ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 68 นี่มันคนอะไรกัน



บทที่ 68 นี่มันคนอะไรกัน

บริษัทที่ครอบครัวของจ้าวยีฟานเปิดคือบริษัท การสื่อสาร

กำไรปีละประมาณหกถึงเจ็ดล้าน

ไม่นับว่าสูง แต่ก็นับว่าไม่เลว

ที่ตั้งของร้านอาหารอยู่ในอาคารที่หรูหราของ โรงแรมแห่งหนึ่ง หลังจากที่เฉินเกอพวกเขาเข้าไปแล้ว ได้สั่งไวน์และอาหารระดับไฮเอนด์ไว้หนึ่งโต๊ะจริงๆ

น่าเสียดาย คนที่ต้องการเชิญจริงๆ กลับไม่มา

“ยีฟาน พวกเธอมาแล้วหรอ!”

จ้าวกังฉีกยิ้มแล้วยืนขึ้นมา ตอนนี้ลูกสาวได้สร้าง ปัญหาใหญ่ขึ้นมาแบบนี้ บริษัทก็เดือดร้อนไปด้วย เช่น เดียวกับที่คุณชายสวี่เว้ยคนนั้นได้คำพูดไว้อย่างรุนแรง มีความเป็นไปได้ว่า บริษัท จะเผชิญกับภาวะล้มละลาย ภายในหนึ่งเดือน

สิบกว่าปีของการทุ่มเททำงานหนักสูญเปล่าไป อย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้ฉันทำได้แค่ฝืนยิ้มเท่านั้นแล้ว

“สวัสดีครับ/ค่ะ คุณลุงคุณป้า”

ทุกคนแยกกันกล่าวสวัสดี

“ยีฟาน วันนี้พ่อยังอยากจะถามลูกหน่อย ก่อนหน้านี้ลูกเคยบอกไว้ใช่ไหมว่า ลูกมีเพื่อนคนหนึ่งที่เก่ง มาก ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาก วันนี้เพื่อนของลูกคนนี้ มาด้วยหรือเปล่า?”

จ้าวกังนึกขึ้นได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนลูกสาวเคย บอกว่า มีเพื่อนคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับวิลล่าสปา

ดังนั้นจ้าวกังถึงได้ถามขึ้น

หากว่าเขาสามารถช่วยได้ เรื่องนั้นก็จะง่ายขึ้น

มาก

“มาค่ะ ทว่าพ่อคะ เรื่องมันไม่เหมือนกับที่พวกเรา คิดไว้ ความสัมพันธ์ของเขา ไม่ได้เป็นอย่างที่หนูเคย บอกไว้แบบนั้น….”

สีหน้าของจ้าวยีฟานไม่แยแสเลย

วันนี้เฉินเกอจะตามมาด้วยหรือไม่ตามมาด้วย เธอ ก็ไม่ได้มีท่าทีที่ชัดเจน

“ห์ ยีฟาน สำหรับคนคนนี้จะไว้หน้าทำไม ใช่แล้ว ค่ะคุณลุง เมื่อก่อน พวกเราต่างก็คิดว่าเฉินเกอเก่งมาก มี ความสัมพันธ์กว้างขวาง แต่ว่านะ ตอนนี้พวกเรารู้แล้ว เขาก็เป็นแค่แมงดาที่ถูกคนอื่นเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น ดังนั้น ถึงได้เข้าออกวิลล่าได้อย่างอิสระ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้ถูก ผู้หญิงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เลี้ยงดู!”

“มองดูแล้วเก่งมาก แต่ในความเป็นจริงปอดแหก จะตาย คนอื่นเขาไม่มีทางมาช่วยพวกเราเพราะเขา หรอก!”
หลินเจียวยืนขึ้นมาต่อว่า

จริงๆ แล้วหลังจากที่ด่าจบก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง

ไม่ถูก!

ตัวเองเหมือนจะลืมเฉินเกอไปแล้ว จะต้องรู้ว่า เฉินเกอเมื่อก่อน สามารถทำให้หลี่เฟยหงคุกเข่า ขอโทษทุกคนได้เลย

จะเห็นได้ชัดว่าเฉินเกอเป็นคนหน้ากลัวเหมือน หากว่าเขาไปหาคนรักของเขา บางทีเรื่องนี้อาจ

กัน

จะสามารถจัดการได้จริงๆ!

เฮ้อ ตอนนั้นหลินเจียวก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้แล้ว แต่ที่สำคัญคือ เฉินเกอไม่ใช่ทายาทเศรษฐีอย่าง ที่ตัวเองคิดไว้ความหวังเมื่อก่อนที่เคยมีต่อเขามันมาก เกินไปแล้ว ความผิดหวังจึงใหญ่ยิ่งกว่า

ทำให้ หลินเจียวเกิดอารมณ์แปรปรวนขึ้นมา และ เพิกเฉยต่อเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง

“เป็นอย่างนี้นี่เอง!”

เมื่อจ้าวกังและภรรยาได้ยิงอย่างนั้น แววแห่ง ความเศร้าจึงสะท้อนขึ้นมาในดวงตา

วันนี้พวกเขาได้เจอกับเฉินเกอเป็นครั้งแรก คิดไม่ ถึงเลยว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้ จะสกปรกมาก ขนาดนี้
ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าลูกสาวที่สะสวยของตัวเอง เป็น เพื่อนกับคนแบบนี้ได้ยังไง?

สีหน้าของจ้าวกังและภรรยามีความไม่ชอบใจเล็ก

น้อย

เฉินเกอนั่งอยู่ที่นั่นโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ

หมุนโต๊ะอาหาร และกินข้าว

มีอาหารดีดีมากมาย เฉินเกอเหมือนจะหิวแล้ว

จริงๆ

เมื่อเห็นภาพนี้ ความรังเกียจในสายตาของจ้าวกัง และภรรยาก็เพิ่มมากขึ้นทันที

“ในเมื่อเธอหิวแล้ว ก็สั่งข้าวเปล่าหนึ่งที่มากิน ด้วยเลยเถอะ!” แม่ของจ้าวยีฟาน เป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่รูปร่าง

สูง

แม้ว่าอายุจะย่างเข้าสี่สิบแล้ว แต่มองดูแล้ว ท่าทางเหมือนอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้าแน่นอน

ผิวขาวเปล่งประกายมาก

ในเวลานี้ กอดอกแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา ข้าว เปล่า พูดไปก็คือข้าวเปล่านั้นและ จงใจประชดเฉินเกอ

ไง!

“ห์ ใช่แล้ว กินแค่ข้าวเปล่าก็พอแล้ว เมาไปแล้ว จริงๆ นี่มันเวลาไหนแล้ว รู้จักกินอย่างเดียว!”
“พวกเธอว่าเขาตามมาด้วยทำไมกัน? ช่วยอะไร ไม่ได้เลยสักอย่าง รู้จักแค่มากินข้าวฟรีอย่างเดียว แม้ว่า จะถูกเก็บมาเลี้ยง แต่ผิวหนังที่ต่ำต้อยยังคงไม่ถูกขจัด ออกไป ถ้ากินข้าวฟรีได้ก็กินฟรี!”

“ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าผู้หญิงพวกนั้นคิดได้ยังไง ที่ให้ คนแบบนี้มาเป็นแมงดา!”

เด็กผู้หญิงหลายคนที่นำโดย หลินเจียวกล่าว อย่างเย้ยหยัน

เฉินเกอหัวเราะอย่างขมขื่นในใจ

ด่าเถอะ ดุด่าเท่าที่ต้องการ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีวัน ที่พวกเธอร้องไห้

“แกร์ก!”

ในขณะนี้เอง ประตูห้องอาหารก็ถูกเปิดออกอย่าง กะทันหัน

ชายหนุ่มในชุดสูท และรองเท้าหนังได้เปิดประตู และเดินเข้ามา

เขาดูอายุราวๆ 27-28 ปี แต่งตัวเรียบร้อยมาก

ทันทีที่เขาเข้ามา จ้าวกังและภรรยาก็รีบยืนขึ้น ด้วยความเคารพ

“เสี้ยวเหยียน เรื่องนี้ผู้อำนวยการจ้าวพูดยังไง บ้าง?”

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ คือเลขาของผู้อำนวยการ จ้าว ลูกชายของบ้านลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของภรรยาจ้าวกัง

ยังไงซะก็มีความสัมพันธ์กันอยู่บ้าง

ถือว่าเป็นความสัมพันธ์แบบลูกพี่ลูกน้องที่ห่าง ไกลของจ้าวอี้ ฟาน

จ้าวกังเป็นคนมอบความไว้วางใจกับเขา อยากจะ ใช้ความสัมพันธ์ของผู้อำนวยการจ้าวเพื่อสะสางสิ่งต่างๆ อย่างน้อยก็ไม่อยากปล่อยให้ บริษัท เจ๊งไปทั้งอย่างนั้น

เสี้ยวเหยียนสายหน้าแล้วยิ้มอย่างขมขื่น

“ลุงเขยครับ ต้องขอโทษจริงๆ เมื่อกี้นี้ผู้อำนวย การจ้าวก็ได้มาร้านอาหารร้านนี้แล้วเหมือนกัน เดิมที่ผม คิดว่าเขาจะลงมา แต่ว่า วันนี้ผู้อำนวยการจ้าวเองก็มา โรมแรมนี้เพื่อพบกับบุคคลสำคัญ ยุ่งมากจริงๆ ตามที่ได้ บอกกับคุณไว้ก่อนแล้ว ไม่ต้องรอเขาอยู่ที่นี่แล้ว!”

“ฉันรู้ว่าผู้อำนวยการจ้าวไม่มาแล้วแน่นอน แต่ว่า เสี้ยวเหยียน พวกเราสามารถขึ้นไปเดี๋ยวเดียวได้ไหม อย่างน้อยก็ขอได้ดื่มไวน์ด้วยกันสักแก้ว เพื่อแสดงความ รู้สึกของเรา!”

จ้าวกังใบหน้าขมขื้น

เขารู้ว่าแบบนี้มันเสียมารยาท

แต่ว่าไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ หากสานต่อความ สัมพันธ์นี้ไม่ได้

การที่ทำให้คนมีอำนาจของมหาวิทยาลัยจินหลิง ขุ่นเคือง ตัวเองก็ต้องนั่งรอความหายนะเท่านั้นแล้ว
ดังนั้น จ้าวยังกำลังต่อสู้กับความตายอยู่

“ใช่แล้วพี่เสี้ยวเหยียน ถ้าเกิดว่าคุณสามารถช่วย เหลือเราได้ จะต้องช่วยครอบครัวเราด้วยนะ!”

จ้าวยีฟานที่เย็นชามาตลอด ตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะ ขอร้องเสี้ยวเหยียนแล้ว

เสี้ยวเหยียนเพียงแค่ถอนหายใจ “คุณป้า และลุง เขย หลานชายคนนี้เข้าใจอารมณ์ของพวกคุณดี แต่ว่า ไม่ได้จริงๆ ! ถ้ายังไงหากวันหลังมีเวลา ผมจะช่วยถาม ให้อีกครั้ง**”

พูดแบบนี้ก็จริง

แต่เรื่องนี้วันนี้ยังทำให้ไม่ได้ แล้วจะไปมีวันหลัง

ได้ยังไง

จ้าวกังก็นับว่ามองออกแล้ว

ไม่ใช่เพราะผู้อำนวยการจ้าวงานยุ่ง แต่เพราะไม่ อยากช่วยเหลือต่างหาก

ยังไงซะ ปัญหาในครั้งนี้ก็ใหญ่มากจริงๆ นี่มันตระ กุลสวี่เลยนะ

เมื่อเห็นความหวังอันริบหรี่สุดท้ายสูญสลายไป

ท่าทีของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นมืดมนขึ้นมาทันที “ขอบฟ้าที่กว้างใหญ่คือความรักของฉัน ภูเขาสี

เขียวไม่มีที่สิ้นสุดมีดอกไม้กำลังเบ่งบาน จังหวะแบบ ไหน มีความพลิ้วไหวมากที่สุด เสียงร้องเพลงแบบไหน ถึงจะสนุกที่สุด!”
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของเฉินเกอก็ดังขึ้น “จัยเสียนหมิงจัฟง เสียงเรียกเข้า

แกรัก!

ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งไว้เมื่อไหร่

ทำไมถึงเป็นอันนี้ได้!

และเพลงขั้นเทพ กว่างฉางหวู่เป็นเพลงที่มัก ใช้ในเหล่าบรรดาป้าๆเต้นแอโรบิคในสวนสาธารณะ ประเทศจีน ก็ยังทำให้บรรยากาศภายในห้องอาหาร อึดอัดมากขึ้นอีกด้วย

มุมปากของจ้าวกังก็กระตุกเล็กน้อย

จ้าวยีฟาน หลินเจียวพวกเธอก็ยิ่งมองไปที่เฉินเก อด้วยความรังเกียจ

“ให้ตายเถอะ นี่มันคนยังไงกันแน่ บ้านนอกมาก!” หลินเจียวคำรามอย่างไม่สบอารมณ์ ทางนั้น เฉินเกอได้รับสายโทรศัพท์แล้ว

เป็นเลขวันเกิด

“ฮัลโหล?”

“ใช่คุณชายเฉินหรือเปล่า?”

ปลายสายมีเสียงของชายวัยกลางดังขึ้น

ทันทีที่ได้ยินเฉินเกอก็รู้ได้ทันที นี่ไม่ใช่เสียงของ หวางเหว่ยหมินหรอกหรอ
หวางเหว่ยหมินจากสำนักงานบริหารธุรกิจการ

ค้า!

“ใช่ผมเอง!”

“เกรงใจมากที่โทรมาหาคุณแบบนี้ คือว่าเรื่องเป็น อย่างนี้ครับคุณชายเฉิน วันนี้พวกเราได้รวบรวมผู้รับผิด ชอบของภูมิภาคต่างๆ เตรียมที่จะพูดคุยเกี่ยวกับคาสิโน หลายแห่งที่คุณลงทุน และปัญหาการลงพื้นที่ของ บริษัท จึงอยากจะขอถามคุณอย่างเกรงใจอีกสักประโยค คุณพอจะมีเวลาไหม หากคุณมีเวลาเหลือเฟือ พวกเรา ทุกคนต่างก็หวังว่าคุณจะมาที่นี่ด้วยตนเอง!”

หวางเหว่ยหมินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“โอโอ มี!”

เฉินเกอคิดในใจว่ากินมามากพอแล้ว ไปดูหน่อย

ก็ดี

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลยครับคุณชายเฉิน ตอนนี้ พวกเราอยู่ที่ภัตตาคารเฟิ่งหวง คุณอยู่ที่ไหนครับ ผมจะ ให้คนขับรถไปรับคุณ?”

“อา? ภัตตาคารเฟิ่งหวง? ตอนนี้ผมก็อยู่ที่ภัตตา ควรเฟิ่งหวงนะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ