ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 841 มังกรเขียว



บทที่ 841 มังกรเขียว

เงินเกือกับโจวโน่นั่งพักผ่อนอยู่ข้างริมแม่น้ำ

“ทำไมตั้งครึ่งวันแล้วยังไม่เห็นเงาสักคนเลย? ”

โจวโน่ถามเฉินเกอด้วยความสงสัย

เฉินเกอก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน

“แปลกจริงๆ หรือเราจะอยู่ในที่กันดารเกินไป? “เฉินเกออดที่ จะครุ่นคิดไม่ได้

“โป้ง! ”

เมื่อเสียงหายไป มีสายน้ำสายใหญ่ราวกับเสาไฟฟ้าพุ่ง ทะยานสู่ท้องฟ้า

มังกรสีเขียวตัวหนึ่งก็พุ่งตามขึ้นมาจากแม่น้ำ เหาะเหินอยู่ กลางอากาศและอ้าปากครามมาทางพวกเฉินเกอสองคน

เสียงดังสนั่นเป็นบริเวณกว้าง

โจวโน้มองตาโต พวกเธอทั้งสองคนจะไปคาดเดาได้อย่างไร ว่าด้านในแม่น้ำจะมีมังกรเขียวอยู่ตัวหนึ่ง

มังกรเขียวทำท่าจะเข้าจู่โจมเฉินเกอกับโจวโน่ มันรีบบินลอย มาทางพวกเขาสองคนอย่างรวดเร็ว

“ระวัง !
เฉินเกอตะโกนเสียงดัง

ตะโกนเสร็จเฉินเกอกับโจวโน่ก็หลบไปด้านข้างพร้อมๆกัน

โชคดีที่มีปฏิภาณไหวพริบที่รวดเร็วสามารถหลบการจู่โจม ของมังกรเขียวได้ แต่ตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ กลายเป็นหลุมใหญ่ไปแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอานุภาพความ ร้ายกาจในการจู่โจมของมังกรเขียวว่ามีเท่าไหร่ ถ้าหากโดนตัว พวกเขาทั้งสองคน ร่างกายจะต้องแตกย่อยสลายแน่นอน

“กติกาบอกว่าได้ต่อสู้กับเฉพาะคนเท่านั้นไม่ใช่เหรอ ทำไมถึง มีมังกรเขียวโผล่ออกมากะทันหันล่ะ!

โจวโน่ถามอย่างไม่เข้าใจ

เฉินเกอรู้สึกว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นการทดสอบการต่อสู้อย่างหนึ่ง ในแดนมายา ไม่แน่อาจจะมีสิ่งน่าอัศจรรย์ใจแฝงอยู่ก็เป็นได้

“โจวโน่ คุณหลบไปก่อน ผมจะรับมือมันเอง!

เฉินเกอเตือนโจวโน่หนึ่งประโยค จากนั้นก็เรียกวิญญาณ กระบี่ที่แฝงอยู่ภายในร่างกายให้กลายร่างออกมาเป็นกระบี่ พลางกุมอยู่ในฝ่ามือ และตรงเข้ารับมือกับมังกรเขียวทันที

มังกรเขียวเห็นเฉินเกอกำลังมุ่งหน้ามาหาตน จึงเกิดความตื่น เต้นมากกว่าเดิม สะบัดร่างกายพลางกระโจนเข้าหาเฉินเกอ ทันที

“กระบี่เย้ยแปดทิศพิฆาต!
วินาทีต่อมา เฉินเกอตะคอกเสียงด้วยความโมโห กระบี่ที่ครอบด้วยแสงสีแดงก็ปรากฏขึ้นมาในอากาศ ชั่วพริบ ตาเดียวก็แทงทะลุตัวมังกรเขียวอย่างคมเฉียบ

“อ้อแอ้ออ!

มังกรเขียวร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด จากนั้นดวงตาทั้งคู่ก็ กลายเป็นสีเทาตกลงไปในแม่น้ำทันที

มังกรเขียวถูกเฉินเกอฆ่าตายเสียแล้ว จากนั้นบนผิวน้ำก็โผล่ของสองสิ่งที่มีแสงสว่างระยิบระยับขึ้น มา

เมื่อเดินเกอเห็นภาพดังกล่าว จึงรีบกระโดดลงไปตรวจดู ขณะที่เดินเข้าไปใกล้ แสงสว่างได้ดับวูบไปแล้ว ยันต์หยก มังกรเขียวหนึ่งอันและไข่มังกรหนึ่งใบก็ได้ปรากฏสู่สายตาของ

เฉินเกอ

เฉินเกอรีบคว้าของสองสิ่งนี้ขึ้นมา จากนั้นก็กลับไปหาโจวโน่

เห็นของสองสิ่งนี้แล้วทำให้โจวโนกับเฉินเกอทั้งสองต่าง ประหลาดใจยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าหลังจากฆ่ามังกรเขียวตายแล้วจะ ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่าอย่างนี้ แดนมายาช่างพิศวงลึกลับเสีย จริงๆ

จากนั้นเงินเกอก็นำไข่มังกรเก็บเข้าในกระเป๋าเป้ของตน และ นํายันต์หยกมังกรเขียวเก็บใส่กระเป๋ากางเกงของตน
ของสองสิ่งนี้เฉินเกอไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไรบ้าง รอให้ผ่าน ด่านทดสอบให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยไปเสาะหาความจริงจะดีกว่า แต่เฉินเกอก็รู้ว่าของสองสิ่งนี้จะต้องล้ำค่า มีประโยชน์ที่พิเศษใน ตัวของมันและมีความลับอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่แน่ๆ

“เฉินเกอ กระบวนท่าที่คุณใช้เมื่อสักครู่นี้เรียกว่าอะไรเหรอ คะ? ช่างเก่งกาจเหลือเกิน! ”

โจวโน่เงยหน้าขึ้นมอง พลางถามเงินเกออย่างสงสัย

เมื่อกี้ที่เฉินเกอใช้กระบี่เรือนแสงสีแดงนั้นมันมีอานุภาพที่ร้าย แรงจริงๆ ทำให้โจวโน่รู้สึกประทับใจเหลือเกิน

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เผลอเรียกออกมากะทันหัน! “เฉินเก อก็รู้สึกไม่เข้าใจ อธิบาย ในขณะที่ทำท่ายักไหล่

อันที่จริงกระบวนท่าเมื่อสักครู่นี้ได้มาจากญาณกระบี่ เพียงแต่

เฉินเกอไม่รู้ก็เท่านั้นเอง

ไม่นาน พวกเขาทั้งสองคนจัดการเก็บของให้เข้าที่เข้าทาง อย่างง่ายๆแล้วออกจากริมแม่น้ำ มุ่งหน้าเดินทางต่อไปอีกด้าน หนึ่ง

พอเดินมาได้ประมาณสิบกว่านาที มีเสียงต่อสู้ที่ดุเดือดส่งเข้า มาที่ข้างหูของเฉินเกอกับโจวโน่

โจวโน่มองมาทางเฉินเกอพลางเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “เฉินเกอ ด้านหน้ามีการต่อสู้กัน เหมือนจะดุเดือดกันมากเลย พวกเราไปดู กันเถอะ!
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวโน่ เฉินเกอแสดงท่าทางเห็นด้วย เจอสถานการณ์เช่นนี้ ไม่แน่พวกเขาสองคนอาจจะรอโอกาส รับผลประโยชน์ที่ลอยมาก็ได้

ทั้งสองเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลบอยู่ด้านหลัง ก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง มองดูสถานการณ์ในป่าไม้ที่อยู่ไม่ ไกลนัก

ภายในป่าไม้มีคนสวมใส่เสื้อคลุมสีดำกำลังล้อมโจมตีคนชุด ขาวคนหนึ่ง

ไหล่ของคนชุดขาวได้รับบาดเจ็บจนเลือดนองเป็นสีแดงไปทั่ว แขนเสื้อแล้ว แต่ยังคงอยู่ในสถานะหนึ่งต่อแบบไม่แพ้พ่ายอยู่ดี

แต่เฉินเกอรู้ดีว่าหากยังคงต่อสู้อย่างนี้ต่อไป คนชุดขาวก็ยัง

คงไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้ และสุดท้ายจะถูกคนเสื้อคลุมสีดำ

ทั้งสี่ฆ่าตาย

แต่ว่าทำไมสี่คนนี้ถึงได้ไล่ฆ่าแค่คนหนึ่งคนล่ะ? มันต้องมี เหตุผลบางอย่างแน่นอน

“เฉินเกอ พวกเขาสี่คนรังแกแค่คนเดียว พวกเราจะยื่นมือเข้า ช่วยเหลือไหม? “โจวโน่เห็นแล้วถามเฉินเกอด้วยความโมโห เล็กน้อย

เห็นอยุติธรรมแล้วเอื้อมมือเข้าช่วย มันเป็นคุณธรรมที่งดงามบัดนี้ ในป่าไม้
“เชอะ หลินจื่อหลันนายอย่าฝืนต่อไปอีกเลย ยอมจํานงให้ พวกเราเอาหินเทพแต่โดยดีเถอะ! “หนึ่งในคนเสื้อคลุม เอ่ย ใส่คนชุดขาวอย่างเย้ยหยัน

“เหอะ อยากได้หินเทพจากผม ฝันไปเถอะ! “หลินจื่อหลันยิ้ม เยาะเย้ยโต้ตอบอย่างไม่ยอมแพ้

“ได้ ถ้าอย่างนั้นนายก็ไปตายเถอะ!”

คนเสื้อคลุมสีดำตวาดอย่างโมโหแล้วส่งสัญญาณให้อีกสาม คนที่เหลือตรงเข้าจู่โจมหลินจื่อหลัน

เมื่อเห็นวินาทีที่หลินจื่อหลันจะโดนแทงนั้น ก็มีแสงสีทองสาย หนึ่งตรงเข้ากระแทกตัวคนเสื้อคลุมสีดำทั้งสี่ให้ล้มระเนระนาดไป ด้านหลัง

ปิ๊บ ปี๊บ!

ร่างทั้งสองคนปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของหลินจื่อหลัน

“สี่รุมหนึ่งมันไม่ใช่นิสัยของคนดีเลยนะ! “เฉินเกือกวาด สายตามองคนเสื้อคลุมสีดำทั้งสี่ พลางพูดอย่างเย้ยหยัน

คนเสื้อคลุมดำทั้งสี่ต่างสบตากันแวบหนึ่ง พวกเขาคิดไม่ถึงว่า ระหว่างการต่อสู้จะมีนักพิทักษ์คุณธรรมเข้ามาแทรกแซง

“ไอ้เด็กน้อย อย่าสาระแนเลือกเรื่องของคนอื่น มิเช่นนั้นจะฆ่า นาย ให้ตายไปด้วย!

ผู้นำในกลุ่มคนเสื้อคลุมสีดำมองเฉินเกอด้วยแววตาดุดันพลางเอ่ยปากตักเตือน

“อ่อ? ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมจะต้องสาระแนยุ่งเรื่องนี้ เสียแล้ว! ”

เฉินเกอยิ้มอย่างดูถูก ดวงตาได้เปล่งกลิ่นอายสังหารอย่าง เยือกเย็น

พูดจบ เฉินเกอก็คว้าเวทย์ออกจากตัวมาสองแผ่น

ฮู้เวทย์กลายเป็นผงธุลีในอากาศ ชั่วพริบตาต่อมากลายเป็น เปลวไฟที่ร้อนระอุเคลือบตัวคนเสื้อคลุมสีดำทั้งสองไว้จนค่อยๆ เผาพวกเขาตายทั้งเป็น ในที่สุด

“อะไรกัน!

ส่วนคนเสื้อคลุมด่าอีกสองคนที่เหลือต่างตกตะลึงจนอ้าปาก

ค้าง

“คุณถึงเป็นปรมาจารย์! “หัวคนเสื้อคลุมพูดอุทานออก มาด้วยความตกตะลึง ซึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอปรมาจารย์

พูดจบ คนเสื้อคลุมดำทั้งสองเตรียมไจะบินเหาะหนีไป แต่เฉินเกอไม่มีทางที่จะให้โอกาสแก่พวกเขา

“คิดจะหนี? ไม่มีทาง! ”

เมื่อเป็นเกอเห็นก็ยิ้มอย่างเย้ยหยัน จากนั้นรีบคว้าเวทย์ออก มาอีกสองแผ่นพลางโยนออกไป
บัดนี้เห็นเพียงมีเถาวัลย์งอกออกจากร่างกายของคนเสื้อคลุม ทั้งสอง ทำให้ทั้งคู่ถูกรัดตัวไว้แน่นหนึบ จากนั้นกระเด็นหล่น มาอยู่ตรงหน้าพวกเฉินเกอทั้งสามคน

“ผมขอรับหินเทพของพวกคุณนะ!

เฉินเกอเหลือบมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมา หนึ่งประโยค

พูดจบ เฉินเกอก็ใช้กระบี่แทงเข้าไปอย่างจัง จนทำให้ทั้งสอง คนต้องจบชีวิตลง อย่างไร้ความปรานีใดๆ เมื่อต้องเผชิญหน้า กับศัตรูเช่นนี้ จำเป็นจะต้องใจแข็งโหดร้ายเสียบ้าง มิเช่นนั้นจะ แว้งกลับมาทำร้ายตนเอง ซึ่งเท่ากับเป็นการทำร้ายตนเองนั่นเอง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ