ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่413 ตระกูลโม่แห่งเขียนจึง



บทที่413 ตระกูลโม่แห่งเขียนจึง

“วันนี้พ่อแค่ต้องการจะตามลูกมาคุยก็คือมีแค่เรื่องๆ ลูกเองก็ โตขนาดนี้แล้ว เบื้องหลังมากมายที่ตระกูลเฉินจําเอาไว้ ลูกเองก็ ควรจะรู้เอาไว้!”

เฉินจิ้นตงตบบ่าของลูกชาย

“สัญลักษณ์แบบนี้ ก็เหมือนคำสาปของปีศาจ มีคนเรียกมันว่า สัญลักษณ์ไท่หยางเหมิง แต่ว่าทุกคนที่ได้รับสัญลักษณ์นี้ ไม่เกิน สามวันจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น!!

“ยี่สิบปีก่อน อาสองของลูกก็เป็นอย่างนี้ ยี่สิบปีให้หลัง เรื่องๆ นี้ของมู่หานก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน!

เฉินจิ้นตงพูดขึ้น

“ลุงฟู เคยพูด ว่าคำสาปของปีศาจแบบนี้ยี่สิบปีจะปรากฏขึ้น หนึ่งครั้ง จะต้องมีคนหาย แถมขอแค่ได้รับเอาไว้ ทุกคนก็ไม่มี ใครสามารถหนีพ้น!”

เฉินเกอพูด

เฉินจิ้นตงส่ายหน้า “อะฟู เขาพูดถูกแค่ครึ่งเดียว ที่จริงแล้ว คนที่ได้รับสัญลักษณ์แบบนี้ ควรจะต้องหายไปทุกคน แต่ว่าตอน หลังพ่อถึงได้ตรวจพบว่า มีคนได้รับสัญลักษณ์แบบนี้แต่ว่าตอน สุดท้ายก็ยังคงมีชีวิตรอดกลับมา!
ดวงตาของเฉินเกอเฉิดฉาย

“คนๆนั้นโดนคนอื่นช่วยเอาไว้ เขาได้บอกเบาะแสบางอย่าง

กับพ่อ และก็เพราะว่าเบาะแสพวกนี้ อาสองของลูกแล้วก็มหาน พวกเขาทั้งคู่ดูคล้ายว่าจะโดนลักพาตัวไป “โดนลักพาตัว? ตกลงเป็นใครกันแน่ที่มีความสามารถมาก

ขนาดนี้?”

เฉินเกอราวกับว่ามองเห็นความหวังครั้งใหม่อีกครั้ง

“เรื่องนี้ก็ไม่รู้ แต่ว่า ยังเสียเรื่องพวกนี้ก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้ว แถมยังไม่มีร่องรอยอะไรอีก คิดอยากจะตรวจสอบ ใช้แค่ ตระกูลเฉินของเราอาจจะไม่ได้!!

เงินเกอพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้วครับคุณพ่อ คุณพ่ออยากจะ ตามหาคนที่มีชีวิตรอดกลับมาคนนั้นใช่ไหมครับ?”

เฉินจิ้นตง ส่ายหน้าแล้วยิ้มเจื่อนๆ “ไม่ ที่จริงแล้วหลังจากที่ คนๆนั้นมีชีวิตรอดกลับมาได้ ก็มีชีวิตอยู่อีกแค่สิบห้าปีเท่านั้น หกปีก่อน เขาได้ตายไปแล้ว อยากจะหาก็คือคนที่จะมาเป็นผู้ช่วย ของพวกเรา จะต้องไปเชิญตระกูลที่ช่วยเขาออกมาจากถ้ำเสือใน ปีนั้น!”

“ขอแค่พวกเขายอมที่จะยื่นมาเข้ามาช่วย อย่างนั้นก็เป็นแค่ เรื่องง่ายๆ!”

พูดจบ ก็มองไปด้านเฉินเกอแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ลูกชาย ลูกว่าตอนนี้ตระกูลอันดับหนึ่งคือใครกัน?”
“แต่ก่อนเป็นตระกูลฟางที่ได้รับเกียรตินั้น แต่ว่าผมได้ยินลุง ฟู พูดว่าตอนนี้ตระกูลเฉินของเราคือตระกูลอันดับหนึ่ง!

“อืมๆ ถูกต้อง แต่ว่าตระกูลเฉินของพวกเรา เป็นแค่ตระกูลที่ ร่ำรวยมากที่สุด ถ้าเกิดว่าจะพูดถึง โดยรวมแล้ว คนที่เก่งกว่าตระ กูลเฉินของพวกเรายังมีอีกหลายตระกูล!

“อย่างเช่น…..เยี่ยนจิงตระกูลโม่!”

“เยี่ยนจิงตระกูลโม่?”

เยี่ยนจิงตระกูลหลง ตระกูลฉิน เฉินเกอเคยได้ยินมาแล้ว แต่ ว่าตระกูลโม่ ไม่เคยได้ยินเลย

เฉินเกอประหลาดใจและสงสัย

แต่ว่าในพูดคุยกับคุณพ่อในครั้งนี้ ทำให้เฉินเกอได้รู้เรื่องที่แต่ ตัวเองคิดก็ยังคิดไม่ถึง

“ถูกต้อง ปีนั้นคนๆนั้น ก็คือคนที่เยี่ยนจึงตระกูลโม่เป็นคน ช่วยชีวิตเอาไว้ แถมตระกูลโม่สิ่งที่เก่งที่สุดก็คือสายเลือดของ พวกเขามีมากกว่าที่คนธรรมดาสามารถจินตนาการได้ คนของ ตระกูลโม่ โดยกำเนิดที่มีความสามารถมากกว่าคนทั่วไป พวก ตระกูลโม่กิจกรรมส่วนมากก็เกี่ยวกับทหาร รวมไปถึงแกงค์ดา กอนสุดลึกลับของหัวเซีย! เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลที่ร่ำรวย ตระกูลไหนก็ไม่สามารถเทียบได้!”

“เพราะว่าถ้าเกิดพวกเขาคิด พวกเขาสามารถทําการฆ่าคน โดยไม่มีร่างหลงเหลือ รวมไปถึงการ์ดรักษาความปลอดภัยระดับสูงของตระกูลเฉินของเรา! หลายปีมานี้ตระกูลเฉินของเรา ก็พยายามชนะด้วยการประนีประนอมพวกคนเก่งๆหลายคนมา ตลอด พยายามที่จะสะบัดตัวเองให้หลุดออกจากการข่มขู่ต่างๆ จากตระกูลพวกนี้ เหอะๆ แต่ว่าระยะทาง ที่จริงแล้วยิ่งมากขึ้น เรื่อยๆ!”

เฉินเกอตกตะลึงอ้าปากค้างจนเหมือนคนโง่ ถ้าเกิดว่าไม่ได้ หลุดออกมาจากปากพ่อ เฉินเกอเองก็ไม่กล้าจะคิดว่านี่คือเรื่อง

จริง

แต่ว่าเฉินเกอเองก็ไม่ได้นับว่าน่าแปลกใจนัก

ตัวเองที่ได้ประสบพบเจอกับบอดี้การ์ดเทียนหลงหู แล้วยังมี คุณลุงฉินที่ไม่ธรรมดาอีก พวกนี้นับว่าอยู่ในขอบเขตที่พวกคน ธรรมดาไม่อาจจะคาดถึงได้

“วันนั้นสองพี่น้องบอดี้การ์ดเทียนหลงหูทั้งสองคน กับ ตระกูลโม่เทียบกันแล้วเป็นยังไงบ้าง?

เฉินเกอถามขึ้น

“บอดี้การ์ดเทียนหลงตี้หู? เหอะๆ เลือกเด็กอายุสิบสองสิบ สามสักคนจากตระกูลไม่สามารถที่จะล้มพวกเขาทั้งสองคนได้ ด้วยมือเดียว!”

เฉินเกอสอบกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว

อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าลุงฉินกับตระกูลโม่เทียบกันแล้ว จะเป็นยังไง?
แต่ว่าปัญหานี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาที่เฉินเกอจะต้องไป พยายามหาคำตอบ ถ้าเกิดว่าตระกูลโม่ที่แสนจะเก่งกาจ สามารถลุกขึ้นมาช่วยเหลือได้ล่ะก็ ก็นับว่าได้ว่าเป็นพลังที่ยิ่ง ใหญ่อยู่ระดับนึงเลย

“ตระกูลโม่นับว่าอยู่ในชาติพันธุ์ลับ ถ้าเกิดว่าไม่ได้มีเรื่องที่ จําเป็นจริงๆ พ่อเองก็ไม่อยากจะมีการติดต่อกับพวกเขา แต่ว่าอา รองของลูก บนตัวเขายังมีส่วนเกี่ยวข้องกับความลับที่สำคัญของ ตระกูลเฉินของพวกเรา ถ้าเกิดว่าอารองของลูกเป็นอะไรขึ้นมา อย่างนั้นตระกูลเฉินของเราก็คงมั่งคั่งได้อีกไม่นาน บางทีพอถึง รุ่นของลูกอาจจะจบลงก็ได้ ดังนั้น พ่อเองก็ไม่มีวิธีแล้ว!”

ตามปกติเฉินจิ้นตงเองก็มีเรื่องที่เป็นกังวลของตน

ไม่ใช่แค่พวกคอนเนคชั่นต่างๆ ที่ทำให้เฉินจิ้นตงนั้นไม่หมด หวังในการตามหา เรื่องความเป็นมาของตระกูลเฉิน ก็เป็นอีก หนึ่งเหตุผลหนึ่ง

“ความเป็นมาของตระกูลเฉิน?”

เฉินเกอถามขึ้นด้วยความสงสัยอีกครั้ง

“อืม แต่ว่าเรื่องนี้จะไม่พูดในตอนนี้ ในตอนนั้นพ่อเองก็ฟัง จากที่คุณบอกพ่ออีกทีหนึ่ง ตอนนี้อันดับแรกก็คือจะต้องขอ ความช่วยเหลือจากตระกูลโม่!

“พ่อ พ่ออยากให้ผมไปลองเจอพวกเขาสักครั้ง?”

เฉินเกอถาม
“ถ้าเกิดว่าง่ายๆแบบไปลองเจอสักครั้งพ่อก็คงไปตั้งนานแล้ว จะต้องมานั่งรอนานขนาดนี้เหรอ พ่อบอกแล้ว ตระกูล ไม่เป็นก ลุ่มชาติพันธุ์ลับ พวกเขาไม่เคยยื่นมาเข้ามาสอดแทรกในโลก ความเป็นจริงเลย แต่ว่า มีคนๆหนึ่งบางทีอาจจะเชิญตระกูลโม่ ออกมาจากเขาได้!”

“ใครครับ?”

“คนนั้นก็คือคุณยายของลูก!

“ยายของผม?”

เงินเกอชะงัก ตั้งแต่เล็กจนโต เฉินเกอเองก็รู้ ว่าทั้งพ่อและแม่ อ่อนไหวต่อหัวข้อของคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายมากๆ ขนาดที่ว่าถ้าถามมากอาจจะโดนตีได้

ครั้งก่อนที่โดนตี จำได้ว่าเป็นตอนเจ็ดขวบ เฉินเกอถามคน

อื่นๆ มีคุณปู่คุณย่ากันหมด แล้วตัวเองล่ะ? คุณแม่ที่อ่อนโยนกับตัวเองมาตลอด ตอนนั้นก็คือตบเข้าที่ หน้า ทำให้ตัวเองไม่สามารถถามต่อได้

หลังจากตอนนั้น ก็ราวกับว่าเป็นแค่เป็นสิ่งเลือนราง รวมถึง พี่สาวเฉินเสี่ยวก็ด้วย ใครๆก็ไม่พูดถึงคนรุ่นก่อนหน้า

“ไม่ผิด ตอนนี้เธอเป็นผู้นำของเยี่ยนจึงตระกูลหยาง เมื่อก่อน ยายของลูกกับตระกูล โม่เคยมีการติดต่อกัน ถ้าเกิดว่าครั้งนี้ ยายของลูกสามารถออกหน้าได้ล่ะก็ ก็มีสิทธิ์ที่อาจจะโน้มน้าว ตระกูลโม่ได้!”
เฉินจิ้นตงพูด พูดไปก็ขมวดคิ้ว “พ่อกับแม่ไม่สะดวกที่จะไป เจอท่าน แต่ว่าลูกไม่เหมือนกัน บุญคุณความแค้นของพวกเรา เชื่อว่าคงไม่ได้ตกลงไปอยู่กับลูกด้วย เพราะฉะนั้นจะสามารถ โน้มน้าวเธอได้ไหมก็ขึ้นอยู่กับลูกแล้ว!”

หลังจากนั้น พ่อก็เรียกคุณแม่หยางยู่ฝั่งเข้ามา

มองออกว่าแม่เองก็อ่อนไหวไปกับเรื่องคุณยายมากๆ หลัง จากที่ได้ยิน สีหน้าก็มืดลง

แต่ว่า ครั้งนี้เฉินเกอลองทำใจดีสู้เสือถามขึ้น ตกลงว่า ในตอน นั้นมันเกิดอะไรขึ้น ยังมีได้ยินลุงฟู บอกว่า คุณปู่ก็ยังมีชีวิตอยู่ เหมือนกัน แล้วคุณล่ะ?

ตกลงว่า ในปีนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?

ส่วนคุณแม่ ครั้งนี้ก็ไม่ได้โกรธ ก็แค่ขอบตาแดงผ่าวดูมีน้ำตา เอ่อเล็กน้อย แล้วเล่าเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นให้ฟัง

“เป็นเพราะว่ากฎระเบียบบ้าๆของตระกูลหยาง

คุณแม่พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด

ที่แท้ปีนั้นที่ช่วงสุดท้ายที่คุณพ่อยังเลี้ยงตัวเองแบบลำบาก ยากจน เท่ากับเป็นช่วงก่อนหน้านี้ของเฉินเกอ ก็คือตอนที่มีเงิน แต่ว่าไม่สามารถที่จะแสดงตัวตนของตัวเองได้

ในตอนนั้น คุณพ่อก็ได้รู้จักกับคุณแม่ของคุณหนูใหญ่ของ เยี่ยนจิงตระกูลหยาง…….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ