ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 706 โลกใต้พิภพ



บทที่ 706 โลกใต้พิภพ

เฉินเกออยู่ระหว่างทางกำลังมุ่งหน้าเดินทาง

นั่งอยู่บนรถที่สวี่เหวินตงจัดให้

แต่ว่าคนขับคนนี้ ขับได้ครึ่งทาง จู่ๆก็ไม่ยอมขับเสียแล้ว แต่ได้หยุดรถ จุดบุหรี่ มองกระจกหลังยิ้มอย่างเย็นชา

“ทำไมถึงหยุดรถละ? ยังไม่ถึงนะ!”

เฉินเกอถามอย่างเรียบเฉย

“ผมรู้ว่ายังไม่ถึง เพียงแต่ว่าไม่อยากขับแล้ว เหนื่อยแล้ว อยากจะพักสักแป๊ป!”

คนขับกล่าวด้วยใบหน้าที่มียวน

“แค่แป๊บเดียวเองนายก็เหนื่อยแล้วเหรอ ฉันมองนายเหมือน ไม่อยากจะขับมากกว่า อย่าให้ฉันต้องพูดเป็นครั้งที่สอง ขับรถ เรื่องแล้วอย่าหาเรื่องเลยดีกว่า!”

ให้ดีๆ หากไปถึงจุดหมาย นายอยากจะไปไหนก็ไปได้เลย ไม่มี

เฉินเกอส่ายหัว

พูดตามตรง หากไม่โดนบีบบังคับ เฉินเกอก็ไม่อยากที่จะฆ่า คนไปเรื่อย อย่างไรเสียชีวิตคนนั้นมีค่า

ไม่อยากนั้น เฉินเกอก็คงฆ่ามาตลอดทาง จะได้ไม่ต้องมาเปลืองน้ำลายกับพวกเขา

“เห่อๆ คุณแกว่านายเป็นคนสำคัญจริงๆเหรอ?”

คนขับหัวเราะเยาะ

ขณะนั้นมองไปที่กระจกหลัง มีคนหกคนได้ปรากฏตัวอยู่หลัง รถแล้ว พวกเขาเหมือนดั่งวิญญาณชั่วร้าย ปรากฏตัวอย่างน่า กลัว “ฉันเข้าใจแล้ว เป็นสวี่เหวินตงที่ส่งแกมา จัดการฉันระหว่าง

ทาง ดังนั้นแกถึงได้มีท่าทีแบบนี้?”

เฉินเกอหัวเราะแล้วส่ายหัว

“ไม่ผิด ก็คือแผนของประธานสวี่ เจ้าหนุ่มน้อย แกมันช่างโชค

ร้าย รีบลงไปตายซะ!”

ขณะที่พูด คนขับก็ได้กระโดดลงจากรถทันที

วิ่งไปด้านข้าง กอดอกไว้ รอดูความสนุกสนาน

“เฉินเกอ จะทำไงดี? พวกเขาหกคน เหมือนผีร้ายไม่มีผิด!”

และเหลยเหลาหูที่นั่งกับเฉินเกอ เวลาที่มีความลนลานเล็ก น้อย

“กลัวอะไร ถ้าเป็นผีร้าย งั้นฉันก็จะแสดงบทจงขุย!” (เป็นเทพ กึ่งปีศาจในตำนานเทพของจีน เชื่อกันว่าจงขุยเป็นผู้กำราบปิศาจ

ร้าย)

เฉินเกอหัวเราะลงจากรถ
“ท่านทั้งหลาย เป็นคนที่สวี่เหวินตงส่งมาฆ่าฉันเหรอ? หลัง จากที่ฆ่าฉันแล้ว ก็จะฆ่าเพื่อนของผมด้วยใช่มั้ย?

เฉินเกอหัวเราะถาม

“ไม่ผิด ฉันดูคนไม่ผิดจริงๆ หนุ่มน้อยคนนี้ ช่างฉลาดเหลือ เกิน หากฆ่าแกไปเสียแบบนี้ มันช่างน่าเสียดายจริงๆ!

หัวหน้าชายชราส่ายหัว

“ใช่ อีกอย่างหน้าตาก็หล่อเหลา ไม่งั้นก็ให้ฉันเสพสุขสม หมายก่อนแล้วค่อยฆ่า!”

ในหกคน หญิงสาวคนหนึ่งเลียริมฝีปากแล้วกล่าว

“น้องหก อย่าเล่นซนเลย พวกเรารีบมาทำภารกิจให้สำเร็จกัน เถอะฆ่าเขาก่อน แล้วค่อยไปที่แห่งซากเทพฆ่าคนที่เหลือ

ชายชรามองหญิงสาวอย่างเอือมระอา

“ที่จริง มีอยู่เรื่องหนึ่ง ช่วงนี้รบกวนฉันนานมากแล้ว ไม่รู้ว่า ท่านทั้งหลายสามารถที่จะช่วยผมคลายความสงสัยได้ไหม!

เงินเกือถามอย่างแปลกใจ

“อ้อๆ คนที่ใกล้ตาย พวกเราสามารถช่วยไขข้อสงสัยของแก ได้ เพียงแต่มีเวลาแค่สองนาที นั่นก็หมายความว่า ชีวิตแกยัง เหลืออีกแค่สองนาทีก็จะถึงจุดจบแล้ว!”

ชายชรากล่าว

“ฉันสงสัยมาตลอด ฉันเจอยอดฝีมือแบบพวกแกตั้ง างมากมายทําไม พวกเขาทุกคน คิดว่าจะสามารถฆ่าฉันได้ และภาคภูมิใจ ในแผนการและปัญญาของตัวเองอย่างหาใครเปรียบไม่ได้?”

เฉินเกอขอคําแนะนำ

“ปัญหาข้อนี้ ฉันก็สามารถตอบแกได้แล้ว เพราะครั้งนี้คนที่แก ต้องเจอ คือประธานสและลูกชายที่เชี่ยวชาญในการใช้กุลยุทธ์ กับยอดฝีมือทั้งหกที่เก่งกาจที่สุดในโลกนี้ ดังนั้น พวกเขา สามารถตัดสินความเป็นความตายของแกได้ ตัดสินสถานที่และ เวลาที่ตายของแกได้!”

คนขับรถที่อยู่ด้านข้างยิ้มแล้วกล่าว

“ใช่เนาะ ประธานสงี่มักจะชอบฆ่าคนหลังจากที่หมดผล ประโยชน์ ฉันเดาว่า เขาน่าจะคิดวิธีไว้แล้ว ต่อไปจะจัดการคน หกคนนี้ยังไง?

หากพวกเขาสามารถที่จะฆ่าเพื่อนของฉันอย่างราบรื่น

เฉินเกอถาม

“แก…..แกพูดมั่วอะไร?” สีหน้าคนขับรถได้เปลี่ยนไป และคนทั้งหกคนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่อยากที่จะฟังคำพูดแบบนี้

รู้สึกเหมือนกำลังดูถูกปัญญาของพวกเขา

“พอแล้ว เวลาสองนาทีได้หมดลงแล้ว นายสามารถตายได้ แล้ว!”

ชายชรากล่าวอย่างเรียบเฉย
จากนั้นก็เห็นเขายกมือขึ้นมาโบก

หากไม่ผิดจากที่คาดเดาไว้ ใต้แขนเสื้อของเขา จะยิงคลื่นพลัง ออกมา ทำลายอวัยวะภายในทั้งหมดของเฉินเกอ

แต่ว่าเขาต้องประหลาดใจมาก เมื่อตัวเองสะบัดมือ ไม่มีอะไร

เกิดขึ้น

เหมือนกับว่าพลังภายในของตัวเอง ได้สลายไปเหมือนหมอก

…………….จะเป็นไปได้ยังไง?”

เขาทําตาโต ด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ ห้าคนที่เหลือดูสถานการณ์แล้ว ก็รีบร้อนแสดงพลังของตัวเอง แต่สถานการณ์ก็เหมือนกับของชายชรา

ไม่สามารถทําลายอะไรได้เลย

“นาย………นายเป็นใครกันแน่?

ทั้งหกมองเฉินเกอด้วยสายตาเย็นชา ถอยหลังสองก้าวด้วย ความตกใจ

“ฉันบอกแล้ว พวกแกคิดว่าสามารถที่จะฆ่าฉัน แต่ว่าพวกแก อยู่ในสายตาของฉัน ก็เป็นเพียงแค่เศษฝุ่น และในสายตาของ ฉัน เวลานี้ไม่สามารถที่ทนเห็นสิ่งที่ไม่ดี!”

เฉินเกอส่ายหัว
ขณะนั้น เพียงแค่ตวัดนิ้ว พลังได้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

โวง!

คลื่นพลังนี้กำลังมาอย่างดุเดือด พริบตาเดียวก็กวาดทราย

จํานวนมาก

สาดกระจายทั่วอากาศ มาพร้อมเสียงที่แสบหู พุ่งทะยานไป ทางคนทั้งหก

พวกเขาคิดจะหนี พวกเขารู้ว่า คลื่นพลังนี้ จะทำให้ร่างกาย

ของพวกเขาฉีกขาดเป็นท่อนๆ

คนที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่คนอย่างแน่นอน!

แต่ว่าร่างกายของพวกเขาเหมือนกับถูกอัดด้วยตะกั่ว ไม่ สามารถขยับเขยื้อนได้เลย

ดังติดต่อกันหลายที ทั้งหกคนต่างไม่ขยับแล้ว

พวกเขาจ้องมองอย่างเหม่อลอย จากนั้นก็ค่อยๆมองดูหัวของ ตัวเองหล่นลงบนพื้น

“อะไรเนี่ย?”

และคนขับที่อยู่ด้านข้างเอ๋อไปทันที

นายคนนี้ เก่งกาจเพียงนี้

“นาย…….นายอย่าเข้ามานะ!”
คนขับรถสั่นไปทั้งตัว

“เมื่อกี้ฉันได้บอกนายแล้ว ไม่มีเรื่องก็อย่าหาเรื่อง การมีชีวิต อยู่เป็นเรื่องที่สําคัญที่สุด แต่ฉันหดหู่แล้ว นายไม่ยอมฟังที่ฉัน เดือนเลย ทั้งๆ ที่สามารถมีชีวิตที่ดีได้ แต่กลับจะโดนหาที่ตาย?”

เฉิน กอส่ายหัวกล่าว

พริบ!

คนขับคุกเข่าโดยตรง: “ท่านชนชั้นสูง ไว้ชีวิตผมด้วย ฉันมัน คนต่าต้อยที่ไม่มีสายตาเอาเสียเลย!”

คนขับรีบเอาหัวโขกพื้น

เฉินเกอยกเท้าขึ้น ค่อยๆเหยียบไปที่ท้ายทอยของเขา จากนั้น ก็เช็ดฝุ่นที่ติดรองเท้าของตัวเองบนท้ายทอย

“สายไปแล้ว!”

พูดจบ เฉินเกอออกแรงเล็กน้อย

บึ้ม!

กะโหลดของเขา แตกละเอียดทันที!

ตายคาที่ทันที

ภาพนี้ ทำให้หนังตาของเหลยเหลาหูกระตุกไม่หยุด

เกือบจะฉี่ราดแล้ว

“ขับรถ ออกเดินทาง!”
เงินเกอเข้าไปในรถ หลับตาลงกล่าว

แหล่งที่ซากเทพก็อยู่ไม่ไกลแล้ว

“แม่นางจื่อเยียน นี่น่าจะเป็นด้านในสุดของแหล่งวัตถุโบราณ แล้วใช่ไหม? หากไม่ได้มาเห็นกับตัว เป็นสิ่งที่เชื่อได้ยากมาก ใน โลกนี้ ยังมีสถานที่ที่อัศจรรย์แบบนี้!”

พวกเฉินผิงอันอยู่ในถ้ำที่มีขนาดใหญ่มหึมา

ช็อกกับภาพที่อยู่ตรงหน้า

เพราะตรงนี้ เป็นเหมือนโลกที่อัศจรรย์อีกใบหนึ่ง

มีป่าที่ล่องลอยอยู่ ยังมีสมบัติล้ำค่าที่นับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่ ตรงกลางมีเหวขนาดมหึมา ไม่รู้ว่าด้านล่างเหวนี้คือที่ไหน

และตรงกลางของเหว

กลับมีแท่นสูงขนาดใหญ่ลอยอยู่อันหนึ่ง

ทั้งหมดนี้ มันช่างอัศจรรย์เหลือเกิน

เฉินผิงอันถือเป็นคนที่มีโลกทัศน์กว้าง แต่สถานที่แบบนี้ เพิ่ง เห็นครั้งแรกในชีวิต

สามารถดูออกได้ว่า โลจื่อเยียนก็ตกใจเหมือนกัน เพียงแต่ดี กว่าคนอื่นๆเล็กน้อย

“อยู่ข้างในนี้!”

โล่จื่อเยียนพยักหน้าซ้ำๆ
“อะไรนะ?”

เฉินผิงอันสงสัย

นอกเสียจากที่นี่ มีสิ่งที่เสี่ยวเกอต้องการ?” เฉินฝั่งอันดาม อย่างสงสัย

โล่อเยียนพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดให้มากความ

“พี่นางฟ้า แล้วคุณชายเฉินจะมาถึงเมื่อไหร่ หากรู้แต่แรกผมก็ จะรออยู่ที่โรงแรม รอมาพร้อมกับเขา!

ล่ป้ากล่าว

“ไม่นานหรอก เดี๋ยวเขาก็จะตามมาเอง!” โล่จื่อเยียนหัวเราะ

เบาๆ

จากนั้น ทุกคนต่างได้ยิน ด้านนอก ดังขึ้นด้วยเสียง

โหยหวนของลูกน้องตระกูลส

“มาแล้ว!” โล่จื่อเยียนกล่าว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ