ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 767 หาเรื่อง



บทที่ 767 หาเรื่อง

ทุกคนในที่เกิดเหตุ ตกใจกับฉากนองเลือด

“ท่านอาจารย์เฉิน!!!”

มีผู้นำบางตระกูล ถึงขั้นโค้งคำนับ แสดงถึงความประหลาด

ใจของตนเอง

เมื่อมีคนเริ่มนำ ผู้นำตระกูลอื่นๆ โค้งคำนับตามพร้อมเพรียง

ทันใดนั้น นามของท่านอาจารย์เฉินดังก้องไปทั่วสนามใต้ดิน ขณะนี้หลี่เฟยหลงขยิบตาให้หลี่เส้าจงยืนอยู่บนเวที ส่งสัญญาณให้ทั้งสองรีบวิ่งไป

หลี่เส้าจงรู้ตัวเช่นกันและเริ่มก้าวอย่างช้าๆ

“เสี้ยวชางเชิง ตอนแรกฉันถามแก ตอนนี้ก็ยังเป็นคำถามนั้น เหมือนเดิม แกไม่ต้องการให้ฉันฆ่าแก ก็ได้ ให้มาสักเหตุผลว่า ทำไมฉันต้องไว้ชีวิตแก~!”

เฉินเกอกล่าวเสียงเบา

“ผม……ผมยอมที่จะเป็นสุนัขข้างกายท่านอาจารย์เฉิน รับใช้ ท่านอาจารย์ทุกด้าน!!”

เสี้ยวชางเชิงกลืนน้ำลาย รีบกล่าว กุ้ยสือเล่าน ช่างรันทดจริงๆต่อให้ตัวเองต้องกลายเป็นสุนัขตัวหนึ่ง ก็ไม่อยากมีชะตากรรม เหมือนกับกุ้ยสือเลว!

“ดีมาก ฉันคิดว่าต่อจากนี้ แกน่าจะรู้แล้วว่าควรทำอย่างไรต่อ ไป!”

เงินเกือกล่าวเบาๆ ชำเลืองมองไปที่สองพ่อลูกตระกูลหล

เงินเกอไขว้มือไปด้านหลัง

“การทำให้ท่านอาจารย์เฉินขุ่นเคือง ก็เท่ากับรนหาที่ตาย! เสี้ยวซางเชิงคราม พุ่งตรงไปที่ทั้งสอง

หลี่เฟยหลงเพิ่งส่งสัญญาณให้ชุ่ยสือเล่าฆ่าเฉินเกอ อย่างที่ทุก คนรู้ เขาปูทางไปสู่การตายของตัวเอง

ทั้งสองถูกเสี้ยวชางเชิงฆ่าตายในที่เกิดเหตุอย่างง่ายดาย

“หากไม่มีใครคัดค้าน ก็หมายความว่าผมได้อำนาจควบคุม

ของเทศกาลใต้ดินนี้แล้วใช่ไหม?”

เฉินเกอถาม

“สิ่งนี้ต้องเป็นของท่านอาจารย์เฉินอยู่แล้ว ท่านคือผู้ควบคุม ของพวกเรา มันดีกว่าตระกูลว่านมากเลยทีเดียว!

“ใช่แล้วท่านอาจารย์เฉิน ท่านอาจารย์เฉินมีความแข็งแกร่งที่ โดดเด่น พวกเราตระกูลหยาง ยินดีให้ท่านอาจารย์เฉินเป็นผู้นำ ไปหลายชั่วอายุคน ท่านอาจารย์เฉิน ท่านอย่าได้ดูถูกตระกูล หยางของเรา ตระกูลหยางของเราอยู่ในโจว เป็นถึงเจ้าของทรัพย์สินถึงหนึ่งในสามเชียวล่ะ!

ผู้นำของตระกูลหยางโน้มตัวไปข้างหน้าในขณะนี้ประจบ

สอพลอ

ผู้นำที่เหลือ ทุกคนก็ทยอยประจบประแจงเฉินเกอทีละคน

มีเพียงตระกูลว่านเท่านั้นที่มีความรู้สึกสับสนในใจ

เยสเข้ ทำไมตัวเองตาบอดขนาดนี้

ชายที่แข็งแกร่งและทรงพลังขนาดนี้ ตัวเองไม่ได้ใส่ใจเลย

เขา ในขณะนี้ ไม่กล้าพูดอะไรเลย เพราะยังเป็นกังวล ตัวเองจะ มีจุดจบเหมือนกับตระกูลหลี่หรือไม่ เพราะตัวเองก็เคยทำให้เขา ขุ่นเคืองมาก่อน

แต่ เฉินเกอตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ

แต่เขาพูดอย่างสงบ: “ซากเทพภูเขาไก่อู ผมจะรับเพียงแค่ หนึ่งในนั้น ส่วนที่เหลือ จะแบ่งให้พวกคุณเท่าๆ กัน!”

เงินเกอกล่าว

“อะไรนะ? ขอบคุณท่านอาจารย์เฉินเกอ!”

ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น

ว่านเสวมองไปที่เฉินเกอด้วยความคาดหวังไว้สูงในขณะนี้ และหัวใจของตัวเองก็รู้สึกหวั่นไหว

คือเขา!
กระทั่งตอนนี้เธอถึงรู้ ความจริงแล้วคนที่ตัวเองรอคอย ไม่ใช่ หลี่เส้าจง แต่เป็นเงินเกอ

ในใจของว่านเสวก็รู้สึกดีใจแทนเฉินด้วยความจริงใจ

นอกจากนี้ ยังหวังว่าเฉินเกอจะมองตัวเองสักนิด น่าเสียดาย หลังจากที่เฉินเกอพูดอธิบายกับเฉินเปียวเปียวไม่ ค่า ร่างก็หายไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนการกระจายผลประโยชน์ส่วนที่เหลือ มีเฉินเปียวเปียวซึ่ง เป็นศิษย์ของเฉินเกอรับผิดชอบทั้งหมด

สิ่งนี้ทำให้ว่านเสวรู้สึกเสียอาการและน่าสังเวช

หลังจากเทศกาล ใต้ดิน ทั้งโจวได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

รวมถึงเหล่าวงศ์ตระกูลที่สืบทอดวิทยายุทธแต่โบราณ ตระกูล ลึกลับ และคนที่มีอำนาจบางส่วนที่มีอิทธิพลพิเศษ จนถึงตอนนี้ ทุกคนได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของอาจารย์เฉินเฉินเกอ

นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกตนที่ไม่มีเจ้านายจำนวนไม่น้อยซึ่งเดิมได้ รับความไว้วางใจให้กับตระกูลที่มีอำนาจบางตระกูล ก็มีส่วน ร่วมด้วย

ผู้ฝึกตนที่ไม่มีเจ้านายเหล่านั้น ส่วนมากก็อยู่ระดับเดียวกันกับ หลินจิ๋ว ฝึกฝนจนเก่งด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาองค์กร ตอนนี้ มีที่พึ่งพิงที่มีอำนาจ คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าไชโยดังกึกก้องแค่ไหน
ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนที่ไม่มีเจ้านายมากกว่ายี่สิบเจ็ดคน ที่ยอม อยู่ใต้อำนาจมาทางฝั่งเฉินเกอ

ในนั้น ส่วนใหญ่เป็นนักพรตชั้นหนึ่ง มีส่วนน้อยที่เป็นนักพรต

ชั้นสอง ในหมู่คนเหล่านี้ พลังของเสี้ยวชางเชิงแข็งแกร่งที่สุดอย่าง

แน่นอน

เผชิญหน้ากับผู้ที่ยอมอยู่ใต้อำนาจเหล่านี้ เฉินเกอไม่ได้ ปฏิเสธ

เพราะตอนนี้ เฉินเกอกำลังได้โอกาสใช้คนอยู่

และแน่นอน ในฐานะศิษย์คนแรกของเฉินเกอ เฉินเปียวเปียว พลังอ่อนแอที่สุด แต่มีสิทธิ์ที่จะพูดอย่างแน่นอน

อิทธิพลของเฉินเกอค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละเล็กน้อย

เพื่อตอบสนองต่อสิ่งนี้ บางคนจึงเริ่มพูดคุยปรึกษาหารือกัน

จะต้องก่อตั้งสำนักหนึ่งขึ้นหรือเปล่า หากเป็นแบบนี้ เพื่อสร้าง ความเคารพของทุกคน เมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะมีเชื่อเสียงมีตัวตน

คนเหล่านี้ขอร้องเรื่องนี้กับเฉินเกอ

น่าเสียดายที่เฉินเกอปฏิเสธเพราะเวลายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะ

ในทางกลับกันหลายวันนี้ อาจารย์เฉินพักอยู่ภายในภูเขาไก่อูตลอด
ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ ฉะนั้นเรื่องนี้จึงต้องปล่อยไปก่อน วันนี้

เฉินเปียวเปียวออกไปข้างนอก

ข้างกายมีน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องตระกูลเดียวกันของตัว เองคนหนึ่ง

“พี่ พี่ไปจะไปทำอะไร? คุณปู่บอกแล้วว่า ช่วงนี้ให้พวกเราออก ไปข้างนอกน้อยหน่อยไม่ใช่เหรอ ในเมือง โจวช่วงนี้มีผู้หญิง หายไปทีละคนอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นโรคจิตที่บังคับข่มขืนผู้ หญิง ฉะนั้นพวกเราต้องระวังหน่อย!!

น้องสาวกล่าว

“ฉันรู้อยู่แล้ว แต่เธอคิดว่าอยู่ที่เมืองโจวตอนนี้ยังมีใครกล้า แตะต้องพวกเราอีกเหรอ?”

เฉินเปียวเปียวกล่าวอย่างเบื่อหน่าย

น้องสาวก็คิดว่าก็จริงอย่างว่า

ตอนนี้เป็นถึงศิษย์เพียงคนเดียวของท่านอาจารย์เฉิน แน่นอน แม้ว่าจะเป็นแค่ในนาม แต่สิ่งสำคัญคือคำว่าเพียงคนเดียว

และตัวตนของตระกูลเฉินของเขา ก็อาศัยสิ่งนี้เช่นกัน ในเมือง โจวเมื่อฐานที่อิงนั้นดีขึ้นสถานการณ์หรือเหตุการณ์ของตนย่อม พลอยดีตาม กลายเป็นการดำรงอยู่ที่ดีอันดับที่สองรองจาก ตระกูลฉิน
โดยเฉพาะภายในเมืองจี้โจว มังกรซ่อนเสือหมอบ ตอนนี้ มังกรเหล่านี้ยังต้องขดตัวอยู่ตรงหน้าพี่สาว เสือต้องยังนอนคว่ำ ตรงหน้าพี่สาว

ใครยังกล้าหาเรื่องตระกูลเฉินล่ะ?

“วันนี้ฉันน่ะ อยากเตรียมเสื้อผ้าที่ดูดีเหมาะสมไม่กี่ชุดให้กับ ท่านอาจารย์เขา ในอนาคตอีกไม่นาน ท่านอาจารย์จะก่อตั้ง อิทธิพลของเขาเองขึ้น ในฐานะที่เป็นคนคุมหางเสือ จะไม่มีชุดที่ เหมาะสมได้ยังไง? ใช่แล้ว เขียนเซียน เธอช่วยฉันคิดหน่อย อาจารย์สง่างามแต่กำเนิด เขาใส่เสื้อผ้าแบบไหนเหมาะสม ที่สุด?”

สองพี่น้องพูดคุยหัวเราะตลอดทาง

ไม่นานก็มาถึงห้างสรรพสินค้าเครื่องแต่งกายที่หรูหราที่สุดใน เมืองจี้โจว

น่าเสียดายเรื่องที่บังเอิญคือ ทันทีที่เข้าไป ก็เจอใครบางคน ที่มาไม่ถูกที่ถูกเวลา

“หึ ฉันนึกว่าใคร โชคร้ายจริงๆ เป็นเธออีกแล้ว!”

หญิงคนหนึ่งขวางทางเฉินเปียวเปียวและเจิ้งเซียนเซียน และมองทั้งสองอย่างมุ่งร้าย

“หลี่เจียวเจียว?”

แล้วคนนี้ ถ้าไม่ใช่พี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องคนนั้นของตัวเองจะเป็นใครได้อีก

ครั้งที่แล้วที่โรงจอดรถของหมู่ตึกหูหลงเธอถูกอาจารย์ลงโทษ อย่างหนัก

นึกไม่ถึงหลายวันที่ผ่านไป เธอก็ยังความจำสั้นอยู่ และเมื่อเฉินเปียวเปียวมอง ข้างกายหลี่เจียวเจียวยังมีเพื่อน

ของเธอหลายคน”

“หึ เธอนี่มันเก่งจริงๆ หลายวันก่อนหน้าไปเที่ยวเล่นที่หมู่ตึก หลง ตอนนี้ไม่เลวเลย แม้แต่ห้างหรูระดับนี้ก็เข้าและออกได้แล้ว ทำไม ตระกูลเฉินของพวกเธอไม่ได้เตรียมตัวอยู่ต่อแล้วเหรอ?

หลี่เจียวเจียวพูดจาเหน็บแนมเช่นเคย

“หลี่เจียวเจียวเธออยากพูดยังไงก็แล้วแต่! เธอมีความสุขก็ พอแล้ว!”

เฉินเปียวเปียวหัวเราะขมขึ้นอย่างช่วยอะไรไม่ได้

จากนั้นดึงมือเชียนเขียนกำลังจะจากไป

“เธอหยุดเดี๋ยวนี้นะ ใครให้เธอไป บัญชีระหว่างเรามันยังคิด ไม่ชัดเจนเลย!”

และเมื่อเห็นเฉินเปียวเปียวจะจากไป หลี่เจียวเจียวกระชาก ไหล่ของเฉินเปียวเปียวทันที

ผู้หญิงหลายคนข้างกายเธอ ก็ล้อมรอบเงินเปียวเปียวเอาไว้

“พวกเพื่อนๆ อย่าให้เธอไป
ผู้หญิงคนหนึ่งกอดอกตะโกน

“หลี่เจียวเจียวเธอหมายความว่าไง?”

เฉินเปียวเปียวถามด้วยสีหน้าเย็นชา

“อ่านะ? หมายความว่าไง? ตอนนี้เธอถามฉันหมายความว่า ไง? เรื่องคราวที่แล้ว เธอคิดว่าจะปล่อยให้มันผ่านไปแบบนี้เหรอ ฉันถามเธอนะ คราวที่แล้วเธอซ่อนไอ้กระเจี๊ยวนั่นไว้ที่ไหน? ฉัน จะบอกเธอให้ ช่วงนี้พวกเปียวจื่อหาหมอนั่นอยู่ตลอด เมื่อหาเจอ จะต้องแยกเขาออกเป็นชิ้นๆ แน่ เขาจบเห่แล้ว สมรู้ร่วมคิดและ ใช่เล่ห์เหลี่ยมเพื่อหลอกพวกเรา

หลี่เจียวเจียวนึกถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมา ก็โกรธมาก

ในขณะที่พูด ก็ดึงกระชากผมของเฉินเปียวเปียวในที่

สาธารณะ

เพียะ!

เฉินเปียวเปียวยกมือขึ้นแล้วตบเข้าที่หน้าของหลี่เจียวเจียว

“เธอเป็นบ้ารึไง!”

“แม่งเอ๊ย เฉินเปียวเปียวเธอกล้ามาก เธอกล้าตบฉันงั้นเหรอ? เธออยากตายใช่ไหม? ก็ได้ ฉันแม่งจะสงเคราะห์เธอเอง!! อดไม่ได้ที่จะพูด เธอเหมือนเจ๊ใหญ่ในสังคมมืด เริ่มโทรออก ในไม่ช้า รถบิวอิคก์เจ็ดแปดค้นมาหยุดที่หน้าห้างสรรพสินค้า ชายร่างใหญ่กลุ่มหนึ่งลงมาจากรถ…….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ