ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 908 ติดตามตัวเอง



บทที่ 908 ติดตามตัวเอง

ดูท่าแล้วการลบความทรงจำนี้ก็เก่งไม่เบาเลย

“เลยเล่ ไปค้นดูว่ามีทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชนหรือ เปล่า”

จากนั้น เฉินเกอก็สั่งเลยเลที่อยู่ด้านหลังตัวเอง

“ได้ครับ พี่เฉิน!”

เลยเล่พยักหน้าตกลงทันที

พูดจบ เลยเล่ก็ได้ไปค้นหาเอกสารทั่วบ้าน

หาไปสักพัก ในที่สุดเลยเล่ก็เจอของชิ้นหนึ่งที่สามารถมาใช้ ยืนยันตัวตนของหญิงสาว

ของสิ่งนั้นก็คือหนังสือ บนหนังสือมีชื่อของหญิงสาวเขียนอยู่

หญิงสาวซื่อหยูซิน

เลยเล่ได้ยื่นหนังสือให้กับเฉินเกอ

“พี่เฉิน เธอชื่อหยูชิน!

เลยเล่บอกกับเฉินเกอ

เฉินเกอรับหนังสือมาแล้วยื่นให้กับหญิงสาว

“ชื่อของเธอคือหยูซิน!”
เงินเกือมองหญิงสาวแล้วกล่าว

หญิงสาวรับหนังสือมาโดยเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย จำไม่ได้ เลยแม้แต่นิดเดียว

“แต่ว่าฉันจําอะไรไม่ได้เลยจริงๆ จำไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!

หยูซินพูดอย่างกลุ้มใจ สายหัวตัวเองไม่หยุด

“ไม่เป็นไร สักวันหนึ่งเธอต้องจำได้แน่

เจินจีรีบปลอบโยนหยูในทันที

“แล้วพวกคุณคือ?”

สิ่งที่ตามมาคือ หญิงสาวมองเฉินเกอทั้งสามคนด้วยความ สงสัยแล้วถาม

“พวกเรา…..พวกเราเป็นเพื่อนของเธอ เธอคงจะจำพวกเราไม่

ได้แล้ว แต่ว่าพวกเราจำเธอได้ก็พอแล้ว”

เฉินเกอก็ไหลตามน้ำ อ้างเหตุผลมาอธิบายกับหยูชิน

ได้ฟังคำอธิบายของเฉินเกอ หยูชินไม่ได้มีความสงสัยใดๆ และได้เชื่ออย่างสนิทใจ

กระดาษขาวอย่างหยูชิน แน่นอนเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น สิ่งที่เธอ ทำได้ก็คือเชื่อในสิ่งที่ตัวเองนั้นมองเห็นไม่ว่าจะเป็นคนหรือเรื่อง ราว

อีกอย่างหากเฉินเกอทั้งสามคนเป็นคนไม่ดี พวกเขาทั้งสาม คนก็คงจะไม่ช่วยตัวเธอเอาไว้อย่างแน่นอน
“หยูซิน ต่อไปนี้เธอเต็มใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกับพวกเรามั้ย?” จากนั้น เฉินเกอจ้องมองหยูชินแล้วถาม หยูซินได้ฟัง ก็อึ้งไปก่อน จากนั้นสักพักจึงได้พยักหน้า

“ฉันเต็มใจ ฉันไม่มีความทรงจำแล้ว อะไรก็จำไม่ได้สักอย่าง นอกจากพวกคุณฉันไม่ก็รู้จักใครเลย!

ได้ยินคำตอบของหยูชิน เฉินเกอทั้งสามคนได้ยินคำตอบก็ วางใจ

ขอเพียงหยูอินเต็มใจที่จะติดตามพวกเขาก็พอ แบบนี้แล้ว พวกเขาก็จะสามารถดูแลหยูซินได้

“ได้ งั้นพวกเรารีบเก็บข้าวของกัน พวกเราไปจากที่นี่กัน!! เฉินเกอก็ได้มองพวกเขาทั้งสามคนแล้วกล่าว เพราะสถานที่ตรงนี้ไม่ค่อยจะปลอดภัย

ในเมื่อนักล่ากลุ่มนี้สามารถตามมาถึงตรงนี้ เชื่อว่านักล่ากลุ่ม อื่นๆ ก็สามารถตามมาได้เหมือนกัน ดังนั้นพวกเราต้องไปจากที่ นี่โดยเร็วถึงจะดี

ไม่นานนะ หลังจากที่เก็บกันเรียบร้อยแล้ว เฉินเกอและพวก ก็ได้ไปจากสถานที่ตรงนี้

เฉินเกอไม่ได้บอกหยูซินเรื่องราวพ่อแม่ของเธอ

ในเมื่อหยูซินได้สูญเสียความทรงจำไปแล้ว ก็ไม่ควรที่จะให้ เธอไปทุกข์ทรมานอีก เรื่องบางเรื่องไม่รู้ยังจะดีกว่า
ไม่เช่นนั้น สิ่งที่เป็นเกอทำทั้งหมดก็จะสูญเปล่าทั้งหมด

หลังจากไปจากบ้านหลังนี้แล้ว เฉินเกอและพวกก็ได้เดินเข้าไป ในป่าอีกครั้ง

เวลานี้ ในค่ายของนักล่าอีกฝั่ง

ในเต็นท์

“รายงานหัวหน้า ทีมที่เจ็ดได้สูญเสียการติดต่อกับเราไปแล้ว ครับ!”

ก็ได้มีนักล่าคนหนึ่งเดินเข้าไปในเต็นท์รายงานกับหัวหน้านัก ล่าเป็นชายในชุดคลุมนั่งอยู่ด้านในเต็นท์

“อะไรนะ? ทีมที่เจ็ดมีกันทั้งหมดกี่คน?

ชายในชุดคลุมที่อยู่ในเต็นท์ได้ฟัง ก็ถามน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ทันที

“ทั้งหมดหกคนครับ สูญเสียการติดต่อไปทั้งหมดเลยครับ!

นักล่าคนนี้ได้ตอบกลับ

ตอนนี้ชายในชุดคลุมสีหน้าเปลี่ยนไปจนดูแย่มาก เขารู้สึกว่า เรื่องมันยิ่งอยู่ยิ่งผิดปกติ คนตั้งหกคนสูญเสียการติดต่อในเวลา เดียวกัน ต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน

“ทีมที่เจ็ดครั้งสุดท้ายที่ปรากฏตัวอยู่ตรงจุดไหน?”

ชายในชุดคลุมยังคงถามต่อ
“แถวๆ ซานเดี่ยวอ่าวครับ!”

“ออกคำสั่งลงไป รีบเตรียมตัวเดินทางไปยังซานเดี่ยวอ่าว ต้องตามหาร่องรอยของทีมที่เจ็ด ให้เจอ หากยังมีชีวิตต้องเห็น คน ตายก็ต้องเห็นศพ!”

ชายในชุดคลุมก็ได้สั่งการโดยตรง

“ครับผม!”

นักล่าคนนี้รีบรับคำสั่งทันที

เพียงแต่พวกเขายังไม่รู้ว่าคนทั้งหกนั้นได้ตายด้วยน้ำมือของ เฉินเกอและเงินแล้ว

เกรงว่ารู้แล้ว หัวหน้านักล่าคงต้องโกรธอย่างมาก

แต่ว่าทั้งหมดนี้ก็เป็นกรรมที่พวกเขาสมควรที่จะได้รับ ใครใช้ ให้พวกเขาทำเรื่องที่น่าอนาถแบบนี้ คนพวกนี้ตายก็สมควรแล้ว

ไม่นานนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมงให้หลัง คนที่ออกไปตามหา นักล่าต่างได้กลับมาที่ค่ายกันหมด ตอนที่กลับมายังได้นำศพหก ศพกลับมาด้วย

นักล่าทีมที่เจ็ด นักล่าทั้งหกคนที่ถูกเฉินเกอทั้งสามคนสังหาร

“หัวหน้า!”

“หัวหน้า แย่แล้ว!”

นักล่าคนหนึ่งได้ตะโกนและพุ่งเข้ามาในเต็นท์ของชายในชุดคลุม
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ตื่นตระหนกแบบนี้ ช่างไม่เข้าท่าเอาเสีย เลย!”

ชายในชุดคลุมตะคอกด้วยความโกรธ จ้องมองนักล่าคนนั้นที่

อยู่ตรงหน้า “หัวหน้าครับ คนที่ออกไปตามหาทีมที่เจ็ดได้กลับมาแล้ว พวก เขา…..พวกเขาได้นำศพของทีมที่เจ็ดทั้งหกคนกลับมาด้วย

สมาชิกทั้งหกคนของทีมที่เจ็ดเสียชีวิตหมดแล้วครับ”

นักล่าคนนี้รายงานกับชายในชุดคลุมอย่างเกรงกลัว

“อะไรนะ!”

ชายในชุดคลุมฟังแล้ว เกรี้ยวกราดทันที

พูดจบ ชายในชุดคลุมก็ได้ลุกขึ้นออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ออกไป เขาก็เห็นศพทั้งหกศพวางอยู่ในค่าย ศพทุก ศพบนลำคอต่างมีรอยเลือดหนึ่งเส้น

เห็นแบบนี้แล้ว ใบหน้าของชายในชุดคลุมนั้นเยือกเย็นมาก กามือทั้งสองอย่างแน่นๆ

“ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี เป็นฝีมือของใครกันแน่?”

ชายในชุดคลุมครามออกมาอย่างโกรธแค้น ล้อเล่นเหรอ พริบตาเดียวลูกน้องตัวเองก็ถูกสังหารไปตั้งหก

คน

“หัวหน้า พวกเราได้ตรวจรอยแผลของพวกเขาทั้งหมดแล้วต่างตายด้วยคมกระบี่ และรอยกระบี่แบบนี้พิเศษมาก ไม่เหมือน กระบี่ธรรมดา”

เวลานี้นักล่าคนหนึ่งที่สวมชุดสีแดงก็ได้รายงานกับชายในชุด

คลุม

องค์กรนักล่าแบ่งเป็นสามสีเพื่อมาแบ่งแยกระดับความ แข็งแกร่ง

ชุดสีดำจะมีไว้สำหรับนักล่าธรรมดา

ชุดสีแดงมีไว้สำหรับนักล่าชั้นกลาง

ชุดสีม่วงมีไว้สำหรับนักล่าชั้นสูง

ระดับที่ไม่เหมือนกันต่างก็มีความสามารถที่แตกต่างกัน นักล่า

ชุดสีม่วงเป็นนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด

แน่นอนอยู่แล้ว ในองค์กรนักล่าคนที่เก่งกาจที่สุดก็ต้องเป็น ชายในชุดคลุม อย่างไรเสียเขาก็เป็นหัวหน้าขององค์กรนักล่า

เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าความสามารถของหัวหน้าองค์นักล่าจะ เก่งกาจน่ากลัวเพียงใด และก็ไม่รู้ชื่อจริงและข้อมูลของเขา มัน ลึกลับมาก

“ดูท่าคนที่มาครั้งนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

ชายในชุดคลุมหรี่ตาลงแล้วกล่าว

“รายงานหัวหน้า ทีมที่ห้าได้รายงานสถานการณ์มาครับ เมื่อ วานนี้แถวๆ แม่น้ำถังชีพบเห็นสามคนนั้น เพียงแต่สามคนนั้นเห็นคนของพวกเราก็ได้หนีไปทันที”

เวลานี้นักล่าในชุดสีดำก็ได้เดินเข้ามารายงานกับชายในชุด

คลุม

ฟังมาถึงตรงนี้ ชายในชุดคลุมก็พอจะเดาออกแล้ว หากไม่ผิดอย่างที่เขาคาดคิดไว้ สมาชิกทั้งหกคนในทีมที่เจ็ด ของตัวเองต่างก็ตายด้วยน้ำมือของสามคนนั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ