บทที่651 ไปยังเมืองเก่า
บทที่651 ไปยังเมืองเก่า
ได้ฟังคําบรรยายของท่านอาจารย์หนึ่งหย่วนแล้ว เฉินเกอเอง จะคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
แต่เหมือนกับมีเสียงๆหนึ่งที่บอกกับตัวเองว่าบุปผาราวกับ ดึงความลับอะไรบางอย่างอยู่
แต่ความสงสัยที่อยู่ภายในใจเหล่านี้ เฉินเกอกลับไม่ได้ตั้งใจ ที่จะบอกกับท่านอาจารย์หนึ่งหย่วนทั้งหมด
และท่านอาจารย์หนึ่งหย่วนเป็นผู้ที่มีนิสัยดีและมีจิตใจที่
งดงาม
ตอนนี้ เขาได้หลุดพ้นจากความที่ยังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ใน ตอนปีนั้นแล้ว วางความอาฆาตแค้นที่อยู่ในใจลงไปได้แล้ว
ตั้งใจที่จะหันมาเข้าทางศาสนา
เขารู้สึกเลื่อมใสในเรื่องที่เฉินเกอช่วยชีวิตเด็กทารกกว่าร้อย คนยิ่งนัก ดังนั้น คำถามใดๆของเฉินเกอก็ตาม เขาจึงจําเป็นต้อง ตอบ
แม้กระทั่งตอนสุดท้าย ที่เขาตัดสินใจเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อแนะนำให้เป็นเธอได้รับการต้อนรับจาก ตระกูลก่อย่างราบรื่น!
เช่นนี้จะสามารถทำให้เงินเกอลดความวุ่นวายที่ไม่จำเป็นไป ได้มาก
เนื่องจากสาเหตุที่ท่านอาจารย์หมิงหยวนเป็นที่เคารพ ในฐานะ ที่เป็นอาจารย์ แม้ว่าติดต่อกับตระกูลน้อยครั้งมาก แต่ก็นับว่า พอจะมีแหล่งที่มาได้บ้าง
ได้รับจดหมายของท่านอาจารย์หนึ่งหย่วนแล้ว เฉินเกอก็รู้สึก ขอบคุณท่านอาจารย์หนึ่งหย่วนครั้งแล้วครั้งเล่า
แล้วเขาก็บอกลา
ระหว่างทางกลับ เฉินเกอก็ได้ประติดประต่อคำพูดของท่านอา จารย์หนึ่งหย่วนเข้าด้วยกัน ในใจนั้นกำลังจัดลำดับเรื่องราวที่ เกิดขึ้นในช่วงเร็วๆนี้ เนื่องจากเขารู้สึกว่าความสงสัยในช่วงนี้ ช่างมากและซับซ้อนมากเกินไปแล้วจริงๆ
ทำให้สมองของเขานั้นแทบจะพังอยู่แล้ว
ตั้งแต่แรกเริ่ม มู่หานหายตัวไป ก็แน่ใจแล้วว่าทุกอย่างนั้นมา จากไท่หยางเหมิงผู้ลึกลับคนนั้น
การหายตัวไปของมู่หาน เหมือนกับการหายตัวไปอย่างลึกลับ ของคุณลุงรองในตอนนั้นอย่างไรอย่างนั้น
เป็นไท่หยางเหมิงที่แยกกันจับตัวของคุณลุงรองและซูมู่หาน ไปทีละครั้ง
เรื่องราวที่คลุมเครือไม่ชัดเจนทั้งหมดนี้ เริ่มต้นมาจากตรงจุด
ไม่ต้องพูดถึงมู่หาน
นี้
บนร่างของคุณลุงรองเฉินผิงอันได้แบกรับคำทำนายที่พินาศ ย่อยยับของตระกูลเฉินเอาไว้ ในปีนั้นเขาคิดหาทุกวิถีทางเพื่อที่ จะหาหยกแขวนอีกส่วนหนึ่งที่ตระกูลฟาง เพียงแต่ออกเดินทาง ไปได้เพียงแค่ครึ่งทางนั้น ก็ถูกไท่หยางเหมิงจับตัวไปเสียก่อน
ส่วนคุณปู่ ก็ถูกตระกูลเฉินทำนายพินาศย่อยยับเช่นกัน ดังนั้น จึงพาภาพสุริยันที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษในตอนนั้น หลบซ่อน ตัวไว้
ภาพสุริยันกับไท่หยางเหมิงนั้นมีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกัน อย่างซับซ้อนยิ่งนัก
ส่วนตัวเขาเอง
กลับเป็นคําทํานายแห่งความตาย
ตัวเองจะถูกแบ่งชิ้นส่วนศพ ซึ่งตรงไปตามคำทำนายอันพินาศ ย่อยยับของตระกูลเฉิน
เวลานี้ ยังมีอีกหนึ่งคนที่ยังไม่ปรากฏเปิดเผยโฉมหน้าออกมา แต่กลับเป็นบุคคลลึกลับที่ยื่นมือออกมาช่วยอยู่หลายครั้ง
เขาพาตัวเองไปหาโลงศพขนาดยาว จนสุดท้ายแล้วก็พบว่ามี เทพเจ้าที่เหมือนกับตัวเองอยู่ด้วย และจากนั้นก็นำทางไปอย่าง ต่อเนื่อง ให้ตัวเองไปตามหาผู้หญิงชุดขาว
เขากำลังบอกตัวเองว่าจะสามารถช่วยตัวเองได้ หรือเป็นไป ได้ว่าจะเป็นผู้หญิงชุดขาวและเทพเจ้าองค์นั้น?
ให้พวกเขาช่วยถอนคำทํานายความตายบนร่างกายของเขา อย่างนั้นหรือ?
ส่วนสุดท้ายแล้ว จะเป็นส่วนของการเชิญน้ำมนต์ และนี่กลัวว่า จะเป็นสิ่งที่ปกปิดความอัปยศอดสูสิ่งสุดท้ายของเรื่องราวที่ คลุมเครือไม่ชัดเจนของไทยหยางเหมิงนี้แล้ว
เพียงแค่สามารถไปร่วมการเชิญน้ำมนต์ได้ ตัวเองก็สามารถที่ จะได้รับรู้เรื่องราวที่ไม่รู้อีกมาก
แต่หลังจากที่ได้เข้าร่วมแล้ว เกรงว่าจะไม่สามารถกลับมาได้
อีก อีกทั้ง เฉินเกอเองจะต้องมีรายชื่อเข้าร่วมด้วยถึงจะสามารถ
เข้าร่วมได้
เรื่องราวทั้งหมดนำมาเชื่อมโยงกันแล้ว เฉินเกอพบว่า พวก เขาล้วนแต่ถูกเชื่อมโยงเอาไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนา นั่นก็คือไทย หยางหมิงนั่นเอง!
คุณลุงรองและมู่หานหายตัวไป บุคคลลึกลับ ตระกูลเฉิน ภาพ สุริยัน ตระกูลที่ปรากฏออกมาในตอนนี้ หยุนฉิงและยังมีจิ๋วโล่ หวางที่ยังไม่เคยปรากฏเผยโฉมหน้ามาก่อนอีกด้วย และเรื่องที่ เทพลงมาจุติในปีนั้น ใช่แล้ว ยังมีลุงฉินที่หายตัวไปอีกด้วย
ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับไท่หยางเหมิงทั้งนั้น
เฉินเกอคิด แล้วอดที่จะพ่นลมหายใจยาวๆออกมาไม่ได้
เรื่องราวเหล่านี้ เป็นเหมือนเมฆดำกลุ่มก้อนหนึ่ง ที่ปกคลุม ครอบคุลม กดเฉินเกอเอาไว้ให้เขาหายใจไม่ออก
และยิ่งเหมือนกับตกลงไปในเหวลึกที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ยิ่งหล่นลงไปก็ยิ่งลึก ยิ่งดิ้นรน ก็ยิ่งยากที่จะเข้าใจ
แต่เฉินเกอก็ไม่ยอมแพ้ แม้จะต้องตายเขาก็จะไม่ยอมง่ายๆ เขาต้องการหาคำตอบให้ครอบครัว ให้มู่หาน หรือแม้กระทั่ง ตัวเขาเอง!
ไท่หยางเหมิงนี้ เป็นเหมือนกับปากใหญ่ๆ ที่กำลังรอจะกลืนกิน คนเข้าไป ดวงตาที่น่ากลัวกำลังจ้องมองเฉินเกอเดินเข้ามาใน ปากอย่างช้าๆ
แต่เฉินเกอไม่กลัว!
หลังจากนั้นสามวัน
เฉินเกอก็ได้พาเถียเฉิงออกเดินทาง
ที่ตั้งของเมือง เนื่องจากว่าอยู่ในภูเขาลูกใหญ่ และพื้นที่ บริเวณภูเขาใหญ่แห่งนี้ เรียกว่าเมืองไท
“ฟ้าจะมืดแล้ว เราจะยังจะเข้าไปในภูเขากันอีกหรือ?”
เถียเฉิงเอ่ยถาม
“หาโรงแรมพักกันก่อน แล้วพรุ่งนี้แต่เช้าพวกเราค่อยเข้าไป ในภูเขากัน!”
เฉินเกอมองสีของท้องฟ้า
แล้วมองไปยังเถียเจ๋ง
นี่ราวกับว่าเป็นเมืองแห่งภูเขา บริเวณโดยรอบถูกล้อมไปด้วย ภูเขาสูงตระหง่าน
ด้วยเหตุนี้ เถียเฉิงหาโรงแรมแห่งหนึ่งเจอแล้วนั้น จึงเปิดห้อง พักไว้สองห้อง
วางกระเป๋าสัมภาระไว้อย่างลวกๆ
แล้วทั้งสองคนก็ออกไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารร้านเล็กๆด้าน นอก
สั่งอาหารของพื้นที่จานพิเศษมาสองสามอย่าง หลังจากที่กินอิ่มกันแล้วนั้น ถึงได้กลับไปที่โรงแรม “คุณผู้ชายทั้งสองท่าน ต้องขอโทษด้วยนะคะ!”
เพียงแต่ถูกพนักงานบริการตรงเคาน์เตอร์ตะโกนเรียกเอาไว้
พนักงานเดินเข้ามาพลางเอ่ยขอโทษออกมา
“ทําไมหรือ?”
“คือแบบนี้ค่ะ เนื่องจากว่าห้องพักของทางโรงแรมเต็มแล้ว ดัง นั้นทางเราขอคืนห้องของคุณผู้ชายทั้งสองท่าน นี่กระเป๋าของพวกคุณ วางอยู่ตรงเคาน์เตอร์นี่ค่ะ!”
จองห้องเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นก็เข้าพักแล้วด้วย
ผลปรากฏว่า ทางโรงแรมไม่มีการแจ้งใดๆ กลับเอากระเป๋า สัมภาระของลูกค้าออกมาเอง แล้วบังคับให้คืนห้อง
นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ
ส่วนพนักงานนั้นก็คงจะรู้ถึงจุดนี้อย่างแน่นอน ดังนั้น ใบหน้า จึงแดงขึ้น
“อะไรกัน? ให้พวกเราคืนห้อง? ผู้จัดการของพวกคุณอยู่ ไหน?”
ส่วนเถียเฉิงอดที่จะโมโหขึ้นมาไม่ได้ จึงตะคอกใส่พนักงานไป
พนักงานถอยหลังไปด้วยความตกใจ สายตาอดที่จะเหลือบ มองไปตรงมุมที่มีคนนั่งอยู่ในห้องโถงไม่ได้ ผู้หญิงคนที่กำลังนั่ง ดื่มชาอยู่กับคนที่มีลักษณะเหมือนบอร์ดี้การ์ด
“ไม่ต้องไปตะคอก ใส่เธอหรอก เกรงว่านี่ก็ไม่ใช่ความคิดของ เธออยู่เหมือนกัน!”
เฉินเกอกวาดตาไปมองยังผู้หญิงที่นั่งดื่มชาอยู่คนนั้น ก็พอจะ เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฉันมีเพื่อนต่างเมืองมาด้วยอีกสองคน ที่นี่เป็นโรงแรมที่ดี ที่สุดของเมืองไท่ เพราะฉะนั้น ฉันให้พนักงานให้พวกคุณคืนให้เอง พวกคุณจะพักหาอื่น” ผู้หญิงคนนั่งบน
และในขณะเดียวกันมองมาสายดูถูกเหยียดหยาม
คุณคิดคุณเป็นใคร? มาให้พวกเราห้องคุณบอกให้คืนก็ต้องคืนอย่างนั้นหรือ
เถียเดินยังด้านหน้าของผู้หญิงนั้นด้วยความโมโห
ส่วนมุมปรากฏขึ้นมา
แล้วเรียบร้อยแล้ว
แล้วตรงมาทางเถียเฉิง
“เจ้าเด็กน แหกตาแกดูหน่อย คือคุณหนูใหญ่ซีเหมิน แกไม่ อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึไง
บอดี้การ์ดเอ่ยมาเสียงดัง
“ฉันสนหรอกอนุญาตจากพวกเรา ใครให้คุณเข้าไปในห้องของพวกเรา สอง?
เถียเฉิงกำหมัดของตัวเองแน่น คิดจะลงไม้ลงมือ แต่บอร์ดี้การ์ดได้ยินพูดที่ดูถูกเถียเฉิงแล้วนั้น ก็เตรียมพร้อมแล้วด้วยเช่นกัน
“ช่างเถอะเถียเฉิง พวกเรามาที่นี่เป็นครั้งแรก อย่าหาเรื่องเลย
ในเมื่อเพื่อนของคุณหนูใหญ่ซีเหมินจะมา ถ้าอย่างนั้นพวกเรา ถอยไปเองก็ได้ครับ!”
ถึงแม้ว่าเฉินเกอจะโมโห แต่ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปคิดเล็กคิด
น้อยกับเรื่องเล็กๆเหล่านี้
ในตอนนั้นเขาจึงตบไหล่ของเถียเฉิง แล้วลากกระเป๋าเดินทาง เดินออกไปทั้งสองคน
ปีง!
ผลปรากฏว่า บอดี้การ์ดคนหนึ่งใช้เท้าเตะกระเป๋าเดินทาง ของเฉินเกอ กระเป๋าเดินทางของเขาลอยออกไป แล้วโดนตู้ปลา ในห้องโถงนั้น
เคร้ง เสียงกระจกแตก และเสียงน้ำไหลดังขึ้นภายในห้องโถง
“พวกแกยังคิดจะไปอีกหรือ?”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ