ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 640 โดนวิชาดูดจิต



บทที่ 640 โดนวิชาดูดจิต

“คุณหมายความว่ามีคนให้ทักษะสามบทแรกแก่เขา? รู้หรือไม่ว่า คน นคือใคร? ”

เงินเกอถามอย่างประหลาดใจ

“คุณเฉินเกอ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นเขามาก่อน แต่ว่าตอนที่คุณ ท่านหวูซานเฟิงบอกเรื่องนี้กับฉัน เมื่อได้ฟังความหมายของเขา แล้ว ราวกับว่าเขารู้จักกับคนลึกลับผู้นั้นมานานแล้ว ครั้งนี้คน ลึกลับผู้นั้นมาที่กองทัพ ราวกับว่าต้องการให้คุณท่านหวูซานเฟิง ช่วยจัดการบางอย่างให้เพื่อขอบคุณเขา จึงมอบทักษะสามบท แรกของค่ายชะตาไปให้ คุณลองคิดดู คนที่เก่งกาจยิ่งกว่าคุณ ท่านหวูซานเฟิงแม้กระทั่งคุณท่านหวูซานเฟิงยังต้องให้ความ เคารพ ย่อมมีอายุไม่น้อยแน่ เพียงแต่ต่อให้ฉันคิดจะทุบสมองสัก ที ก็ยังคงคิดไม่ออกอยู่ดีว่าใครกันที่สามารถทำให้คุณท่านหว ซานเฟิงเคารพยำเกรงได้ขนาดนั้น?”

หม่าจิ้นกล่าว

ประโยคนี้ ทำให้หัวใจของเฉินเกอเต้นเร็วขึ้น

นั่นเพราะเขาเดาคำตอบได้แล้ว

หรือว่าจะเป็นลุงฉัน?

บนโลกนี้มีเพียงลุงฉันเท่านั้นที่ทำได้
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่? ”

“แปดเดือนที่แล้ว!”

หมาจิ้นเอ่ย เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เพียงแปดเดือน สั้นๆ ลุงฉินทักษะทางการแพทย์ของคุณท่านหวูซานเฟิงก็ก้าว เข้าไปสู่ระดับที่สมบูรณ์แบบ แน่นอนว่า คุณเฉินเกือคุณเองก็ยอด เยี่ยมอย่างยิ่งจนทำเอาคนแทบไม่อยากจะเชื่อ! ”

“แปดเดือนที่แล้ว? ”

ไม่ใช่ เป็น ลุงฉิน จริงๆ หรือ?

ลุงฉินหายไปปีครึ่งแล้ว

ในตอนแรกเขาการเรียนรู้ครึ่งปี เขาได้รับของที่ระลึก จากนั้น ก็รีบจากไป

เมื่อจากไป เขาก็หายตัวไปถึงหนึ่งปีครึ่งเต็มๆ ไม่ว่าตนเองจะ

พยายามมากเท่าไหร่ พยายามสิบเสาะข้อมูลของเขา ก็ล้วน

หาไม่เจอ

ราวกับคนทั้งคนระเหยไปแล้ว

แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน

นั่นคือลุงฉินแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แข็งแกร่งสุดๆ

แข็งแกร่งยิ่งว่าไม่ซางหลงและพวกคุณปู่ไปมาก แม้แต่ตัวเขาเอง แม้จะอยู่ในจุดสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
และหาดสามารถพบลุงฉินได้อีกครั้ง

ตนเองก็คงจะไม่ต้องเป็นฝ่ายถูกไล่ล่าแบบนี้

“อ้อ ใช่ หากสะดวก คุณช่วยแนะนำฉันให้คุณท่านหวูซานเชิง ได้ไหม? ”

เฉินเกอเอ่ยถาม

ไม่ว่าจะเป็นลุงฉินหรือไม่ เฉินเกอก็อยากจะลองดู

ยิ่งไปกว่านั้น ลุงฉันยังมีแนวโน้มที่จะปรากฏตัวมากที่สุด

“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ฉันคิดว่าคุณท่านหนูเองก็อยากจะพบ กับคุณเฉินเกอเช่นกัน ใช่แล้ว คุณเฉินมีความเชี่ยวชาญด้านการ แพทย์ที่ยอดเยี่ยม ตอนนี้ฉันมีโรคที่ยากและซับซ้อน ไม่ว่าจะยัง ไงก็ไร้หนทางแก้ไข เรื่องนี้มันไม่ยากเท่ากับการรักษาคุณนาย ท่านฉันอยากให้คุณเฉินเกอช่วยแนะนำ คุณเฉินเกอช่วยฉันก็ เท่ากับช่วยชีวิตเด็กๆ กว่า 100 คนได้ไหม? ”

“ไม่ได้ช่วยฉันหม่าจิ้น แต่เพื่อช่วยเด็กๆ ร้อยคน! ถ้าหากทำได้ ฉันยินดีคุกเข่าให้คุณเฉินเกอ! ”

หม่าจิ้นพูดและทำท่าจะคุกเข่าลง

เฉินเกอช่วยพยุงเขาเอาไว้

“เด็กกว่า 100 คน? เกิดอะไร

เฉินเกอประหลาดใจ

ขึ้น?

“หมอหมาจิ้นกำลังพูดถึงในเมืองของเราที่สองวันนี้มีไข้หวัดประหลาด? มีเด็กมากกว่าหนึ่งร้อยคนอยู่ในอาการวิกฤต และยัง ไม่มีใครสามารถวินิจฉัยได้จนถึงตอนนี้

หวังหุ้ยหมิ่นกล่าว

“ใช่!

หมาจิ้นกล่าวอย่างเร่งรีบ

“คุณลองบอกอาการทั่วไปของพวกเขามาสักหน่อย? ” เฉินเก

อเอ่ยถาม แม้ว่าเขาจะไม่เคยโอ้อวดว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษ อีกทั้งยังไม่ได้

รับปากเรื่องนี้เพียงเพื่อให้หมาจิ้นแนะนำหวูซานเฟิงให้กับตน

แต่ในความเป็นจริงที่เด็กมากกว่า 100 คนมีอาการแบบ เดียวกันและกำลังตกอยู่ในอันตรายนั้น

หากตนเองรักษาได้แต่กลับไม่ช่วยเหลือ เฉินเกอคงจะไม่

สามารถให้อภัยตัวเอง

จากนั้นหม่าจิ้นก็พูดถึงอาการ

พูดไปแล้ว ในใจของเฉินเกอก็ยุ่งเหยิงขึ้น

เป็นไปไม่ได้?

อาการเหล่านี้ เหมือนกับอาการที่ตนเองถูกวิชาดูดจิต เมื่อ กลืนกินเลือดเข้าไปเล็กน้อยถึงค่อยมีอาการนี้เกิดขึ้น

ไข้หวัดใหญ่อะไรกัน?
เหตุใดถึงชั่วร้ายขนาดนี้?

วิชาดูดจิตเป็นวิชาที่ตนเองจดจําอยู่ในสมอง

มันคือวิชาชั่วร้ายชนิดหนึ่ง

ในวันนั้นตนเองไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากใช้วิชาชั่วร้าย ทำไมตอนนี้ถึงได้มีคนที่ถูกครอบงำจากวิชาวิชาดูดจิตได้

หรือว่า นอกจากตนแล้ว ยังมีคนอื่นที่สามารถใช้วิชานี้เช่น

กัน?

เฉินเกอรู้สึกงงงวย

แต่ว่าเขาไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้มากแล้ว

เขาจะต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเด็กเหล่านี้กำลังทุกข์ ทรมานจากวิชาดูดจิต

“ก็อย่าเสียเวลาเลย ฉันจะไปกับพวกคุณ” เฉินเกอรีบเอ่ย

“เยี่ยมไปเลยคุณเฉินเกอ โชคดีที่พวกคณบดีกำลังประชุม วินิจฉัยกันอยู่ คุณเข้าไปฟังอาการกับผมก่อน แล้วผมจะพาคุณ

ไปที่ห้องกักตัว

หม่าจิ้นกล่าว

ในไม่ช้า เฉินเกอก็มาถึงโรงพยาบาล

ในห้องโถงของโรงพยาบาล สามารถเห็นได้ว่ามีพ่อแม่ผู้ ปกครองหลายคนกำลังร้องไห้
ใช่ เรื่องแบบนี้เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว สำหรับคนครอบครัว ก็ไม่ ต่างจากระเบิดแห่งหายนะ

เฉินเกอตามหมาจิ้นไป ทั้งสี่คนตรงมายังห้องประชุม

เนื่องจากตำแหน่งของหม่าจิ้นสูงมาก ดังนั้นการนำผู้คนเข้ามา จึงไม่เกิดคำถามขึ้น

ทุกคนล้วนลุกขึ้นยืนและทักทายเขา

เฉินเกอหาที่นั่งเพื่อนั่งลง ในขณะที่ห้องประชุมมีหน้าจอใหญ่ กําลังรายงานข่าว

“โรคระบาดเกิดขึ้นแล้วสามวัน เด็กเล็กกว่าหนึ่งร้อยคนกำลัง มีไข้สูง และอาเจียน ในเวลาเดียวกัน ตามบันทึกในสมุดบันทึก อาการ พบว่าทารกแรกเกิดมากกว่า 100 คนมีการติดเชื้อใน ปอดในระดับที่แตกต่างกันซึ่งนำไปสู่ความล้มเหลวของอวัยวะ ในวงกว้าง ทางโรงพยาบาลกล่าวว่าสาเหตุของการติดเชื้อยังอยู่ ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมและน่าจะเป็นการบุกรุกของไวรัส ชนิดใหม่”

จากนั้นจึงเป็นภาพอาการป่วยของเด็กทารกเหล่านั้น

ใบหน้างดงามของผู้รายงานข่าวสาวเต็มไปด้วยความกังวล เธอเงยหน้าขึ้นมองอาคารโรงพยาบาลที่สูงตระหง่านและกล่าว ว่า “โรงพยาบาลได้จัดตั้งทีมช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งประกอบด้วยผู้ เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายคน หวังว่า พวกเขาจะสามารถ ช่วยเหลือชีวิตอันละเอียดอ่อนที่กำลังทุกข์ทรมานมากกว่า 100 เอาไว้ได้โดยเร็ว”
“เรียนเพื่อนๆ ผู้กำลังรับชมทุกท่าน ได้โปรดร่วมกันอธิษฐาน เพื่อเด็กๆ ที่น่ารักกว่า 100 คนด้วยกัน!

หลินจงหัวผู้อ่านวยการโรงพยาบาลจินหลังปิดทีวีลงและกล่าว กับทุกคน

“พวกเราทุกคนล้วนตระหนักถึงสถานการณ์ร้ายแรงนี้แล้ว ที่ หากทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริง นี่จะกลายเป็นเรื่องน่าขายหน้า ใน ประวัติศาสตร์การแพทย์ และเป็นเรื่องน่าอื้อฉาวเกี่ยวกับการ ทุจริตต่อหน้าที่ทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความน่าเชื่อถือ ของโรงพยาบาลจะไม่มีอีกต่อไป”

“พวกคุณทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญของโรง พยาบาล มีทั้งโรงพยาบาลในเครือ รวมถึงผู้มีความสามารถ ระดับสูงที่ย้ายมาจากโรงพยาบาลอื่น สถานการณ์คับขัน บนบ่า ล้วนแบกรับความไว้วางใจและความคาดหวังจากทั้งรัฐบาลและ ประชาชน ผมเองก็ไม่พูดเรื่องไร้สาระมากนัก ทุกคนมาพูดคุยกัน เถอะ ดูว่าจะสามารถทำอย่างไรเพื่อช่วยชีวิตเด็กๆ กว่า 100 คน ได้”

“เราไม่มีทางออกที่ดีจนกว่าผลการเพาะเชื้อแบคทีเรียจะออก มา ยาต้องใช้ให้ถูกโรค โรคยังไม่รู้แล้วจะใช้ยาได้อย่างไร?” แพทย์วัยกลางคนสวมแว่นตาคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดี

ช่างโชคร้ายแล้วจริงๆ ถึงถูกย้ายมาทำงานหินนี้

หากประสบความสำเร็จก็ดี มีทั้งชื่อเสียงและโชคลาภ กลับไป ก็อาจได้รับคําชมจากโรงพยาบาล
แต่ถ้าหากล้มเหลวลง อนาคตของตนก็จะจบลงเช่นกัน เด็กมากกว่าหนึ่งร้อยคนเชียวนะ เมื่อนึกถึงความรับผิดชอบ ที่พวกเขาต้องแบกรับหากเกิดอุบัติเหตุทางการแพทย์ในครั้งนี้ ขึ้นก็รู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง

“ดูที่ชีพจร ดูเหมือนปอดจะติดเชื้อ ยาต้านไวรัสได้ใช้ไปหมด แล้วแต่อาหารยังไม่ดีขึ้น ซึ่งนี่ดูน่าสงสัย” แพทย์แผนจีนอาวุโส กล่าวขึ้น

หลังจากทั้งสองคนพูดจบ ทั้งห้องประชุมก็เงียบสนิทลง

มุมมองของแพทย์แผนตะวันตกและตะวันออก ล้วนอยู่ใน ความคิดภายในใจของทุกคน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ