ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่477 ประสบอันตรายในป่า



บทที่477 ประสบอันตรายในป่า

เหลิงหรูชวงตบหน้าเฉินเกอด้วยความเขินอายและความโมโห

ตั้งแต่เด็กๆ สาเหตุทางด้านสภาพแวดล้อมที่เธอสัมผัสนั้น ทำให้เธอมีความรู้สึกไวกับเรื่องหญิงชายๆเช่นนี้

จะพูดว่ามีความรู้สึกไวเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ได้ ควรจะบอก ว่ารู้สึกรังเกียจมากกว่า

เรื่องเหล่านั้นของหญิงชาย ทำให้เธอรู้สึกรังเกียจ และ ขยะแขยง

อีกทั้งเห็นผู้ชายแล้ว ทำให้เหลิงหรูชวงรู้สึกสะอิดสะเอียนด้วย

เช่นกัน

ดังนั้นเมื่อครู่นี้ เธอถึงได้พูดคำพูดที่บอกว่าทุกคนจะได้ตายไป ด้วยกันแบบนั้นออกมา

ส่วนเฉินเกอเองก็คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่เย็นชาคนนี้ไม่คิดว่า จะใหญ่ขนาดนี้

“ฉันกำลังช่วยเธอนะคนสวย แผลของเธอจะไม่หาย หลังจากที่ พวกเราหนีออกไปได้ จะต้องเป็นภาระอย่างแน่นอน และเมื่อถูก พวกเขาจับได้ เธอจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องให้ฉันพูดออกมาหรอ กมั้ง?”

เฉินเกอกล่าว
“นาย….”

เหลิงหรูขวงรู้สึกอึ้งไป

มือทั้งสองข้าง แน่น

ในใจนั้นกำลังต่อสู้ดิ้นรนอย่างเห็นได้ชัด

“ก็ได้ แต่นายต้องหลับตา ไม่อย่างนั้น ฉันจะฆ่านาย! เหลิงหรูซวงเอ่ยขึ้นอย่างเป็นชา

“พูดเหมือนกับฉันอยากจะมองเธออย่างนั้นแหละ!

“ถ้าอย่างนั้นนายหันกลับไปก่อน หลับตาด้วย!”

เหลิงหรูชวงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

เฉินเกอส่ายหน้า แล้วหันหลังไป

ทางด้านหลัง ก็มีเสียงเสียดสีของการถอดเสื้อผ้าออกดังขึ้น

ถึงแม้ว่าเฉินเกอจะหันหลังอยู่

แต่ผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้จะดูเย็นชา แต่รูปลักษณ์ภายนอกนั้นน่า ทึ่งมากจริงๆ

ถ้าจะบอกว่าไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยแม้แต่นิดเดียวนั้น เช่นนั้น แล้วเฉินเกอก็คงจะไม่ใช่คนปกติแล้ว

แต่นอกจากนี้เฉินเกอเองก็ไม่ได้มีความคิดอื่นๆเช่นกัน

“เสร็จแล้ว!”
ตามมาด้วยเสียงเอ่ยขึ้นมาเบาๆของเหลิงหรูซาง

“นายอย่าขยับไปทั่วนะ ฉันรู้จุด ฉันจะกดหัวนายไว้…..

หลังจากนั้นห้านาที

“ลูกพี่ น้ำมาแล้ว!”

“เห้ย นี่มันอะไรกัน ทำไมหน้าของคนสวยถึงได้แดงขนาดนี้?”

ชายอ้วนเอ่ยถาม

และพอมองดูแล้ว ก็เห็นว่าเสื้อผ้าของหญิงสาวนั้นดูยุ่งเหยิงไม่ เรียบร้อย

ชายอ้วนยิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นไปอีก : “พวกนาย…..เมื่อกี้

ไม่ใช่ว่าพวกนาย?”

“เลว ถ้ายังพูดมากอีก ฉันจะตัดลิ้นนายซะ!”

เหลิงหรูชวงดึงมีดออกมา

ชายอ้วนตก ใจเสียจนรีบปิดปากตัวเอง

คืนนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว……

“นี่ๆๆ ตื่น ตื่นได้แล้ว พวกเราต้องไปกันแล้ว!”

เฉินเกอลงบนใบหน้าของเหลิงหรูซวงและชายอ้วน

ทั้งสองคนตื่นขึ้นมา
“พี่ ฟ้ายังมืดอยู่เลย คาดว่านี่ก็เพิ่งจะเข้ามืด คนพวกนั้นตั้ง เต้นท์อยู่ข้างนอก พวกเราจะไปที่ไหนได้?

ชายอ้วนขยี้ตาพลางเอ่ยถาม

“แต่ฉันออกไปดูเมื่อกี้แล้ว ข้างนอกว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย แม้แต่คนเดียว คาดว่าน่าจะไปกันหมดแล้ว หรือบางทีไม่แน่ว่า อาจจะถูกยุงพิษกัดตายไปแล้วก็ได้! พวกเราอาศัยจังหวะนี้รีบ ออกไปกัน!”

เฉินเกอเอ่ย

“อา? ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียวหรือ?” ชายอ้วนเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ เหลิงหรูชวงลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

“ไม่ผิดแน่ พวกเรารีบไปกันเถอะ ถ้าไม่ไปอีกก็จะไม่ทันแล้ว

นะ!”

เฉินเกอสะพายกระเป๋าตัวเองขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าจะเป็นชายอ้วนหรือเหลิงหรูชวงผู้เย่อหยิ่ง เวลานี้ต่างก็ยึดเอาเฉินเกอเป็นศูนย์กลางแล้วทั้งนั้น

ขณะนั้นเองก็พากันรีบออกไป

รอจนออกมาจากหุบเขาแล้วนั้น เหลิงหรูชวงรู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากพบว่า

บริเวณรอบๆไม่มีคนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ในเต้นท์ก็ว่างเปล่าด้วยเช่นกัน

ส่วนลูกน้องของหลี่หูนั้น ราวกับระหว่างคนก็หายไปอย่าง

ลึกลับอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่น่าเป็นไปได้? ถ้าหากเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือด ฉันจะ ต้องได้ยินเสียงแน่ๆ!!

ในใจของเหลิงหรูชวงคาดการณ์ไว้

ในขณะเดียวกันก็มองเฉินเกออย่างประหลาดใจ

และเวลานี้เอง เฉินเกอขึ้นไปนั่งบนรถออฟโลดคันหนึ่ง แล้ว เอ่ยพูดขึ้น : “ทั้งสองคน เราแยกกันตรงนี้แล้วกันนะ ฉันยังมีธุระ ต่อ! ทางด้านข้างมีรถอีกสองสามคัน พวกเธอจะไป ก็ใช้มันแทน การเดินเท้าได้!”

“นาย…..นายจะไปที่ไหน?

เหลิงหรูชวงพัวพันอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยถามขึ้น

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรก็คงจะไปทางภาคตะวันตก

เฉียงใต้ต่อไปเรื่อยๆ ไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว!”

เฉินเกอยิ้มออกมา

คนพวกนี้ของหลี่หู เฉินเกอแอบออกมาฆ่าเมื่อคืนนี้ ที่แห่งนี้ตัว เขาเองก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้นาน ไม่สามารถจะมาเสียเวลามาก เกินไปได้

ว่าแล้วนั้น เฉินเกอกสตาร์ทเครื่องขึ้นมา
“ใช่สิ ยังไม่รู้เลยว่านายชื่ออะไร? ฉันชื่อเหล็งหรูชวง!”

เหลิงหรูชวงเอ่ยด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ

ถึงอย่างไร โตมาขนาดนี้แล้ว นี่คงเป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายเข้า มาใกล้ชิดกับเธอแบบนี้

อีกทั้งเขายังไม่เหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ ถึงแม้ว่าปากเขาจะพูด แต่ในแววตาของเขานั้นก็ไม่ได้มีความคิดที่สกปรก ตรงจุดนี้ เหลิงหรูชวงมองออก

“อืม….ฉันชื่ออะซาน!”

เฉินเกอกล่าว

พูดจบแล้วนั้น ก็ไม่รอให้เหลิงหรูชวงได้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง เขา โบกมือ แล้วเหยียบคันเร่ง รถพุ่งตัวเคลื่อนที่ออกไป

“อะซาน? ใครเขาชื่อแบบนี้กัน?”

เหลิงหรูชวงเอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห

อยากจะเอ่ยถามอีก แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาแล้ว……..

เฉินเกอมุ่งหน้าตรงไปยังภาคตะวันตกเฉียงใต้ และมาถึงพื้นที่ เขตชายแดนตะวันตกเฉียงใต้แล้ว

ตามคำแนะนำก่อนหน้านี้ของเว่ยชิงซู

ชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ หลายปีมานี้ เป็นพื้นที่สามเหลี่ยมที่ ว่างของหลายตระกูล มาโดยตลอด
“ใช่สิ ยังไม่รู้เลยว่านายชื่ออะไร? ฉันชื่อเหล็งหรูชวง!”

เหลิงหรูชวงเอ่ยด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ

ถึงอย่างไร โตมาขนาดนี้แล้ว นี่คงเป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายเข้า มาใกล้ชิดกับเธอแบบนี้

อีกทั้งเขายังไม่เหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ ถึงแม้ว่าปากเขาจะพูด แต่ในแววตาของเขานั้นก็ไม่ได้มีความคิดที่สกปรก ตรงจุดนี้ เหลิงหรูชวงมองออก

“อืม….ฉันชื่ออะซาน!”

เฉินเกอกล่าว

พูดจบแล้วนั้น ก็ไม่รอให้เหลิงหรูชวงได้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง เขา โบกมือ แล้วเหยียบคันเร่ง รถพุ่งตัวเคลื่อนที่ออกไป

“อะซาน? ใครเขาชื่อแบบนี้กัน?”

เหลิงหรูชวงเอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห

อยากจะเอ่ยถามอีก แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาแล้ว……..

เฉินเกอมุ่งหน้าตรงไปยังภาคตะวันตกเฉียงใต้ และมาถึงพื้นที่ เขตชายแดนตะวันตกเฉียงใต้แล้ว

ตามคำแนะนำก่อนหน้านี้ของเว่ยชิงซู

ชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ หลายปีมานี้ เป็นพื้นที่สามเหลี่ยมที่ ว่างของหลายตระกูล มาโดยตลอด
แล้วก็ไม่ได้เป็นแต้มต่อในระยะยาวด้วยอีกด้วย

ที่นี่มีแนวเทือกเขามาก

หลังจากที่ขับรถไปสักระยะหนึ่งแล้ว ก็ไม่สามารถใช้รถได้อีก

เฉินเกอจึงต้องทิ้งรถคันนั้นไว้ แล้วเดินทะลุผ่านยอดเขาไป กระหายน้ำ ก็ดื่มน้ำจากภูเขา หิวแล้ว ก็หาไก่ป่าหรือกระต่าย ป่าจับมาย่างกิน

ประกอบกับช่วงนี้มีฝนป่าตก เฉินเกอไม่มีที่ไป จึงต้องหา แล้วเอาพวกเต้นท์ย้ายเข้าไป ทำเป็นที่พักชั่วคราว ในระยะสั้น รอ จนเส้นทางบนภูเขาดีหน่อยเสียก่อน แล้วค่อยออกเดินทางต่อ

คืนนี้ เฉินเกอยืนล้างหน้าอยู่ตรงลำธารด้านนอก

ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงที่รุนแรง ดังขึ้น

ดังมาจากที่ที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก เห็นได้ชัดว่ากองกำลังของ ทั้งสองฝ่ายนั้นกำลังต่อสู้กัน

“สมกับที่เป็นเขตสามเหลี่ยมเทียนเฉิง ไปที่ไหนก็ต้องระวังตัว ให้ดีสินะ!”

เฉินเกอล้างหน้า แล้วอดที่จะหัวเราะและส่ายหน้าออกมาไม่ได้

เสียงเดินเหยียบหญ้าดังขึ้น

แล้วตามมาด้วยเสียงการเคลื่อนไหวของกระสวย
มีคนกำลังมุ่งหน้ามาทางเงินเกอ

เฉินเกอเหลือบมอง คนกลุ่มหนึ่งห้าคน สวมใส่ชุดลายพราง

และมีอุปกรณ์ต่างๆเต็มตัวไปหมด

กําลังหนีกันอย่างจนตรอก

“พี่ใหญ่!”

แล้วจู่ๆก็มีคนที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งล้มลง ท่าทางดูอ่อนแรง

มาก

อีกสี่คนที่เหลือต่างพากันล้อมรอบบุคคลนั้น

“ฉันไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องสนใจฉัน พวกนายรีบหนีไป รีบหนีไป

“ไม่! พี่ใหญ่ พวกเราไม่ไป พวกเราพี่น้องกัน จะตายก็ต้องตาย ด้วยกัน อย่างมากก็พยายามสู้กับพวกนั้นให้สุดชีวิต!” คนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“บ้าเอ้ย รับปากฉัน พวกนายจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ทิ้งฉันไว้ที่

นี่ ฉันจะรักพวกมันไว้ให้นายเอง พวกนายรีบไปซะ!”

คนที่ดูเป็นเหมือนผู้นำตบลงบนหน้าของหนึ่งในกลุ่มคนนั้นที่ กำลังร้องไห้อยู่

“ถึงพี่ใหญ่ที่ฉันให้ตาย ฉันก็ไม่ไป

“ใช่ พวกเราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!

คนที่เหลือเอ่ยขึ้นพลางเช็ดน้ำตา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ