ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่914 จากไป



บทที่914 จากไป

หลังจากที่ลงมาข้างล่างแล้ว ทั้งสามคนเห็นเพียงแค่เถ้าแก่ของ โรงแรมที่ถูกมัดอยู่กับเก้าอี้ อีกทั้งยังอยู่ในสภาพที่ก้มหน้าลง โดยไร้ปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่นิดเดียว

“พี่เฉิน….เขา…เขาเป็นอะไร? ”

เลยเล่เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“เหอๆ เขาเพียงตกใจก็เลยสลบไปน่ะ!”

เฉินเกอยิ้มพลางอธิบาย

หลังจากนั้นเฉินเกอก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาหนึ่งใบ แล้วสาดไปที่ ใบหน้าของเถ้าแก่คนนั้น

“อา ผี…ผี!”

หลังจากที่ถูกสาดน้ำให้ตื่นขึ้นมาแล้วนั้น เถ้าแก่โรงแรมก็ ตะโกนร้องเสียงดังขึ้นมาในทันที ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความ หวาดกลัว

“เพียะ!

เพื่อทำให้เถ้าแก่สงบลงนั้น เฉินเกอจึงตบหน้าเถ้าแก่ไปหนึ่งที ถูกเฉินเกอตีไปแบบนี้แล้ว เถ้าแก่โรงแรมก็สงบลงในทันใด ท่าทางที่ดูเฉื่อยชามองพวกเฉินเกอทั้งสี่คน
“พวกเธอ….พวกเธอเป็นใครกันแน่?”

เถ้าแก่ของโรงแรมจ้องมองพวกเฉินเกอพลางเอ่ยถาม

ทันใดนั้นเอง เขาก็นึกถึงสถานการณ์ที่เขาเจอเห็นก่อนหน้านี้ และยังมีเงินเกอที่กลายเป็นวิญญาณนั่นอีก

เนื่องจากตอนที่เฉินเกอเป็นวิญญาณนั้นรูปลักษณ์แตกต่างไป จากเดิม ดังนั้นเถ้าแก่จึงไม่สามารถมองออกได้เลยว่าเฉินเกอ เป็นวิญญาณที่ตัวเองเห็น

แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ถูกเถ้าแก่นี่พบเห็น

เข้า

“เถ้าแก่ ว่ามาสิ นายกับคนที่ชื่อว่าท่านเป้านั่นมีความสัมพันธ์ อะไรกันแน่?”

เฉินเกอไม่อยากจะพูดไร้สาระกับเถ้าแก่ จึงจ้องมองเขาแล้ว

เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

ได้ยินเฉินเกอถามเช่นนี้แล้ว เถ้าแก่ของโรงแรมนั้นจึงก้มหน้า ลงไม่กล้าพูดออกมา

“ทำไม? ไม่ยอมพูดอย่างนั้นหรือ? ได้ ไม่เป็นไร ฉันมีอีกเป็น ร้อยวิธีที่จะทำให้นายพูดออกมาได้ ให้นายได้รับรู้ถึงรสชาติของ ความเจ็บปวดทรมาน!”

เห็นท่าทางเช่นนี้ของเถ้าแก่แล้ว เฉินเกอจึงรีบเอ่ยพูดเยาะเย้ย ขึ้นมา
เขาไม่ได้กลัวเลยว่าเถ้าแก่นี่จะไม่เปิดปากพูดออกมา เช่นนี้ กลับยิ่งทำให้เงินเกอรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้นกว่าเดิม พอดีที่เฉินเกอ จะสามารถลองใช้วิธีการบังคับให้รับสารภาพออกมาได้ด้วย

หลังจากที่พูดจบแล้วนั้น เฉินเกอก็ชักเอากระบี่ชิงหยวนของ ตัวเองออกมาในทันที

เห็นเงินเกอหยิบกระซิงหยวนออกมาแล้ว เถ้าแก่ก็รู้สึกกลัว แล้ว อดที่จะกลืนน้ำลายลงคอไปไม่ได้

“ฉันบอก…..ฉันบอกแล้ว”

เถ้าแก่ของ โรงแรมเลือกที่จะยอม ในทันที

“ฉันกับท่านเป้า…มีความสัมพันธ์ร่วมมือกัน โรงแรมนี้เขาเป็น

คนเปิด ฉันเป็นเพียงแค่คนที่รับผิดชอบบริหารดูแลเท่านั้น เพียง

แค่มีคนจากข้างนอกเข้ามาพักที่โรงแรมนี้ เขาก็ให้ฉันบอกเขา

หลังจากนั้นตอนกลางคืนก็จะอาศัยช่วงที่พวกเธอหลับ ใช้ธูปที่

ทำให้คนงุนงงทำให้พวกเธอหลับได้สบายขึ้น แบบนี้แล้ว รอหลัง

จากที่พวกเธอตื่นขึ้นมาก็จะถูกท่านเป้าควบคุมเอาไว้ได้ แล้วถึง

ตอนนั้นท่านเป้าก็จะสามารถรีดไถพวกเธอได้!”

ได้ยินที่เถ้าแก่ของโรงแรมเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบออกมา ให้ฟังทั้งหมด

หลังจากที่พวกเฉินเกอฟังจบแล้วนั้น ก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว แท้ที่ จริงแล้วที่นี่ก็คือโรงแรมเถื่อนนั่นเอง เปิดขึ้นเพื่อใช้วิธีพวกนี้ใน การขูดรีดทรัพย์สิน โดยเฉพาะ
เพียงแต่ที่ทำให้ท่านเข้ากับเถ้าแก่ของโรงแรมคิดไม่ถึงก็คือ ครั้งนี้พวกเขาพบกับพวกเฉินเกอทั้งสี่คนนี้ นั่นเป็นการเตะโดน แผ่นเหล็กเข้าจริงๆ เสียอย่างนั้น ท่านเป้าจึงมีจุดจบที่น่าเวทนา มากเช่นนี้

“บอกมาว่าก่อนหน้านี้พวกนายทำมากี่ครั้งแล้ว?

เวลานี้เลยเล่ก็เดินเข้ามาแล้วจ้องมองเถ้าแก่ของโรงแรมด้วย ความโมโหพลางย้อนถาม

“นี่….ทั้งหมดสามครั้ง คนที่มาพักโรงแรมเราก็ไม่เยอะเท่าไรนัก”

เถ้าแก่ของโรงแรมก็ตอบออกมาในทันทีเช่นกัน

“พวกเราเป็นครั้งที่สามอย่างนั้นหรือ?”

เลยเล่เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“เอ่อ….ไม่….พวกนายเป็น…..ครั้งที่สี่

เถ้าแก่ของโรงแรมยื่นนิ้วตัวเองออกมาทำเป็นท่าทางแล้วเอ่ยขึ้น

“เพียะ!”

เพิ่งจะเอ่ยพูดจบนั้น เลยเล่ฟาดฝ่ามือลงบนศีรษะของเถ้าแก่โรงแรมเถ้าแก่ถูกตีจนไม่กล้าส่งเสียงออกมา

“ว้าว!”
หลังจากที่เลยเล่ตีแล้วนั้น ก็มีเสียงร้องด้วยความประหลาดใจ ดังขึ้นมาในทันที

“ทำไมหรือ?”

เฉินเกอมองเลยเล่พลางเอ่ยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ

“พี่เฉิน พี่อย่าบอกนะว่าได้โบกศีรษะของเขาไปที่หนึ่งแล้วสะใจจริงๆ!”

เลยเล่มองเฉินเกอด้วยความตื่นเต้นแล้วอุทานออกมา หลังจากได้ยินแล้วนั้นพวกเฉินเกอก็พากันกลอกตาไปตามๆ

คิดแล้วนั้นเด็กอย่างเลยเล่นช่างทำให้ทั้งรู้สึกโมโห ทั้งตลกได้เสียจริงๆ

“นายที่จะทำให้ตัวเองดูมีอนาคตหน่อยไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ!”

เฉินเกอเหลือบมองไปยังเลยเล่พลางเอ่ยขึ้น

“แหะๆ!”

เลยเล่เองก็ลูบท้ายทอยตัวเองแล้วหัวเราะออกมา

“พี่เฉิน เราควรจะทำอย่างไรกับคนนั้นดี? จัดการเขาไปเลยดีไหม?”

แล้วเลยเล่ก็เอ่ยถามเฉินเกอขึ้นมาอีกครั้ง พูดไปพลาง เคลื่อนไหวตรงคอของตัวเองไปด้วย
การกระทำนี้ทำให้ทุกคนเข้าใจความหมายขึ้นมาในทันที ความหมายก็คือใช้มืดเชือดคอไปเลยนั่นเอง

“อย่าๆๆ ลูกพี่ทั้งสองคน ฉันรู้ว่าฉันผิดแล้ว ขอร้องล่ะ อย่าฆ่า

ฉันเลย!”

เห็นภาพนี้แล้ว เถ้าแก่โรงแรมก็รู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาในทันที แล้วรีบขอให้เฉินเกอกับเลยเล่ยกโทษให้

ล้อเล่นรึเปล่า เขาเพียงแค่คิดอยากต้องการทรัพย์สินเงินทอง เท่านั้น ใครจะไปคิดว่าจะเป็นการเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งแบบนี้กัน

ดังนั้นเมื่อได้ยินเลยเล่เอ่ยพูดกับเฉินเกอนั้น ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เขายังไม่อยากตาย

“ช่างเถอะ นี่ก็ไม่ใช่ว่าถึงกับไม่น่าให้อภัยแบบนั้น สั่งสอนเขา สักหน่อยแล้วก็ปล่อยเขาไปเถอะ!

เฉินเกือมองไปยังเถ้าแก่แวบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น

ความจริงแล้ว เฉินเกอเองก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลแบบนั้น

ถึงอย่างไรเถ้าแก่คนนี้ก็ต้องการเพียงแค่ทรัพย์สินเพียงเท่านั้น ดังนั้นจึงได้ทำเรื่องแบบนี้ขึ้น

ตอนนี้ก็ให้บทเรียนกับเขาแล้ว คิดว่าเถ้าแก่ของโรงแรมนี้ก็ คงจะไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้อีกอย่างแน่นอน ดังนั้นเฉินเกอจึง เลือกที่จะปล่อยเขาไป

และที่สำคัญที่สุดก็คือท่านเป้าก็ตายไปแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีใครที่จะไปร่วมมือกับเถ้าแก่อีกแล้ว

เถ้าแก่ได้ยินว่าเฉินเกอจะปล่อยตัวเองไปนั้น ทำให้เขารู้สึก

ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขารู้ว่ารักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้แล้ว เพียง แค่สามารถรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ก็พอ “ขอบคุณมากลูกพี่ ขอบคุณมาก ต่อไปฉันจะไม่กล้าทำอีก

แล้ว”

เถ้าแก่โรงแรมมองเฉินเกอแล้วเอ่ยขอบคุณ

“ฉันเตือนนายไว้ก่อน ถ้าหากต่อไปนายยังกล้าทำเรื่องแบบนี้ อีก ก็อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นแล้วฉันจะส่ง นายไปอยู่กับท่านเป้า เข้าใจใช่ไหม?

เฉินเกอไม่ลืมที่จะจ้องมองไปยังเถ้าแก่แล้วพูดเตือนขึ้นมา

“ได้ๆๆ ฉันรู้ ฉันเข้าใจแล้ว ต่อไปฉันจะไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้ อีกแล้ว ฉันจะเปิดโรงแรมทำกิจการให้ดี!

เถ้าแก่กล้าที่จะไม่ฟังเขาเสียที่ไหนกัน จึงรีบพยักหน้าตอบรับ

ทันที

“เอาล่ะ เลยเล่ พวกเราเก็บของออกไปจากที่นี่กันเร็วหน่อยดี กว่า!”

หลังจากนั้นเดินเกอก็มองไปยังพวกเลยเล่ทั้งสามคนนั้นแล้ว พูดเสนอขึ้น

ตอนนี้ดูแล้ว เมืองอู่สิ่งนี้เองก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีเท่าไรนัก ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องไม่ดีอย่างอื่นอีกก็ได้ ดังนั้นเฉินเกอจึงตัดสินใจที่ จะไปจากที่นี่ให้เร็วกว่าเดิม

ได้ยินข้อเสนอของเฉินเกอแล้ว พวกเลยเล่เองก็ไม่มีความคิด

เห็นใดๆ แม้แต่นิดเดียวเช่นกัน หลังจากนั้นสิบนาที ทั้งสี่คนก็เก็บของเสร็จแล้วออกไปจากที่

แต่ตอนที่พวกเขาจากไปนั้นกลับไม่ได้ปลดเชือกที่มัดตัว เถ้าแก่อยู่เอาไว้ แต่ลากตัวเขาไปตรงหน้าประตูแทน รอจนฟ้า สว่างแล้วก็จะมีคนมาพบตัวเขาเอง ถึงตอนนั้นก็จะมีคนมาช่วย ปลดเชือกที่มัดตัวเขาอยู่ออก

หลังจากที่ออกมาจากโรงแรมแล้ว พวกเฉินเกอทั้งสี่คนนั้นก็ รีบเดินทางต่อ

กว่าฟ้าจะสว่างนั้นยังมีเวลาอีกเป็นชั่วโมง ทั้งเมืองนั้นยังคง เงียบสงัดอยู่ในตอนนี้ ไม่มีแม้แต่เงาของคนหรือเงาของผีเลย เสียด้วยซ้ำ มีเพียงแค่ไฟข้างทางที่ส่องแสงสว่างอยู่เพียงเท่านั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ