ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 455 เพื่อสมัยมหาวิทยาลัย



บทที่ 455 เพื่อสมัยมหาวิทยาลัย

และมองดูเงาข้างหลังของเฉินเกอที่จากไป แววตาของเด็กผู้หญิง มีความประกายเป็นพิเศษ

“เอ้อยา ลูกดูอะไร?”

น้าเหมยเห็นว่าลูกสาวเหม่อลอย จึงพูดขึ้นมา

“ต๊ะ? หนูไม่ได้ดูอะไรนิ?”

เอ้อยาทาปากจู๋ แล้วพูดพร้อมส่ายหน้า

ในตอนที่น้าเหมียสาวนั้นๆ ก็ถือว่าเป็นผู้ชำนาญการด้าน ความรู้สึก จะไม่รู้ถึงความในใจของลูกสาวได้ยังไงล่ะ

ใช่แล้ว ไม่พูดถึงเรื่องที่เสี่ยวเกอหน้าตาหล่อเหลา

ความสามารถก็เก่งอีก แล้วยังดีต่อคนอื่นอีกด้วย

เป็นความจริงที่ว่า มีผู้หญิงไม่กี่คนหรอกที่จะสามารถต่อต้าน ผู้ชายแบบนี้ได้

หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะรู้สึกหวั่นไหว

แต่ว่า น้าเหมยถอนหายใจแล้วพูดว่า

“เอ้อยา แม่ขอเตือนลูกค่หนึ่งนะ ลูกกับพี่เงินเกอไม่สามารถ คบกันได้”

เอ้อยาอยากพูดว่า จะเป็นเหมือนที่แม่พูดแบบนั้นได้อย่างไรกัน

แต่พอเห็นท่าทีที่ยืนหยัดของคุณแม่แล้ว ก็พูดว่า “ทำไมหรอ? พี่เฉินเก ไม่ได้มีแฟนสักหน่อย!”

“จะไม่มีได้อย่างไร แค่เกิดเรื่องขึ้นกับแฟนของพี่เฉินเกอนิด หน่อย หลักๆ แล้วเป็นเพราะอะไรฉันก็ไม่รู้แล้ว ไม่ว่ายังไงพี่เฉิน เกอเมื่อก่อนคือคนที่เก่งมาก อีกอย่างเขาก็รักแฟนของเขามาก แม่ไม่อยากเห็นลูกเจ็บปวด แม่ถึงได้พูดแบบนี้!

น้าเหมยพูด

ส่วนเอ้อยาได้ยินแล้ว บนใบหน้ามีความผิดหวัง ไม่ได้พูดอะไร ทั้งนั้น แค่หันหลังแล้วจากไป

มาถึงเฉินเกอเถอะ ตอนนี้เป็นเธอจะไปเอาของบางอย่าง

ครึ่งปีมานี้ เฉินเกออยู่ข้างกายของลุงฉินมาโดยตลอด

จบวันแล้วก็แช่น้ำด้วยสมุนไพรฝึกฝนร่างกาย แล้วทำการ ฝึกฝนทักษะต่างๆ

บวกกับเฉินเกอเองก็ถูกลุงฉินส่งไปทำภารกิจต่างๆ ฉะนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงครึ่งปีสั้นๆ แต่ว่าการเปลี่ยนแปลง ของเฉินเกอใหญ่หลวงมาก

ถึงขั้นเรื่องการย้ายบ้านเลย

เพราะว่าลุงฉินเห็นว่าจะได้ให้เงินเกอสะดวกต่อการฝึกฝนบน ภูเขาและน้ำ จึงย้ายมาที่เมืองเล็กๆนี้
ส่วนน้าเหมยนั้น อยู่ในหมู่บ้านก็ไม่มีญาติอะไร ดังนั้นจึงน่าค่า เลี้ยงชีพที่เมื่อก่อนเฉินเกอให้ลุงฉินไว้ มาเปิดร้านหลังหนึ่ง

ปกติแล้วน้าเหมยจะเป็นคนคอยดูแล

ส่วนครึ่งปีนี้ ตามความสามารถและทักษะต่างๆ ของตัวเองก็ เริ่มแกร่งมากขึ้น เฉินเกอก็เคยคิดอยากจะกลับไปหาพ่อแม่พี่ สาวและเพื่อนครั้งนับไม่ถ้วน

แต่ว่า ถึงแม้ว่าเรื่องที่ไม่ฉางคงอยากจะฆ่าเฉินเกอเป็นเรื่องที่ เป็นไปไม่ได้แล้ว ถึงขั้นเป็นเรื่องที่เป็นเรื่องที่ยากมากๆ

แต่ว่าไม่ว่ายังไงแล้ว ตอนนี้เฉินเกอก็ยังอ่อนอยู่ แล้วยังเป็นตัว คนเดียวอีก จะต่อต้านตระกูลโม่ เรื่องนี้ยังไม่เพียงพอ

ฉะนั้นเฉินเกอล้วนแต่พยายามอดทน

ตอนนี้ การพัฒนาความสามารถของตนเองต่างหากเป็นเรื่อง

ที่สำคัญที่สุด

ในส่วนของลุงฉินนั้น นอกจากสามเดือนแรกที่สั่งสอนเฉินเก ออย่างละเอียดแล้ว หลังจากนั้นก็ออกไปข้างนอกเป็นส่วนมาก เฉินเกออยู่ฝึกฝนด้วยตัวเองจะเยอะกว่า

และสามวันก่อน เพราะว่าลุงฉันได้รับสิ่งของสิ่งหนึ่ง ไม่ได้พูด อะไรก็จากไปเลย

สําหรับเรื่องแบบนี้ เฉินเกอก็ชินแล้ว

หลังจากตามติดลุงฉินแล้วจึงจะทราบว่า ลุงฉินลึกลับจริง อีกอย่างยังลึกลับจนถึงขั้นน่ากลัว เพราะว่าความสัมพันธ์บางอย่าง ของเขา เก่งกาจมากจริงๆ!

พาลา!

มีเสียงเบรกของรถดังขึ้น

เฉินเกอขับรถสามล้อ จอดอยู่ตรงหน้าชายวัยรุ่นคนหนึ่ง

“เจ้าอ้วน ของล่ะ?”

เฉินเกอถาม

“วางใจเถอะเฉินเกอ ฉันหวางเสี่ยวหัวทำอะไรมั่นใจแน่วแน่ มั่นคงอยู่แล้ว อยู่ในกระเป๋าแล้ว!!

เจ้าอ้วน ก็คือหวางเสี่ยวหัว

ต่อมาภายหลังเฉินเกอได้พบเจอเขา เขากำลังถูกคนอื่นรังแก อยู่ ฉะนั้นเฉินเกอจึงช่วยเขาไว้

เป็นช่วงที่ตัวเองกำลังออกไปทำภารกิจพอดี จะเก็บรายได้ที่

ไม่ได้มาตามความถูกต้องจากข้างนอกกลับมาบ้าง ส่วนหวาง เสี่ยวหัว ก็คือคนที่ช่วยเฉินเกอจัดการพวกรายได้พวกนี้ ขณะนั้น หวางเสี่ยวหัวตบกระเป๋าของตัวเอง แล้วโดดขึ้นรถ สามล้อ

“ต้องรีบลงมือ!”

เฉินเกอพูด
หลังจากนั้นควันก็พุ่งออก แล้วตรงไปทางตลาดสายโบราณ

ในกระเป๋า เป็นของโบราณที่มาจากต่างประเทศ เฉินเกอแย่ง

มาจากเศรษฐีชาวต่างชาติคนหนึ่ง แน่นอนว่า ไอ้เศรษฐีชาวต่างชาตินั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไร และภายหลังการฝึกฝนของเฉินเกอ สิ่งที่เล่นก็คือการข่มขู่

แบบนี้

ไม่มีทางอื่นแล้ว ตอนนี้ตระกูลเฉินไม่มีความเกี่ยวข้องกับเฉิน เกอแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่ขาดแคลนเงิน ได้แต่ทำแบบนี้แล้ว

ในตอนที่ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านขายของโบราณ มีหญิงสาวรูปร่างสูงโตคนหนึ่ง ไว้ผมยาวกำลังยืนอยู่หน้า เคาน์เตอร์

“คุณลองดูสิ กำไลหยกตัวนี้ได้ราคาเท่าไหร่?

ผู้หญิงถาม

ส่วนเฉินเกอที่ได้ยินเสียงนี้แล้ว ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่พอคิดแล้วก็คงจะเป็นไปไม่ได้มั้ง? บวกกับตอนนี้เด็กผู้หญิงกำลังหันหลังให้สองคนอยู่

เฉินเกอก็ไม่ได้พูดอะไร จึงไปรออยู่ที่ข้างๆ

เจ้าของร้านที่ตาดีนั้น คือคนอ้วนวัยกลางคน อายุประมาณห้า สิบกว่าๆ มีหนวดเคราเล็กน้อย ดูแล้วมีความหยาบคายเล็กน้อย
หยิบกำไลข้อมือขึ้นมาดูสักพัก

ทันใดนั้นก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หยกนี่ไม่เลว แต่ว่าหยกแบบ นี้สามารถพบได้ทั่วไป ในตลาดก็มีราคาที่ค่อนข้างต่ำ ถ้าหาก เธออยากขายจริงๆ เอาอย่างนี้ละกัน ฉันสามารถออกให้สาม พัน”

เจ้าของร้านพูด

“อะไรนะ แค่สามพัน แต่ว่า….แต่ว่าฉันลองสืบหาข้อมูลบน อินเทอร์เน็ตแล้ว หยกแบบนี้สามารถขายได้ถึงสามแสนกว่าเลย นะ! นี่เป็นถึงของสืบทอดจากบรรพบุรุษฉันเลยนะ!”

ผู้หญิงพูดด้วยความกระวนกระวาย

“อะไรนะ? เธอพูดว่าอะไรนะ? สามแสนกว่า! ฉันว่านะคุณหนู ดูแล้วคุณก็ดูเป็นคนเรียบร้อยดี แต่ทำไมคำพูดถึงไม่มีเหตุผล แบบนี้ ที่ฉัน สามพันคือมากที่สุดแล้ว แต่คุณกลับไปเชื่อคำพูด บนอินเทอร์เน็ต”

“แล้วก็ คุณลองดูกำไลหยกตัวนี้ มีรอยที่ถูกเสียดสีมาแล้ว ตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าสามพันก็ไม่ได้แล้ว คุณยังไม่เชื่ออีก ที่ร้านของ ฉันมีกำไลหยกที่คล้ายกับคุณ แบบนี้เลย ชิ้นนี้แหละ! คุณลองดูสิ ตอนนี้ฉันขายออกหนึ่งหมื่น แต่ว่าสีของคนอื่นยังดีกว่าของคุณ อีก!”

ผู้หญิงหยิบมาดูแล้ว เหมือนกันเป๊ะเลย

จึงรีบพูดอย่างกระวนกระวายว่า “แต่ว่าเถ้าแก่ ฉันรีบใช้เงินแม่ของฉันป่วยหนัก ตอนนี้จําเป็นต้องใช้เงิน? สามารถให้แปด พันแล้วรับของชิ้นนี้ไปได้ไหมคะ!”

“ฟังจากน้ำเสียงของคุณแล้ว เหมือนจะไม่ใช่คนในภาคตะวัน ตกเฉียงใต้ คุณมาจากทางใต้? มีอะไรหรอ มาขอให้อาจารย์ หมอ โจ๋วช่วยรักษาโรค ให้?”

ผู้หญิงพยักหน้า

“เฮ้อ เธอเองก็น่าสงสาร แต่ว่าหากแปดพันฉันรับละก็ ฉัน ขาดทุนมากเลย เอาอย่างนี้ละกัน ฉันเพิ่มสองพันห้าพันบาท เถอะ ไม่เช่นนั้น ฉันก็ช่วยเธอไม่ได้แล้ว!

เจ้าของร้านพูด

ผู้หญิงหยุดคิดไปสักพัก จากนั้นก็กัดฟันพูดว่า “ได้ ห้าพันก็ห้า

พัน!”

ขณะนี้ หญิงสาวที่หัวใจสับสนวุ่นวาย จู่ๆ ก็มีคนมาตบไหล่

เธอหันหลังไป

ในตอนที่เห็นข้างหลังมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่

ดวงตาของผู้หญิงกระตุกขึ้นมา

ทั้งตกใจทั้งดีใจ

“เฉินเกอ?”
“เป็นนายจริงๆ ด้วย….เฉินเกอ!”

ผู้หญิงดีใจจนกระโดดขึ้นมา

“เสี่ยวหนาน ฉันเกือบมองเธอไม่ออกเลย!

ส่วนเฉินเกอนั้น ก็ลูบไปที่หัวของเสี่ยวหนาน

ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน คือหม่าเสี่ยวหนาน แต่แค่ว่า ผมของหม่าเสี่ยวหนาน ในตอนนี้ ดูแล้วยาวขึ้นกว่า เมื่อก่อนเยอะมากเลย

เหมือนว่าจะสูงขึ้นอีกด้วย

เมื่อได้ยินเสียงแล้วก็รู้สึกคุ้นเคยมาก แต่ว่าเฉินเกอยังไม่กล้าที่จะยอมรับ พอพูดขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่ที่ตัวเองออกจากจินหลิงแล้ว ก็ไม่ได้ เจอกับเสี่ยวหนานอีกเลย

พริบตาเดียวก็ครึ่งปีแล้ว

ก่อนหน้านี้ที่เรียนด้วยกัน เสี่ยวหนานคือเพื่อนที่ดีที่สุดของตัว

เองแล้ว

รวมถึงตอนนี้

“ไม่เจอกันนานเลย!”

เฉินเกอพูดพร้อมยิ้ม
“ใช่แล้วเฉินเกอ ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินเฟยเอ๋อพูดว่า เกิดเรื่อง ขึ้นกับนายแล้ว อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จะเจอนายที่ ภาคตะวันตกเฉียงใต้

หม่าเสี่ยวหนานพูดไปด้วยดวงตาที่แดงกล่ำ

ขึ้นมาแล้วก็กอดเงินเกอเลย

เฉินเกอตบไหล่ของเสี่ยวหนาน “ฉันไม่เป็นอะไร นี่ก็ดีๆ อยู่ ไม่ใช่หรอ จริงด้วย เธอเปิดบริษัทกับหานเฟยเอ๋อไม่ใช่หรอ? ทำไมตอนนี้ถึง….?”

เฉินเกอถามด้วยความสงสัย

หม่าเสี่ยวหนานเช็ดน้ำตา

แล้วจึงจะพูดว่า “เฉินเกือนายไม่รู้เฟยเอ๋อเขา…เกิดเรื่องขึ้น กับเฟยเอ๋อแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ