ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่831 มุ่งหน้าไปที่ภูเขาหลินซาน



บทที่831 มุ่งหน้าไปที่ภูเขาหลินซาน

“หัวหน้าหวาง พวกเราสองคนเป็นเพียงแค่คนธรรมดา เท่านั้น พวกเราก็กลัวตายนะครับ”

เค่ออีกอักแล้วก้มหน้าลงไม่กล้าจะสบตากับหวางเผิงและ

พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“un!”

หลินฉวนได้ยินแล้วจึงเกิดโทสะ

“ถ้าอย่างนั้นฉันต้องเข้าใจที่พวกแกสองคนแอบหนีเพราะ กลัวตายงั้นสิ?”

เงินเกออยู่ด้านข้างและพูดซ้ำเติม

พูดจริง ๆ เขาไม่ได้มีความรู้สึกดี ๆ เกี่ยวกับเค่อและลู่หมิง

เลยแม้แต่น้อย

ถูกเฉินเกอว่าแบบนี้ อู๋เค่อกับลู่หนึ่งก็ยิ่งอับอายอย่างหาที่

เปรียบไม่ได้ ก้มศีรษะและหน้าแดงก่ำ

“หัวหน้าหวาง ควรจะจับคนอย่างพวกเขาไว้!”

หลินฉวนโกรธมากและแนะนำหวางเพิ่ง

หวางเผิงมองไปที่หลินฉวนแล้วพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย: “ช่าง เถอะ พวกเขาก็แค่กลัวตาย ไม่ได้ทำผิดอะไร!”
จับไว้ก็ไม่ค่อยจําเป็นเท่าไหร่ และเค่อกับลู่หมิงก็ไม่ได้ทำ อะไรผิด มันยังไม่เพียงที่จะจับพวกเขาไว้

“ก็ได้ ถ้าพวกแกกลัวตายจริง ๆ งั้นก็รีบไปเสีย

หวางเพิ่งเองไม่ต้องการจะบีบบังคับทั้งเค่อและลู่หญิงสอง คน ได้พูดกับทั้งคู่อย่างเย็นชา

พูดจบหวางเผิงก็พาทุกคนจากไป เขาเลือกจะปล่อยเค่อ และลู่หมิงทั้งสองคนนี้ไป

การพาคนขี้ขลาดกลัวตายไปด้วยก็มีแต่จะเป็นภาระ สู้ ปล่อยให้พวกเขาจากไปเสียแต่เนิ่น ๆ จะได้ไม่ต้องเกิดปัญหา

“ขอบคุณหัวหน้าหวาง ๆ!”

เมื่อเห็นหวางเผิงเต็มใจปล่อยพวกเขาไป เค่อกับลู่หมิง ต่างรู้สึกซาบซึ้งและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกรีบคุกเข่าและก้ม ศีรษะให้

หลินฉวนปรายตามองพวกเขาอย่างเย็นชา ทําเสียงฮึดฮัดที่ เย็นเยือกแล้วเดินกลับเข้าเต็นท์ไป

“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพวกเขาจะเป็นคนแบบนี้ โมโหจริง ๆ

เลย!”

เมื่อเห็นเฉินเกอเข้ามา หลินฉวนยังคงโกรธและค่าขึ้น

“7!”

เฉินเกอหัวเราะขึ้นอย่างเบา ๆ
“ที่จริงผมเข้าใจพวกเขานะ พวกเขาไม่มีประสบการณ์ผจญ ภัย ถ้าจะกลัวเรื่องอันตรายมันก็เป็นเรื่องปกติ!” เฉินเกออธิบาย และมองไปที่หลินฉวน

“เหรอ? งั้นคุณล่ะ? ทำไมคุณถึงไม่เป็นเหมือนพวกเขา?” หลินฉวนมองเฉินเกออย่างสงสัยและถาม

สําหรับในสายตาเขาแล้ว เฉินเกือควรจะเป็นประเภท เดียวกันกับเค่อและลู่หมิง

แต่น่าเสียดายทั้งหมดที่หลินฉวนคิดนั้นผิดทั้งหมด

“ผมไม่เหมือนพวกเขา เพราะผมเป็นผู้ฝึกตน!”

เฉินเกอมองไปที่พูดขึ้นและมองไปที่หลินฉวนด้วยความ มั่นใจ เขาแสดงตัวตนออกไป

“คุณเป็นผู้ฝึกตนงั้นเหรอ!”

เมื่อได้ยินเฉินเกอพูดเช่นนั้น ทำให้หลินฉวนตกตะลึงไปชั่ว ขณะพร้อมกับยืนขึ้นและจ้องไปที่เฉินเกอ

“ไม่ผิด เพราะได้มีเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งอยู่ในทีมค้นพบ นั้นด้วย ดังนั้นต่อให้ผมต้องเจออันตรายถึงชีวิต ก็ต้องเข้าไป ช่วยเขาออกมาให้ได้!

เฉินเกอกล่าวกับหลินฉวนด้วยแววตามุ่งมั่น

หลินฉวนก็พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจและยื่นมาออกไปหาเฉินเกอ
“ขอโทษครับ ก่อนหน้าที่ทัศนคติของผมไม่ค่อยดี หวังว่า พวกเราจะร่วมมือกันในการช่วยเหลือครั้งนี้!” หลินฉวนเป็นฝ่าย เปิดปากขอโทษเงินเกอก่อน

เฉินเกอเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบคิดเล็กคิดน้อย อีกทั้งเขายัง รู้สึกว่าหลินฉวนไม่ใช่คนเลวร้าย เขามีทั้งความกล้าและจิต วิญญาณของนักผจญภัย สมแล้วที่เป็นนักสำรวจมืออาชีพ

“ทำความรู้จักอย่างเป็นทางการครับ ผมเงินเกอ!”

เฉินเกอยิ้มให้หลินฉวนพร้อมกับจับมือและกล่าวขึ้น

“หลินฉวน!”

หลินวนยิ้มรับเบา ๆ

จากนั้น ทั้งสองคนก็นอนลงและคุยเล่นกัน

จนถึงประมาณตีสามทั้งสองจึงได้คล้อยหลับไป

ตลอดจนถึงเจ็ดโมงเช้าวันต่อมา

ทีมกู้ภัยทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง ไปยังภูเขาหลินซาน

ทีมกู้ภัยประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมดสิบห้าคน โดยมี หลินฉวนเป็นหัวหน้าทีมเดินอยู่หน้าสุด ตามมาด้วยเฉินเกอ จากนั้นเป็นหวางเผิงและสมาชิกทีมของเขา

ทั้งกลุ่มเดินทางมุ่งหน้าเข้าไป ดีที่อากาศโดยรอบภูเขาหลิน ซานนั้นไม่เลวและไม่มีเรื่องร้าย ทำให้ทั้งทีมเดินทางได้อย่างราบ
อย่างไรก็ตามเมื่อขึ้นไปเรื่อย ๆ อุณหภูมิจะยิ่งลดลงและ ความกดอากาศจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น หวางเผิงกับผู้ร่วมทีมของเขาอดไม่ได้ที่จะหยิบหน้ากาก

ออกซิเจนเพื่อสวมศีรษะ และไม่ลืมที่จะส่งให้เฉินเกออันหนึ่ง

“ขอบคุณครับหัวหน้าหวาง ผมไม่ต้องใช้

เฉินเกอปฏิเสธความเมตตาของหวางเผิงอย่างสุภาพและ เลือกที่จะไม่ใส่หน้ากากออกซิเจน

ความกดอากาศเช่นนี้ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเฉินเกอนัก

หลินฉวนเองก็เช่นเดียวกัน ด้วยประสบการณ์การผจญภัยที่ ยอดเยี่ยมเขาคุ้นเคยกับความกดดันอากาศเสียแล้ว ดังนั้นจึงไม่ จําเป็นต้องอาศัยหน้ากากออกซิเจนแล้ว

“เฉินเกอ ถ้าหากคุณไม่สวมหน้ากากออกซิเจนไว้ ยิ่งขึ้นไป ความกดอากาศจะยิ่งต่ำ และอากาศจะเบาบาง ผมกลัวว่าคุณจะ รับไม่ไหว!” หลินฉวนหันไปมองเฉินเกอและเตือนด้วยความ กังวลใจเล็กน้อย

เฉินเกอส่ายหน้าแล้วหันไปตอบหลินฉวน: “วางใจเถอะ ผม ไม่ต้องใช้หน้ากาก!”

แท้จริงแล้วเฉินเกอไม่ต้องใช้หน้ากากออกซิเจนจริง ๆ พลัง เงินของเขาสามารถช่วยพยุงร่างกายของเขาไว้ได้เสมอ ไม่ให้ เฉินเกอรู้สึกหนาวเย็น อีกทั้งยังช่วยสามารถทำให้เงินเกอหายใจได้ตลอดเวลา

เมื่อได้ยินเฉินเกอพูดแบบนี้หลินฉวนก็ไม่พูดมากอะไรอีก แต่ในใจก็แอบมองเฉินเกอและรู้สึกทิ้งไปแล้ว รู้สึกแตกต่างจริง

ในไม่ช้า หลังจากผ่านไปนานกว่าสามชั่วโมงทีมกู้ภัยก็มา

ถึงจุดพัก

“ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ภูเขาหลินซานเหนือระดับน้ำทะเลเก้า ร้อยเมตร ตามการตรวจสอบก่อนหน้านี้ จุดที่เจอกลุ่มนักสำรวจ จุดสุดท้ายคือที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลสามพันเมตร ดังนั้นพวกเรา ยังเหลือระยะทางกว่าสองในสาม

หวางเพิ่งหยุดพัก สถานที่แล้วบอกทุกคน

“หัวหน้าหวาง พวกเราจะต้องไปถึงก่อนสภาพอากาศจะ ย่ำแย่เมื่อถึงภูเขาหลินซานอากาศจะเปลี่ยน พวกเราจะไม่ สามารถเข้าไปได้ สภาพอากาศในภูเขาหลินซานนั้นรุนแรงกว่าที่ เราจะจินตนาการเอาไว้มาก!”

หลินฉวนเตือนหวางเพิ่ง

ยังเหลือระยะทางกว่าอีกสองพันหนึ่งร้อยเมตร ซึ่งระยะทาง นี้ดูเหมือนใกล้มากแต่แท้จริงแล้วมันอยู่ไกลมาก

ต้องเข้าใจก่อนว่าพวกเขาใช้เวลากว่าสามชั่วโมงในการ เดินทางเพียงเก้าร้อยเมตร ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งทางอีกทั้งเมื่อขึ้นสูง ภูเขาหลินซานก็จะยิ่งมีภูมิประเทศที่ขรุขระ และจะยิ่งมีทางที่สูงขึ้น ความประมาทเล็กน้อยหมายถึงการตกลงไปในหุบเขา หน้าผา

หลังจากการพักผ่อนง่าย ๆ ครู่หนึ่ง ทีมกู้ภัยก็ออกเดินทาง อีกครั้ง

เดินไปได้เพียงไม่นานทีมกู้ภัยก็พบกับอุปสรรค ตรงหน้า พวกเขาไม่มีทางเดินอีกต่อไป นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องปืน ขึ้นไปบนทางสูงชันที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา

เฉินเกอเหลือบมองไปที่เหวลึกร้อยเมตรที่อยู่ข้างใต้เรียกได้

ว่าเป็นจังหวะที่น่ากลัวจริง ๆ

แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นทางสูงชันตรงหน้าเป็นเส้น ทางเดียวของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถย้อนกลับไปทางเดิม เพื่อหาเส้นทางใหม่ได้แล้ว เพราะมันจะเป็นการเสียเวลาและพลัง

ดีที่มีหลินฉวนที่มีประสบการณ์นักสำรวจอย่างโชกโชนคนนี้ ดังนั้นทางเดินสูงชันนี้ถือว่าไม่ใช่อุปสรรคที่ยากลำบากสำหรับ เขา

หลินฉวนหยิบตะขอออกมาแล้วโยนไปที่ก้อนหินเหนือ กำแพงสูงชันกระชับมันให้แน่น จากนั้นจากนั้นเขาก็ไต่เชือกขึ้น ไปอย่างง่ายดาย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ