ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 206 การเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าของคุณพ่อ



บทที่ 206 การเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าของคุณพ่อ

โดยเฉพาะเมื่อครู่ที่หลัวหมินนั้น ได้ตำหนิเห็นเธออยู่ไม่ขาด

ใส่อารมณ์จนลูกตาแทบจะกระเด็นออกจากเบ้า

เชีย!

เพราะเบื้องหลังของตาเงินเกือคนนี้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็น อย่างไร คงจะเป็นแค่ไอ้คนจน กระจอก ๆ แหละ ชนิดที่ว่าเงิน ทองนั้นก็ไม่มี

และจริง ๆ แล้วเฉินเกอเป็นใครล่ะ

เป็นคนสําคัญในจินหลิงหรอ หรือว่าจะเป็นคนที่คอยเปลี่ยน ประวัติศาสตร์ของอาเภอฝั่งอัน

จะอย่างไรหลวหมินเองก็คงไม่เชื่อหรอก ที่ทั้งสองคนนั้นที่จะ ความสัมพันธ์กันได้

แต่ว่าหลี่เจิ้นถั่วและจ้าวจื่อซิ่ง พวกเขาต้องรู้จักคุณชายเฉินแน่

ดังนั้นจึงถูกต้องแล้วที่จะเป็นเงินเกือ

เชีย หลิวหมินทันใดเลยเกิดอาการสับสนขึ้นมา

“ประธานหลี่ พวกคุณแน่ใจนะ ที่เรียกคุณชายเฉินคนนี้เป็นได้ คนจนกระจอก”
จากนั้นหลวหมินเองก็เลยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น แต่หลีเงินกั๋วมีท่าทางสงสัยจึงได้ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ มองคราบเลอะที่อยู่บนตัวของหลิวหมิน จากนั้นก็หันไปพูดกัน เจ้าภาพผู้จัดงานด้วยที่หน้าที่ดุดันว่า

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนี้สกปรกอย่างนี้แล้วยังกล้าให้ขึ้น เวทีอีกหรอ แถมยังทำกิริยามารยาทที่ดูไม่เหมาะสมกับคุณชาย เงิน ก

“ต้องขอโทษ ประธานหลีและคุณชายเงินด้วย เป็นเพราะพวก เราละเลยหน้าที่เป็นไป

จากนั้นพนักงานของผู้จัดการก็รับพยักหน้ารับด้วยอาการที่รีบ ร้อน

จากนั้นก็ชี้ไปยังหลิวหมินและหวังเฉียงผู้ที่เป็นสามีของเธอ

แล้วพูดขึ้นว่า “แก แล้วก็แก ออกไปเดี๋ยวนี้”

“อะไรนะ ทำไมล่ะ คนนี้ไม่ใช่ตัวจริงหรอก เขาเป็นแค่นักเรียน จน ๆ คนหนึ่ง พวกคุณคงจะเข้าใจอะไรผิดไปแล้ว ฉันเป็นครูของ เขา เชี่ย เฉินเกอนายพูดอะไรหน่อยสิ บอกเขาไปว่านายเป็นแค่ คนจนคนหนึ่ง พวกเขาเข้าใจนายผิดไปแล้ว”

จากนั้นก็มีหลาย ๆ คนเข้ามาคอยห้ามปรามหลวหมินและหวัง

เฉียง

แต่หลิวหมุนกลับไม่ยอมและจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น อันดับแรก ในห้องที่มีผู้คนมากมายขนาดนี้ถูกคนอื่นไม่ให้ออกไป นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าอายแล้ว

อันดับสอง เฉินเกอจะเป็นคุณชายเงินได้อย่างไร หากเป็นจริง ๆ หลวหมินเธอเองคงจะฆ่าตัวตายแล้ว

ดังนั้น ตอนนี้เธอเลยอยากจะให้เงินเกยพูดออกมา เพื่อ ยอมรับหน่อย

เพราะเงินเทอคนนี้ก็แสนจะจน เมื่อครูตอนที่อยู่ข้างล่างตึกนั้น มีคนเรียกว่าคุณขายเงิน แล้วเขาเองก็เลยรีบเดินแซงหน้าไป ทำ ไม่สน

แล้วในเวลานี้หลี่เจิ้นถั่วนั้นก็มองไปที่เฉินเกอ

เป็นสัญญาณการถามเขาว่า เขาจะเอาอย่างไร

หากผู้หญิงคนนี้รู้จักกับเฉินเกอจริง ๆ แล้วเรื่องเหล่านี้หลี่เจิ้ นถั่วเองก็ไม่กล้าที่จะทําอะไรมากจนเกินไป

แต่คิดไม่ถึงว่า เฉินเกอจะพูดขึ้น

“ผมกับเธอไม่ค่อยสนิทกันเท่าไรหรอก เพียงแค่เมื่อก่อนเธอ เคยเป็นครูสอนผม”

แล้วเงินเกอก็ยิ้มออกมา “หากคุณจะยังให้ผมยอมรับได้ ผม ยอมรับก็ได้ ผมเป็นแค่นักเรียนจน ๆ คนหนึ่ง พวกเขาต่างหากที่ เข้าใจผมผิดไป

“ห้ะ! ประธานหลี่ คุณได้ยินแล้วหรือยัง ฮ่า ๆ ๆ เขายอมรับ แล้ว เขาเป็นคนพูดเองเลยนะ”
หลิวหมุนได้พูดขึ้น

และในใจยังคิดว่าตัวเองคงจะได้รับการชื่นชมจากประธาน

หลี่เจิ้นกั๋วยิ้มแบบนิ่ง ๆ แล้วมองไปยังหลิวหมิ่น พร้อมกับพูด ขึ้นว่า “เด็ก ๆ ไล่ตัวสองคนนี้ออกไป

ซึ่งก็มีคนเตรียมตัวรออยู่นานแล้ว ในขณะนั้น ก็มีคนนำตัวของ หลิวหมุนและหวังเฉียงผู้จองหองออกไปพร้อม ๆ กัน จากนั้น บรรยากาศในงานค่อยเงียบขึ้นมาหน่อย

เงินเกอเองก็รู้สึกรำคาญหลวหมินเป็นหนักหนา ตั้งแต่อยู่ที่ สถานีรถแล้ว เพราะหลิวหมินทํากิริยาวาจาไม่ดีต่อตัวเองเอาไว้ มาก ที่จริงเรื่องนี้มันควรจะจบลงได้เสียที

เพราะเมื่อก่อน เฉินเกอยอมทุนกับเรื่องเหล่านี้มามาก เช่น การโดนพูดจาถากถางหรือหัวเราะเยาะจากข้าว ฟาน และเป็น พราะเห็นแก่หน้าของหม่าเสี่ยวหนานและคนอื่น ๆ

จึงทําให้เฉินเกอต้องยอมอดทนเอาไว้

แต่ว่าหลิวหมินนั้นกลับไม่เห็นแก่หน้าใคร แล้วทำไมฉันต้องไว้ หน้าเธอด้วยล่ะ

ดังนั้นเฉินเกอจึงอยากที่จะจบเรื่องนี้ลงให้เร็วที่สุด

ครั้งนี้ เฉินเกองจับสลากเบนซ์ G500 ได้ ฝ่ายผู้จัดงานเลย นึกว่าคุณชายเฉินจะรู้สึกไม่ดี เพราะกิจกรรมนี้ มีผู้สนับสนุนต่างๆ มากมาย

แต่ว่าเงินเกอเองก็ไม่ได้พูดอะไร

ในสายตาของเงินเกอทุก ๆ คนก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว

และตัวเองกลับมาแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะขับแลมโบกินไปไหน ต่อไหนได้

ตอนแรกว่าจะขอยืมรถของหลี่เจิ้นกั่วเอามาขับสักหน่อย เมื่อ เป็นอย่างนี้แล้วก็ดีเหมือนกัน มีรถใหม่เอามาให้ขับแล้ว

และต่อมา ควรจะไปคารวะเหล้าก็ไปคารวะ และจะพูดคุย ประเด็นไหนก็จะได้พูด

แค่พริบตา เวลาหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว อากงหนูก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว

ในวันนี้ เฉินเกอเองก็ไม่ได้มีธุระอะไร ก็เลยเตรียมตัวที่จะไป หาหลี่เจิ้นถั่วเพื่อตรวจสอบดูโครงการ

พี่สาวได้โทรมากี่รอบแล้ว

จากนั้นเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็คิดขึ้นได้ทันทีว่า คุณพ่อนั้นได้กำชับ ตัวเองไว้ ต้องไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่เคยร่วมรบกับพ่อที่อยู่ที่อำเภอ ผิงอันหน่อย เมื่อตัวเองกลับมาได้สัปดาห์กว่า ๆ กลับลืมเรื่องนี้

ไปสนิทเลย

และในวันนี้ เฉินเกอว่างแล้ว จึงรีบไปหาซื้อของขวัญ แล้วมุ่ง หน้าไปยังเขตเล็ก ๆ อย่างอำเภอฝั่งอัน เพื่อไปเยี่ยมคุณอาเจียงเวียดง

เมื่อก่อนก็เคยพูดถึง ที่จริงแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองบ้าน นั้นก็เริ่มจางลง เพราะหลังจากที่ได้มีเรื่องที่ไม่ค่อยถูกใจกัน

แต่ว่า คุณพ่อนั้นเป็นคนที่ชอบนึกถึงความสัมพันธ์ในครั้งก่อน ๆ มาก

เขาเลยไม่เชื่อว่า ปัจจุบันคนเราจะไม่เหลือเยื่อใยให้กันเลย เชียวหรือ

แค่คิดถึงเรื่องเมื่อหกปีที่แล้ว ที่คุณพ่อนั้นพาตัวเองไปขอร้อง เขาว่าอยากจะให้ลูกชายได้เรียนในโรงเรียนมัธยม เขากลับมี ท่าทางที่ไม่สนใจใยดีเลย เฉินเกอเองก็เข้าใจความรู้สึกของคุณ

แต่ว่าครั้งนี้นั้นตัวเองไปหา เพื่อเยี่ยมเยือน และสถานะภาพใน ตอนนี้ก็ต่างจากเมื่อก่อนแล้ว

จึงไม่รู้ว่าจะมีการต้อนรับอย่างเมื่อก่อนไหม เฮอะ ๆ …… และในขณะที่กำลังคิดถึงตำแหน่งของบ้านที่อยู่ในความทรง จํานั้น เฉินเกอก็ได้มาถึงยังที่หมายแล้ว

เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ใครหรอ”

แล้วประตูก็ถูกเปิดออก เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่เปิดประตูออก

ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นเฉินเกอเองก็รู้จัก เธอชื่อถังทราบและเฉินเก ก็เรียกเธอว่า คุณ า ง เธอคือภรรยาของเจียงเวีย ตง เท่าที่รู้มาเธอทำงานที่ธนาคาร มีตำแหน่งเป็นถึงผู้บริหาร เธอ เก่งมาก

“สวัสดีครับคุณน้าถัง ยังจำผมได้ไหมครับ ผมขอเงินเกอ ที่ เมื่อก่อนมาบ้านคุณกับคุณพ่ออยู่บ่อยครั้ง

เฉินเกยยิ้มและพูดไปด้วย

“อ้อ ๆ ฉันนึกได้แล้ว นายก็คือลูกชายของเฉินจิ้นงานที่เป็น เพื่อนร่วมรบของเหล่าเจียงไม่ใช่หรือ ไม่ได้เจอกันหลายปี โตขึ้น ขนาดนี้แล้วหรือ เข้ามาก่อนสิ

เมื่อเห็นของที่อยู่ในมือของเฉินเกอที่กำลังถืออยู่ ถังหรานเองก็ไม่ได้ดูว่ามีท่าทีจะมีความเกรงใจเท่าไร และก็ดู เป็นปกติมาก

เพราะเธอเองก็คุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว เมื่อเห็นเฉินเกอใน สภาพอย่างนี้ ก็รู้เลยว่าที่เฉินเกอมานั้น ก็มาเพื่อที่จะขอความ ช่วยเหลือ

ในใจคงคิดเรียบร้อยแล้วว่า อีกสักพักก็จะปฏิเสธ

แต่ด้วยตามมารยาทแล้ว ก็ไม่ควรที่จะปฏิเสธไปเลยตรง ๆ

เมื่อเข้ามาในห้องรับแขกแล้ว

เงินเกอเห็นชายในวัยกลางคน นั่งขาเข้าห้างบนโซฟาและ กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
ท่าทางดูแล้วรู้ว่าเป็นมาตของผู้บริหาร

และเขาก็คือ คุณอาเจียงเวียตง คนที่เป็นเกยใต้พูดถึงมาก่อน หน้านี้ ตอนนี้คงจะเป็นผู้บริหารของสำนักพัฒนา

ซึ่งก็เป็นข้าราชการคนหนึ่ง

“สวัสดีครับคุณอาเจียง”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ต่อให้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว เมื่อ เงินเกอได้เจอกับพวกเขาก็ยังคงมีความเกรงใจอยู่

“อืม ๆ เสียวเฉินหรอกหรือ ไม่ได้เจอกันหลายปี ใช่แล้ว ได้ยิน มาว่าพ่อนายเป็นหนี้ เลยต้องไปทำงานที่ต่างประเทศหรือ

เจียงเวียดง โยนหนังสือพิมพ์ลงแล้วถามขึ้น

ครับ ไปทํางานหาเงินที่ต่างประเทศครับ

เฉินเกอยิ้มแล้วพูดขึ้น

“นายคงเพิ่งจะจบมหาวิทยาลัยใช่ไหม แล้วเรียนสาขาอะไร หรอ”

เจียงเว่ยตงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แล้วยกถ้วยชาขึ้นมาเป่า ไปสองสามที

“เกี่ยวกับวรรณคดีครับ สาขาภาษาจีนและวรรณกรรมทั่วไป

“เฮอะ ๆ สาขานี้คนเรียนน้อย แต่ว่าเรื่องงานน่าจะหาไม่ยาก หรอก ใช่แล้ว นายได้ทํางานแล้วหรือยัง”
เจียงเวียงถามขึ้น

“ยังไม่มีครับคุณอาเจียง ที่ผมมาในครั้งนี้ ก็เพื่อจะมาเยี่ยม คุณอาโดยเฉพาะครับ และคุณพ่อผมก็เป็นคนกำชับให้มา

“ไข่ละเหล่าเจียง คุณตอนบ่ายมีประชุมไม่ใช่หรือ ในเวลานั้น ถังหรานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นั้น ก็ได้พูดแทรกขึ้น

“อ๋อใช่ ผมมีประชุม จะว่าไปก็รีบจริง ๆ เอาอย่างนี้ อีกสักพัก ให้เงินเกออยู่กินข้าวด้วยกัน

เจียงเวียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง ๆ

เฉินเกอเองก็ไม่ใช่ว่าโง่ และก็ดูออกว่าเจียงเวียตงและถังหรา นเมื่อได้ยินว่าตัวเองพูดว่ามาเยี่ยม โดยเฉพาะ ต้องคิดว่าคงจะ มาขอความช่วยเหลือในการหางานแน่ ๆ

ดังนั้น ปฏิกิริยาก็เลยดูเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าไล่ตัวเองกลับ ยังไงยังงั้น

ฮีม ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์และเยื่อใยคงไม่เหลือแล้ว วันนี้ กลับไปคงต้องบอกกับคุณพ่อแล้วแหละ และคุณพ่อเองก็คงจะได้ ไม่ต้องห่วงอีกแล้ว

ในขณะที่พูดกันอยู่นั้น เฉินเกอก็ได้ลุกขึ้น แล้วเตรียมตัวกำลัง จะกลับออกไป

และในช่วงเวลานี้เอง ก็ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินลงมาจากชั้นสอง ใสหูฟังไว้ที่หู เธอสวยมาก

“แม่คะ อีกสักพักจะมีเพื่อนหนูมาทานข้าวที่บ้านนะคะ แม่ได้ เตรียมอาหารไว้พร้อมแล้วหรือยังคะ ให้หนูช่วยไหม

ผู้หญิงพูด

เมื่อเธอเห็นเฉินเกอเข้า สายตาของเธอก็มีความสงสัย “แม่คะ เขาคือใครหรอคะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ