับว่าเป็นการสอนให้เธอรู้จัก ยิ่งเสียกว่าความตาย อีกทั้งประโยคสุดท้ายเมื่อครู่เป็นเฉินเกอที่ จงใจพูดให้เธอฟัง ให้เธอรู้ว่า อย่าได้คิดว่าบนโลกใบนี้ตนเอง นั้นยอดเยี่ยมที่สุด คนที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าตนนั้นยังคงมีอยู่

ทั้งตระกูลเสี้ยว รวมถึงเว่ยกุ้ยฟางเองต่างหวาดกลัวจน เงียบกริบ

จากนั้นถัดมา งานวันเกิดที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีความหมาย โดยสิ้นเชิง

ไม่นานนัก เฉินเกอและคนตระกูลซูก็จากไป

เหตุการณ์ในเมื่อเช้านี้ แม้จะเป็นเพียงเวลาช่วงสั้น ๆ แต่สำหรับจางซินหัวคุณนายท่านแล้ว ราวกับว่าเป็น ประสบการณ์ที่ทั้งขึ้นสูงและตกต่ำของช่วงชีวิตรวมกัน

ทําเอาเธอรู้สึกเลือดลมพลุกพล่าน ผลคือระหว่างทาง จู่ๆ มือ และเท้าของเธอก็ชา ศีรษะมึนงง อีกทั้งทั้งรู้สึกปวดหัวอย่างแรง และเป็นลมไปทันที

จากนั้นทั้งตระกูลซูก็แตกตื่น
เนื่องจากเฉินเกอได้ไปที่คฤหาสน์หยุนซึ่งเมาท์เทนก่อนแล้ว เพื่อดูความคืบหน้าที่นั่นจากนั้นจึงเตรียมกลับไปบ้านตระกูลซูอีก ครั้ง

การขุดเจาะภูเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ คาดว่า วันพรุ่งนี้ ก็จะสามารถนำหินสะท้านฟ้าออกมาได้

ดังนั้นเฉินเกอจึงไม่ได้อยู่กับพวกเขา

คนในตระกูลซูกําลังรีบร้อน

โชคดีที่เกือบจะถึงบ้านแล้ว นั่นเพราะในสองปีที่ผ่านมา สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งสองครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือน จะร้ายแรงกว่าเดิมอยู่บ้าง

ในบ้านมีถังออกซิเจนและอุปกรณ์อื่นๆ อยู่

พวกเขารีบโทรไปหาหมอใหญ่ หม่าจิ้นและให้เขามาช่วย เหลืออย่างเร่งด่วน

หม่าจิ้นเคยเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงในหน่วยบัญชาการทหาร และมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม

อายุหกสิบกว่าปี เขาถึงค่อยกลับมาบ้านเกิด และอยู่ในฐานะ ศาสตราจารย์ในโรงพยาบาล อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งรอง ประธานสมาคมจริยธรรมทางการแพทย์

เขามาพร้อมกับลูกศิษย์อีกทั้งสองคนเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง

และได้พบกับเฉินเกอพอดี
ทั้งสองพยักหน้าถือเป็นการทักทาย

ทันทีที่เฉินเกอเข้ามา เขาก็เห็นพวกซูโก๋เฉียงกำลังลนลาน อย่างยิ่ง

เมื่อสอบถามถึงได้ทราบว่า

ที่แท้เมื่อครู่ระหว่างทางกลับมา คุณยายมีอาการเก่ากำเริบขึ้น

ให้

และสามคนที่เข้ามาทีหลังตนก็คือหมอที่มารักษา

“คุณยายอยู่ในห้องไหม? ผมจะเข้าไปดู คิดไม่ถึงเลยว่าโรคจะ กําเริบเร่งด่วนขนาดนี้!

เฉินเกอกล่าว

อันที่จริง เมื่อครู่ตอนเห็นคุณยาย เฉินเกอก็ดูออกแล้วว่า สุขภาพของคุณนายท่านกำลังมีปัญหา

เพียงแค่ตอนนั้นเขาไม่ได้พูดอะไร

ยังไงเสียเขาเองก็รู้จักการรักษาโรคเช่นกันน

ตนบอกว่าจะกลับไปที่เขาหยุงตั้งก่อนและกลับมาอีกครั้ง แต่ เมื่อกลับมาอีกครั้งยังไม่ทันได้รำลึกความหลังกลับต้องมาดู อาการของคุณนายท่านแทน

“เดี๋ยวก่อน คุณกำลังทำอะไร? มีมารยาทหรือไม่? อาจารย์ ของฉันอยู่ที่นี่ นายมีตัวตนมากพอหรือไง! ”

ในเวลานี้เอง ด้านหลังของหม่าจิ้นก็มีคนอายุราว 30 กว่าปีเอยอย่างเย็นชา

“พี่ อย่าทำแบบนี้ พี่ชายท่านนี้เองน่าจะเป็นหมอด้วยใช่ไหม?” หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังหมาจิ้นยิ้มให้เงินเกอ

เฉินเกอเองก็ยิ้มให้เธอ

เพียงแต่ในใจของเขายังกังวลกับอาการป่วยของคุณยาย

เฉินเกอไม่พูดพร่ เขาเอ่ยถามซูโกเฉียง

“คุณลุง คุณยายป่วยมานานแค่ไหนแล้ว? ” จากนั้น ซูโก๋เฉียงก็เล่าถึงอาการเจ็บป่วยของคุณนายท่านให้

ที่แท้ก็เป็นโรคนี้มาระยะหนึ่งแล้ว

ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่งก็มักจะกำเริบขึ้น อีกทั้งเมื่อกำเริบขึ้น มันก็ มักจะกำเริบอยู่เป็นระยะๆ หลายรอบจนกระทั่งครบรอบหนึ่งถึง ค่อยดีขึ้น

โรคจิปาถะแบบนี้ตรวจอาการไปก็ไม่เห็นผลอะไร

ในช่วงนี้ เมื่อตามตัวอัจฉริยะหม่าจิ้นพบจึงได้ขอให้เขามาดู รักษาอาหาร

ชายและหญิงที่อยู่เบื้องหลังของหม่าจิ้นก็เด็กฝึกงานของเขา

ผู้ชายมีอายุประมาณสามสิบปี ชื่อของเขาคือ หลิวว่าง ผู้หญิงอายุต่ำกว่ายี่สิบสามปี ชื่อของเธอคือ จ้าวปุ๋ยหลิง
เมื่อเวลาผ่านไป คนในตระกูลซูก็เริ่มคุ้นเคยกับพวกเขา เพียงแต่แม้ว่าอัจฉริยะหม่าจิ้นจะมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นผลใดๆ อยู่ดี

“อาการป่วยของคุณยาย ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ ผมเข้าไปดู หน่อยดีกว่า!”

ในใจของเฉินเกอย่อมมีการคาดการณ์เอาไว้แล้ว

แต่ใบหน้าของ หลิวว่างกลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวไปแล้ว เมื่อได้ ยินจ้าวปัยหลิงเอ่ยว่าเขาอาจเป็นหมอด้วยเช่นกัน หลิวว่างก็รู้สึก เป็นศัตรูทันที เป็นได้ว่าเขากำลังคิดจะล้ำเส้น อีกทั้งชายหนุ่มก็ ยังอายุน้อยกว่าเขา ในเมื่อแม้แต่อาจารย์ของตนก็ตรวจหาโรค ไม่เจอ แต่เขากลับพูดว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่

บ้าเอ้ย!

“พ่อหนุ่ม ทางที่ดีพูดจาอย่าได้มั่นใจมากเกินไป” หลิวว่าง ขมวดคิ้วเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจอย่างมาก

“ใช่ เสี่ยวเกอ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่านายสามารถตรวจ อาการได้ ป้าไม่ได้มีความหมายอื่นอะไร เพียงแต่นายไปเรียนรู้ ทักษะทางการแพทย์มาตอนไหนหรือ? ”

หวังหุ้ยหมิ่นไม่ได้ดูถูกเฉินเกอ แต่เรื่องการรักษาผู้ป่วยนั้น ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ

ก่อนหน้านี้เฉินเกอเคยเป็นนักศึกษาในภาควิชาวรรณคดี แม้ว่าจะเป็นถึงคุณชายผู้สูงส่ง แต่เขาก็ไม่ได้เชี่ยวชาญในทุกสิ่งดังนั้นเมื่อเฉิน กอบอกว่าเขาต้องการรักษาโรคและช่วยชีวิต ต่อ ให้ตระกูลซูจะเต็มใจที่จะเชื่อเฉินเกอ แต่พวกเขาก็ยังคงกังวล เช่นกัน

ไม่มีความหมายอื่นใดแฝงอยู่อีก

เฉินเกอส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น สํานักศาสนาและสำนักนัก ต่างๆเขามีความเชี่ยวชาญในทุกสิ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทักษะ ทางการแพทย์ง่ายๆ เหล่านี้

แต่ว่าเฉินเกอเองก็ไม่โทษพวกป้าหวัง

พวกเขาไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตัวเองในช่วงสองปีที่ ผ่านมา จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีการคาดเดาเช่นนี้

ไม่พูดพร่ำทำเพลง ระหว่างพูดคุย ทุกคนก็เดินไปยังห้องพัก “หมอหม่า คุณยายฟื้นแล้ว!

“เฉินเกอ นายก็อยู่ที่นี่ด้วย! ”

ถังหมั่นอยู่ในห้องผู้ป่วยมาตลอด ไม่ได้ไปไหวแม้แต่ก้าวเดียว เมื่อเห็นเฉินเกอเข้ามา เธอก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อัจฉริยะหม่า หมอหลิวว่าง หมอปุ๋ยหลิง อีกทั้งเสี่ยวเกอ พวก คุณมาแล้วหรือ!”

ในห้อง คุณนายท่านเอ่ยอย่างอ่อนแรง

“อัจฉริยะหม่า อาการป่วยของฉันในสองปีที่ผ่านมา เกิดอยู่ เป็นพักๆ อีกทั้งทุกครั้งยังย่ำแย่กว่าเดิม จำนวนการกำเริบนับวันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”

คุณนายท่านเอ่ยถาม แน่นอนว่าเธอไม่คาดคิดว่าเงินเกอเองก็จะเข้ามาดูอาการป่วย

ด้วย

ดังนั้นเธอจึงบอกกับหมาจิ้นเกี่ยวกับอาการป่วยล่าสุดของเขา

“ทุกครั้งที่กำเริบ มักจะกำเริบไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง จากนั้นค่อย ฟื้นขึ้นมา แต่เมื่อรอไปครู่หนึ่ง ก็จะกำเริบขึ้นอีกครั้ง วนไปเช่นนี้ ห้าครั้งถึงจะหยุดลง ฉันแทบจะไม่สามารถทนต่อไปได้แล้ว! ”

คุณนายท่านถอนหายใจ

“คุณนายท่าน ไม่ต้องกังวล ระยะนี้อาจารย์เอาแต่ศึกษา อาการของคุณมานานแล้ว น่าแปลกอย่างยิ่ง แต่ว่าในที่สุด อาจารย์ก็สามารถหาผลบางอย่างออกมาได้แล้ว ตอนนี้ให้คุณดู ดีกว่าพวกที่ไม่รู้จักฟ้าสูงดินชอบพูดพล่ามมั่วซั่วตั้งเยอะ!”

หลิวว่างกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ในขณะเดียวกันก็มองไปที่เฉินเกอ

“เหอะเหอะ ดูตอนนี้ เกรงว่าจะดูไม่ออกอะไร” คุณนายท่าน กล่าวด้วยรอยยิ้มจนปัญญา “ก่อนหน้านี้ก็เคยให้หมอมาดู อาการ หลังจากการตรวจร่างกายทุกอย่างล้วนปกติ ไม่มีอาการ โรคใดๆ คงมีเพียงเมื่อฉันปวดหัวเท่านั้นถึงจะดูออกว่าอาการ โรคเป็นยังไง”
“โอ้ ใช่!” หลิวว่างเอ่ยอย่างเพ้อๆ อยู่บ้าง จากนั้นจึงหลบฉาก ไปยืนด้านหลัง

“อัจฉริยะหม่า คุณหาวิธีรับมือได้แล้ว คุณช่วยฉันวินิจฉัยและ รักษาทันทีได้ไหม? ฉันไม่อยากทนทุกข์ขนาดนี้อีกแล้ว!” คุณนาย ท่านร้องขอ

หม่าจิ้นนิ่งเงียบ

“คุณยายไม่ต้องกังวล รออีกหนึ่งชั่วโมงห้านาที อาการป่วย ของคุณจะกำเริบแล้ว อีกทั้งเมื่อคุณปวดหัว ผมคิดว่าหมอหมา นท่านนี้ คงค่อยใช้วิธีของเขารักษา!” เฉินเดอมองไปที่นาฬิกา บนผนังและกล่าว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ