ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่370 การประชุมประจำตระกูล



บทที่370 การประชุมประจำตระกูล

ฟางหยออกไปแล้ว

แต่ก็กลับมาอย่างรวดเร็ว

“เจียนนั้น คุณครูทั้งสิบสองคนไม่อยู่น่ะ อีกทั้งพวกผู้ใหญ่ที่ วิลล่านี้ก็ไม่มีใครอยู่ด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่าจะไปประชุมกัน แล้วน่ะ เธอลืมแล้วหรือ ว่าทุกปีตระกูลของพวกเราจะมีการ ประชุมใหญ่กันครั้งหนึ่งในวันนี้นะ

ฟางหลีกล่าว

ฟางเจียนนั้นนั่งพยักหน้าอยู่บนเตียง : “ฉันเองก็เพิ่งจะนึกขึ้น ได้ เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน!”

พูดจบแล้ว กลับเห็นท่าทางที่ดูลังเลของฟางหยี

ฟางเจียนนั้นเอ่ยถาม : “เป็นอะไรไป?”

ฟางหลีกระโดดมาข้างๆฟางเจี่ยนกันอย่างลึกลับ เธอกัดริม

ฝีปากตัวเองเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้น : “เจียนนั้น เธอว่าทุกๆปีที่ ตระกูลมีจัดการประชุมที่ดูลึกลับประจำตระกูลแบบนี้ อีกทั้งเพียง แค่ต้องการให้ผู้ชายพวกนั้นไปด้วยอีก สรุปแล้วพูดถึงเรื่องอะไร กันแน่?”

ฟางเงี่ยนนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาจะพูดอะไรกัน เธอจึงส่ายหน้าพลางเอ่ยขึ้น : “ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ” เธอมองไปเฮ้อ ฉันคิดอะไรเธอครั้งทำเหมือนพวกเราขนาดนี้ พยายามขนาดแล้วนะ เธอก็ยังคงไม่รู้อะไรอยู่เหมือนเดิม!

ฟางหยีถอนหายใจออกมา

สีหน้าท่าทางของฟางเจียนนั้นหมองคำพูดนี้ กระทบใน

ใช่ตัวเองแข็งแกร่งกว่าผู้ชายพวกนั้น แล้วก็สามารถแบกรับกับหน้าที่อัน ยิ่งใหญ่ของตระกูลได้มากกว่า

แต่ หลายผ่านมาขนาดแล้ว คุณยังทำเป็นเห็น

ถ้าไม่อย่างเราสองคนแอบกันถึงอย่างไรเธอ เองอยากเรื่องตระกูลบ้างอยู่แล้ว”

ฟางหยีเอ่ยขึ้นเบาๆ

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ฟางเงี่ยนนั้นต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน เนื่อง

แต่พูดของฟางหยีเมื่อครู่นี้ ทำให้ฟางเงี่ยนนั้นไม่พูด

อะไรออกมา
ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป ตัวเองกับฟางหยีจะต้องถูกปิดบังไป ตลอดชีวิตเลยอย่างนั้นหรือ?

และตัวเธอเองก็จะต้องเป็นแบบนี้ต่อไปตลอดชีวิต ใช่ไหม? ฟางเจียนนั้นส่ายหน้า

ไม่! ไม่ได้เด็ดขาด! ตัวเธอเองจะใช้ชีวิตต่อไปแบบนี้ตลอด ชีวิตเลยไม่ได้เด็ดขาด!

พอดีกับเสียงนี้ ได้กระตุ้นหัวใจที่ต่อต้านที่ฝังอยู่ในใจของฟาง เจียนนั้นมาเป็นเวลาหลายปี

แล้วจึงมองไปทางฟางหยี ทั้งสองคนพยักหน้าให้กัน

รอจนตอนที่มาแอบฟังตรงหน้าห้องประชุมนั้น การประชุมด้าน

ในได้เริ่มขึ้นแล้ว

“เจ้ารอง เจ้าสาม งานของพวกแกเตรียมกันเป็นอย่างไรบ้าง? รับมือกับสิ่งที่ใหญ่โตขนาดนี้ได้ไหม อาวุธที่พวกแกเตรียม สําคัญมากนะ!”

ที่นั่งด้านหน้า ชายสูงวัยคนหนึ่งกำลังพิงไม้เท้า แล้วมองไปยัง ชายวัยกลางคนทั้งสองคนนั้น

“พ่อครับ พวกเราเตรียมได้พอสมควรแล้วครับ เพียงแต่น่า เสียดาย ภารกิจที่ยากที่สุด เราสองคนร่วมมือกันก็ไม่เสร็จสิ้น ถ้า หากพี่ใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ ก็คง….”

หนึ่งในชายวัยกลางคนนั้นเอ่ยพูดขึ้นมาถึงตรงนี้แล้วก็ไม่ได้พูดต่ออีก

ฟางเจียนนั้นที่ได้ยินอยู่ตรงด้านนอกหน้าต่างนั้น อดที่จะเงย หน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วไม่ได้ และยิ่งตั้งใจฟังมากกว่าเดิม

ส่วนชายสูงวัยคนนั้น ได้ยินแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างมัวหมอง ขึ้นมา : “ใช่ ถ้าหากพี่ใหญ่ของพวกแกอยู่ ตระกูลฟางของพวก เราก็ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ ส่วนเขา คนที่ถูกทำร้ายจนต้องมาตาย ช่างโชคร้ายจริงๆ!”

น้ำตาขุ่นๆของชายสูงวัยไหลลงมา

“ใช่ครับ หลังจากที่นายน้อยตาย พี่ใหญ่ก็อายุมากขึ้น ตระกูล ฟางก็ไม่มีใครที่จะไปงัดข้อกับตระกูลพวกนั้นได้อีก น่าเสียดาย จริงๆครับ แต่ก็ยังดี ที่หลานเจี้ยนนั้นเก่งในด้านพวกนี้ เมื่อ เทียบกับนายน้อยแล้ว ก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันเลย ถ้าหากสามารถ ฝึกฝนเจียนนั้นให้มาต่อต้านกับต้าเหลียงได้ นั่นคงจะแนวทางที่ ฉลาดพอตัวเลยนะครับ!!

ชายสูงวัยของตระกูลกล่าว

“อา ทำไมฉันไม่เคยคิดว่าจะให้เจี้ยนนั้นเข้ามาร่วมด้วยนะ แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นลูกสาวคนเดียวของเจิ้งหัว แล้วก็เป็น เลือดเนื้อเชื้อไขเดียวของเจิ้งหัวด้วย เธอไม่ได้รับความรักจากพ่อ แม่มาตั้งแต่เด็ก ฉันรักและเอ็นดูเงี่ยนกันขนาดนี้จะทนให้เธอ ออกมาแบบนี้ได้อย่างไร!

ผู้นําของตระกูลฟางส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ
“เด็กผู้หญิง ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องแต่งงานอยู่ดี จะไปมีความ สามารถอะไร แล้วอีกอย่าง แม้แต่คุณชายฟางเจิ้งหัวก็ไม่ใช่คู่ ต่อสู้ของตระกูลนั้นด้วย แล้วพ่อแม่ทั้งสองคนก็ถูกทําร้ายเพราะ นั้นอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กไร้เดียงสาคนนั้นเลย!!

ทางด้านข้าง ก็มีชายวัยกลางคนที่ดูสดใสอิ่มเอิบคนหนึ่งเอ่ย พูดขึ้น

“ปีง!”

คุณชายฟางเจิ้งเย่ตบโต๊ะ เอ่ยขึ้นด้วยสายตาที่โมโห : “ซือถู หงที่พูดมาหมายความว่าอะไร หรือว่าช่วงหลายปีมานี้ตระกูลซื้อ ถูปีกกล้าขาแข็งแล้ว ไม่ได้มองเห็นตระกูลฟางอยู่ในสายตาแล้ว ใช่ไหม?”

“จะเป็นไปได้อย่างไร? ตั้งแต่ผมเกิดมา พ่อที่สมควรตายคน นั้นก็บอกผมว่า ตระกูลซือเป็นหนึ่งในตระกูลที่ต้องขึ้นตรงกับ ตระกูลฟางจะต้องเชื่อฟังตระกูลฟางทุกอย่าง หลายปีมานี้ ผมก็ เชื่อฟังดีนี่ ช่วยตระกูลฟางให้อำนาจทางแถบตะวันตกเฉียงใต้ มั่นคงขึ้นมาได้ ผมไม่มีคุณงามความดีแต่ก็ทำงานหนักอยู่ใช่ ไหม?”

ซื้อ หงชายวัยกลางคนตัวท้วมจ้องไปยังฟางเจิ้งเยู่แล้วเอ่ยพูด ขึ้นมา

การประชุมใหญ่วันนี้ นอกจากตระกูลฟางแล้ว ยังมีตระกูลที่ ขึ้นตรงคล้ายๆกับตระกูลซือเช่นนี้อีก แต่ภายใต้ตระกูลใหญ่ๆ ก็จะต้องมีหลายๆตระกูลที่ขึ้นตรงต่อพวกเขาอย่างแน่นอน

แม้จะเป็นบริษัทที่เฉินเกอสร้างขึ้นมา ก็ล้วนแต่มาจากผู้ที่ขึ้น ตรงกับตระกูลเฉินจำนวนไม่นั้น หลักการใกล้เคียงกัน “ใช่ สองปีมานี้อะหงมีความดีความชอบในการสู้เพื่อตระกูล

ฟางก็จริง แม้แต่พวกเราตระกูลอื่นๆที่เป็นตระกูลในบริวาร ก็ได้

อาศัยบารมีไปได้ไม่น้อย!”

คนไม่น้อยที่เริ่มกระซิบกระซาบกัน

ส่วนชายสูงวัยของตระกูลฟางเวลานี้จึงได้ใช้ไม้เท้ากระแทก ลงที่พื้น ภายในห้องนั้นถึงได้กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง

“อะหง ฉันดูเหมือนแกจะมีอะไรจะพูด มีอะไรที่อยากจะพูดก็ พูดมาสิ……

ท่านปู่ฟางสูดหายใจเข้า

ชื่อหงยิ้มออกมา “ท่านครับ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ นี่ไม่ใช่ ว่านายน้อยเกิดเรื่องมาตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว เมื่อก่อนพวกเรา เคยพูดถึงกิจการเหล่านั้นของเขา ที่จะแบ่งให้พวกเราสักหน่อย ได้หรือเปล่า ให้พวกเราได้บริหารจัดการกันบ้าง แต่ท่านบอกว่า รอให้ฟางเจียนนันโตก่อน ตอนนี้เธอก็โตแล้ว หึหึ ท่านจะรักษา สัญญานั้นด้วย เพราะถึงอย่างไรฟางเจิ้งหัวก็ไม่ได้มีทายาทสืบ ตระกูลแล้ว!”

“หืม รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าซือกหงจะต้องมีอุบายอะไรอยู่แล้ว ถึง แม้ว่านายน้อยจะเกิดเรื่องมาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีการแก้แค้นให้เขา คุณก็ต้องการจะแบ่งกิจการแล้วหรือ?”

ฟางเจิ้งเย่เอ่ยขึ้นอย่างโมโห

“เหอะๆ ยังไม่ได้แก้แค้น? ผมว่าไม่กล้าแก้แค้นมากกว่าค่ะ มั้ง? จะว่าไปแล้ว กิจการของเขาให้พวกคุณสองพี่น้อง ก็ไม่เห็น ว่าพวกคุณพี่น้องจะทำอะไรเลย กลับยิ่งทำให้ตระกูลฟางมีแต่ ความคับอกคับใจมากกว่าเดิมอีก! สู้แบ่งมาให้พวกเรายังจะมี โอกาสมากกว่า!”

“อะหงพูดถูก!”

คนจํานวนไม่น้อยเอ่ยขึ้น

หากยังอยู่กับสองพี่น้องฟางเจิ้งเก็ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นตอนไหน

เสียงปีงดังขึ้น

ประตูห้องประชุมถูกเปิดออก

ฟางเจี่ยนฉันเดินเข้ามาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ มองทุกคนด้วย ใบหน้าที่เย็นชา สุดท้ายแล้วสายตาของเธอจึงหยุดมองอยู่ที่ร่าง ของฮือกหง : “คุณลุงฮือก ลุงบอกหนูได้ไหมคะว่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อ กับแม่หนูคือใคร ศัตรูของตระกูลฝางคือใครกันแน่ ความแค้นนี้ หนูจะเป็นคนไปแก้แค้นเอง!

ส่วนท่านปู่ฟางที่เห็นว่าฟางเงี่ยนนั้นพุ่งเข้ามานั้น ก็เดาว่า ฟางเงี่ยนนั้นอาจจะได้ยินแล้ว

จึงถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ
ทุกคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ แม้แต่ซือถูหงเองก็หัน หน้าไปอีกฝั่งหนึ่งเช่นกัน แล้วทำเป็นไม่ได้ยิน

ส่วนท่านฟางนั้นหลังจากที่สูดหายใจเข้าแล้วนั้น จึงมอง มายังฟางเจียนนั้น “พักการประชุมก่อนชั่วคราว เจียนนั้น แก ตามฉันมา!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ