ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 500 ผู้ชนะเป็นราชา



บทที่ 500 ผู้ชนะเป็นราชา

“งั้นหมายความว่า เมื่อก่อนตอนที่อาจารย์หยูเจียงกับอาจารย์ เฉินเกอเพิ่งมานั้น อาจารย์เฉินเจิ่งนั้นรู้สึกดีกับอาจารย์เฉินเกอ สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น และหลังจากที่ได้รู้ที่มาของหนูเจียง แล้ว อาจารย์เฉินเมิงก็เลยตัดสินใจคบกับอาจารย์หนูเจียงจนถึง ตอนนี้ ก็ได้ห่างเหินกับอาจารย์เฉินแล้วเรียบร้อย

หลี่หนิงหนิงพูด

“อืม นางปีศาจ มีอะไรดี”

ยูจินเซียงพูดขึ้น ด้วยอาการที่รู้สึกไม่ชอบ

เฉินเมิ่งกับหยูเจียงนั้น ได้ควงแขนกันเดินมา

แน่นอนว่า หยูเจียงนั้นไม่ได้ทักทายกับยูจินเซียง เพราะวันนี้ เขามาในสถานะของแขกผู้มีเกียรติ

แต่เฉินเมิ่งเมื่อเห็นเฉินเกอที่ยังอยู่มุมไกล ๆ

เมื่อก่อน เรื่องที่เฉินเกอจะแต่งงานกับลูกสาวคนใหญ่ของ ตระกูลยู่นั้น

ทำเอาเฉินเพิ่งเป็นกังวลอยู่เหมือนกัน

แต่หลังจากที่ได้ยินมาว่า สถานะของเฉินเกอในบ้านนั้น ก็ไม่ ค่อยดีสักเท่าไร เฉินเพิ่งก็ได้แค่ยิ้ม ๆ แล้วก็ส่ายหัว

เมื่อหันไปมองเฉินเกอที่นั่งอยู่ตรงมุมนั้นแล้ว เฉินเพิ่งก็ได้หันกลับคืนมายังเติม

วันนี้ ในงานแบบนี้ เธอเองก็ไม่อยากจะเข้าไปทักทายคน ตระกูลยู่คนเดียวเหมือนกัน

หลังจากที่ทุกคน ได้นั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว

งานประมูลก็ได้ดำเนินไปเรื่อย ๆ

เมื่อได้นำโสมพันปีออกมาแสดง บรรยากาศในงาน ก็เริ่ม อึกทึกคึกคักขึ้นมา

ทุกสายตา ต่างจ้องมองไปที่โสมพันปีที่อยู่ในตู้กระจกใส แววตาแต่ละคนดูลุกวาว

หรือแม้แต่ เฉินเกอเองก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังโสมพันปี เหมือนกัน

“สมกับที่มีผลการชำระล้างร่างกายและจิตใจที่น่ามหัศจรรย์นี้ โสมพันปีช่างวิเศษจริงๆ! ”

เฉินเกอคิดอยู่ในใจ

ในขณะเดียวกันนั้น ในใจก็ร้อนรนทนไม่ได้

มีอาการคล้าย ๆ กับคนอื่น ๆ ที่มาร่วมงาน ที่แทบอยากจะ แย่งมันไปในตอนนี้เลย

“โสมพันปีเนี่ย ราคามหาศาล ต่อให้มหาศาลเท่าไร วันนี้ ฉัน หม่าหงแห่งไม่ดูก็จะเอามันมาครอบครองให้ได้
ชายหน้า วัยกลางคน ในเวลานั้น ก็ได้ยืนขึ้นพร้อมกับพูด “บังเอิญจริง โสมพันปีสิ่งนี้ วันนี้ ฉันเอง ก็ต้องได้เหมือนกัน”

อีกฝ่ายได้พูดขึ้น

“นายกล้าแข่งฉันหรอ เชื่อไหมว่าฉันสามารถทำให้นายออก จากเทียนเฉิงอย่างไม่มีชีวิตได้

“ฉันไม่เชื่อหรอก”

ทั้งสองฝ่าย เตรียมกำลังสู้กันขึ้น ในทันที

ในเวลานี้ ก็ได้มีหนุ่มวัยรุ่นชาวอเมริกาคนหนึ่ง เดินขึ้นไปบน เวทีอย่างเบา ๆ จากนั้นก็ได้พูดขึ้นว่า “ท่านทั้งสอง จะรีบไปทำไม กัน ในเมื่อ ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ขาดเงินทอง แล้วพวกเราที่ได้เสนอ ราคาไปนั้น จะทําอย่างไร หากพวกท่านจะวิวาทกัน มันก็ไม่มี ประโยชน์อะไรหรอก

เขาใช้ภาษาอังกฤษพูด

และข้าง ๆ ก็มีล่ามอยู่คนหนึ่ง “อืม พ่อหนุ่มตาน้ำข้าว แล้วจะเอายังไง นายว่ามา นายใหญ่หม่าหงแห่งไม่ได้พูดขึ้น

“ผมว่านะ งั้นทุก ๆ ท่าน ในที่นี่ ลองออกมาประลองกันซึ่ง ๆ หน้าดีกว่า เพราะเงินมันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น ประลองฝีมือ ดีกว่า ผู้ชนะคือราชา”

หนุ่มวัยรุ่นได้พูดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้ม
“ประลองฝีมือหรอ นายช่างกล้าพูดเนอะ หากประลองฝีมือละ ก็ ใครล่ะจะกล้าสู้กับหมาหงอย่างฉัน อเมริการหรอ ไสหัวไป เถอะ”

หม่าหงพูดด้วยความยโส

“คุณพูดว่าอะไรนะ”

และหนุ่มวัยรุ่นนั้น ก็ได้มองจ้องไปที่หมาหงด้วยสายตาที่ เคร่งขรึมและดุดัน

ตาสีฟ้า ๆ สองดวงนั้น ใสราวกับพระจันทร์

ทันใดนั้น หมาหงก็มีสีหน้าซีดขาว หน้าผากมีเหงื่อไหลออกมา เต็มไปหมด

ยิ่งไปกว่านั้น สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกับคนไร้วิญญาณ

เสียงดัง นิ้ว ขึ้นหนึ่งครั้ง

ก็ถึงกลับต้องนั่งคุกเข่าลงทันใด

“พี่ใหญ่”

ลูกน้องที่อยู่ข้างหลัง ต่างก็ตะลึงไปตาม ๆ กัน

และหม่าหง กลับมีสีหน้าและอาการค้างอยู่อย่างนั้น ราวกับว่า

โดนปีศาจร้ายเข้าสิง

“เวิง! ”

และในขณะนั้น ภายในงานก็ได้มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น
“อะไรกันนี้ ฝีมือร้าย ๆ อย่างหม่าหงแห่งไม่ดู แค่โดนหนุ่มคน นี่จ้องเท่านั้น ถึงต้องมีสภาพลงไปคุกเข้าเลยเหรอ

“ไม่ใช่ ๆ พวกนายมองไม่ออกหรอว่า หนุ่มอเมริกาคนนี้ดูไม่ ปกติ พวกนายดูสิ สายตาของเขาเมื่อสักครู่นี้ เหมือนกับสามารถ แทงทะลุหัวใจคนได้

“หรือว่า หนุ่มคนนี้มีเวทมนตร์ นี่มันจะทุจริตเกินไปแล้วมั้ง ผู้คนในงาน ต่างถกเถียงกันต่าง ๆ นา ๆ

“ทุกท่าน ความคิดของฉันเป็นไงบ้าง ของสวยงามในโลกนี้ จะ เป็นของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า ใช่ไหม”

หนุ่มวัยรุ่นนั้น ได้มองลงมาด้านล่างของเวที

ทำเอาหัวหน้าของหลาย ๆ ฝ่าย รู้สึกกลัว จนแทบไม่กล้าที่จะ

พูดอะไร

“คุณชายเหลยแห่งบริษัทเหลยหลงไม่ธรรมดาจริง ๆ ถึงว่าสิ ทําไมบริษัทเหลยหลงนั้น ถึงได้มีอิทธิพลในด้านมืดในหลาย ๆ พื้นที่ ”

และมีคนหนึ่งได้พูดขึ้นมา

“โอเค ฉันเห็นด้วย ชัยชนะ คือผู้ที่มีความแข็งแกร่ง”

สุดท้าย ทุกคนต่างก็เห็นด้วย

เมื่อได้มติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายไหนอยากจะได้โสมพันปี ก็ ต้องส่งคนออกมาประลองกันก่อน เมื่อพ่ายแพ้แล้ว ต้องถอดตัวออกไปทันที

“แบบนี้ ได้ที่ไหนกัน

ฉินหลานนั่งอยู่ข้างหน้า แล้วพูดขึ้นด้วยอาการตื่นเต้น

เพราะการออกมาในครั้งนี้นั้น ฉินหลานเองก็ไม่ได้นำยอดฝีมือ ของตระกูลออกมาด้วย

พอได้ยินว่าประลองกัน แล้วเธอจะเอาอะไรไปรู้ล่ะ

เพราะคนที่ติดตามมานั้น ต่างก็เป็นแค่ลูกสมุน

“พี่สะใภ้คะ พี่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พวกเราแค่เสนอราคาก็พอ รออีกสักหน่อย เดี๋ยวก็มีคนเริ่ม พวกเราคอยช่วยให้บริษัทเทียน หลงกรุ๊ปเอาโสมพันปีมาให้ได้ก็พอแล้ว”

เสี่ยวเป้ยพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

“บริษัทเทียนหลงกรุ๊ปหรือเสี่ยวเปีย งั้นเธอบอกฉันมาหน่อย ว่าบริษัทเทียนหลงกรุ๊ปเป็นอย่างไร เธอรู้จักกับคนของพวกเขา หรอ เธอทําไมถึงได้คิดที่จะช่วยพวกเขาล่ะ

ฉินหลานถามขึ้นด้วยควาสงสัย

“ไอหย่า พี่ไม่ต้องถามเยอะขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ไม่ว่าอย่างไร พี่ สะใภ้คะ พี่ยังไงก็ต้องช่วย และไม่ได้เป็นการช่วยเปล่า ๆ นะคะ เชื่อฉัน จริง ๆ นะ”

เสี่ยวเป้ยกมือของฉินหลานไว้แน่น

“เธอนี่ก็เนอะ มีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า”
ฉินหลานรู้สึกว่าเสียวเปียนั้นมีอาการแปลก ๆ

“เฮอะ ๆ ตอนนี้ฉันยังบอกพี่ไม่ได้ค่ะ เพราะว่า มันเป็นเรื่องที่ ใหญ่และสำคัญมาก

เสี่ยวเป้ยพูด

ฉินหลานเอง ก็ได้แต่ส่ายหน้า และก็ไม่รู้ว่าที่เกี่ยวเบี้ยพูดนั้น มันคืออะไร

และในขณะที่พูดนั้น บนเวที การประลองก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว

คุณชายเหลยแห่งบริษัทเหลยหลง ก็ได้เริ่มร่ายท่าบนเวที

ก่อน

แค่การเคลื่อนไหวแบบนี้ ทำเอาคนที่จะขึ้นเวทีไปประลอง ทันใด ก็มีอาการไม่กล้าจนขาสั่น

และคุณชายเหลยคนนี้ ก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเหมือนกัน ไม่มี ใครที่จะสามารถสู้กับเขาได้ถึงสามกระบวนท่า

ทำเอาผู้เข้าร่วมประมูลจำนวนมาก ต่างต้องถอนตัวออกไป จากการประมูลโสมพันปี ในครั้งนี้

“โสมพันปี คงต้องเป็นของบริษัทเหลยหลงแล้วแน่ ๆ ” ยูจินเซียงและเพื่อน ๆ ได้พูดคุยกัน

เพราะว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมประมูลนั้น ได้พ่ายแพ้ไป แล้ว และอีกส่วนหนึ่ง ก็ยอมที่จะถอนตัวออกไปเอง

“อะไรกัน”
ในเวลานี้ ข้างบนของเวที เมื่อคุณชายเหลยได้สะบัดแสออก ไปหนึ่งครั้ง ทันใด ก็ทำให้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ย่า ลอยออก จากเวที ตกกระทบยังพื้น และมีอาการน้ำลายฟูมปาก และก็ได้ หมดสติไปแล้ว

“โอ้ว อีกคนแล้วหรอ หลังจากที่บริษัทเหวินเซนกรุ๊ปไม่มีเหวิน เซ็นแล้วนั้น ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลยนะ นี่คงน่าจะเป็นเจ้า สุดท้ายแล้วล่ะมั้ง”

เสียงคนพูดขึ้น

“พูดจาไร้สาระ บริษัทเทียนหลงกรุ๊ปและวงศ์ตระกูลผู้ดีหน่าย ยังไม่ได้ส่งคนออกมาเลย

“พี่เหมยจื่อ แล้วพวกเรา……….

เวลานี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ กับหนูน่ายเหมยจื่อนั้น ได้ ถามด้วยใจอาสา

ส่วนหนูน่ายเหมยจื่อ นั้น มีสีหน้าอาการที่ยังดูสงบและนิ่งอยู่ แล้วมองไปยังฝั่งของบริษัทเทียนหลงกรุ๊ป

เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่มีทีท่าว่าจะลงมือ

เธอจึงได้พยักหน้า

“ยีเตา หลังจากขึ้นไปบนเวทีแล้ว พยายามยั้งมือไว้ก่อน พวก เราไม่จําเป็นต้องสู้ขนาดนั้น แค่ทำให้บริษัทเหลยหลงถอนตัว ออกไปก็พอแล้ว”
หน่ายเหมย อาซับลูกน้อง

และก็ได้มองไปยังบริษัทเทียนหลงกรุ๊ปอีกครั้งหนึ่ง

หวูน่ายเหมยจื่อเอง ก็รอที่จะให้บริษัทเทียนหลงกรุ๊ปนั้น แสดง ฝีมืออกมา เพราะอยากจะรู้ถึงอิทธิพลของพวกเขาที่อยู่ในพื้นที่นี้ ในระยะเวลาอันสั้น ทำไมถึงได้มีอิทธิพลเหนือกว่าใครได้ขนาดนี้ เป็นเพราะอะไรกันแน่ แต่ว่าพวกเขา ยอมแล้วเหรอ จึงทำให้หนู น่ายเหมยจื่ออดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้

“ครับ! ”

หน่ายเตาพยักหน้ารับคำ จากนั้น ก็ได้ลุกขึ้นยืน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ