ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 741 งานเลี้ยงที่หงเหมิน



บทที่ 741 งานเลี้ยงที่หงเหมิน

ต้วนเฟิงเมื่อได้ฟังแล้วก็พยักหน้า แล้วได้พูดขึ้นว่า “อาจารย์ ผม เจ้าเข้าใจความหมายของท่านแล้ว ต่อจากนี้ ผมรู้แล้วว่า ควรจะ ทําอย่างไร”

เขาได้ยิ้มอย่างนิ่ง ๆ และในใจคงกำลังจะมีแผนการอยู่

เฉินเกอ เสนอราคามาสูงอย่างนี้ แน่นอนว่า

ผู้คนที่จำนวนมาก ย่อมไม่กล้าที่จะแข่งด้วย

และส่วนแฟนคลับสาว ๆ ของต้วนเฟิง ในเวลานี้ ต่างก็พากัน มองเฉินเกอด้วยอาการตกใจ ซึ่งคิดไม่ถึงว่า คนที่ดูธรรมดา อย่างนี้ จะมีฐานะที่คาดไม่ถึง

และยิ่งไปกว่านั้น คนที่ทำหน้าทำตาใส่เฉินเกอในตอนแรก ๆ หรือผู้หญิงที่พยายามจะยั่วยุให้เฉินเกอเคลิ้มหลงนั้น จะทำให้เงินเกอรู้สึกชอบได้อย่างไร

และเฉินเกอเอง ก็ได้ใช้เงินเป็นจำนวนมาก ซื้อแส้ขนหางจามรี

ซึ่งเขาก็มีความคิดนี้อย่างนี้อยู่

ถึงแม้ว่า เงินแค่นี้ในสายตาของเฉินเกอนั้น จะมีค่าไม่มาก แต่ ว่า เฉินเกอใช่ว่าจะเอาเงินมาใช้เล่น ๆ

ที่ทำอย่างนี้ ก็เพราะว่าต้องเห็นแก่หน้าของผู้จัดงาน เพราะอีกอย่าง ตัวเองก็ต้องสืบเรื่องความเป็นมาของแส้ขนหางจามรี

เมื่อเงินกอได้เสนอข้อเรียกร้องขึ้น พนักงานเลยได้ไปเชิญผู้

จัดการของพวกเขามา

ผู้จัดการคนนี้ แซ่หวาง เป็นคนในวัยกลางคน

“ขอบพระคุณ คุณชายเฉินที่สนับสนุน จนได้กลายเป็นผู้

ประมูลรายใหญ่ ในงานนี้ นี่คือ นามบัตรของผมครับ

ผู้จัดการหวางพูดด้วยกิริยาที่นอบน้อม

“ผู้จัดการหวาง ผมอยากจะถามคุณสักเรื่องหน่อย แส้ขนหาง

จามรีอันนี้ มีความเป็นมาอย่างไรหรอครับ” เฉินเกอ ได้ถามไปอย่างตรง ๆ

“อันนี้หรอ คุณชายเฉิน คุณก็รู้ หากยังไม่ได้รับการอนุญาต จากเจ้าของเดิม พวกเราเอง ก็ไม่สามารถที่จะละเมิดเนื้อหาที่อยู่

ในสัญญาได้เหมือนกันครับ

ผู้จัดการหวาง พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

“แต่ว่า ครั้งนี้ คุณชายเฉินเสนอราคามามากขนาดนี้ ผมเอง ก็

พอจะบอกได้นิดหน่อยครับ”

ในระหว่างที่เขากำลังจะบอกนั้น

ทันใด ก็มีวัยรุ่นคนหนึ่งเดินตรงมายังผู้จัดการหว่าง

วัยรุ่นคนนี้ ได้เหลือบมองไปที่เฉินเทียนกางและคนอื่น ๆ ก่อน จากนั้น ก็กระซิบไปที่ข้างหูของผู้จัดการ
หวางอย่างเบา ๆ

จากนั้น ก็เห็นผู้จัดการหวางตาค้างเบิกโต แล้วก็พยักหน้าใน

ทันที

“ฉันเข้าใจแล้ว”

จากนั้น วัยรุ่นคนดังกล่าวก็ได้เดินกลับออกไป “เป็นยังไงครับ จะพอบอกได้ไหมครับ

เฉินเทียนกางเหลือบมองไปที่วัยรุ่นคนดังกล่าวเช่นกัน จากนั้น ก็ได้มองไปที่ผู้จัดการหว่าง

“นี่มันแน่นอนอยู่แล้วครับ แต่ว่า ยังไม่ต้องรีบดีกว่า คุณชาย เฉินครับ ท่านประธานเฉิน เพื่อนของผม ที่จริงเขาก็อยากได้แล้ ขนหางจามรีชิ้นนี้เหมือนกัน ซึ่งเขาสนใจมาก เฮอะ ๆ ตอนนี้ เขา เองก็ได้จองโรงแรมไว้แล้ว เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวพวกเราเป็น คนกลาง จากนั้น เราทั้งสองฝ่าย ค่อยไปตกลงราคากัน ถ้าเกิด ว่าตกลงราคากันสำเร็จ กำไรงามเชียวนะครับ”

ทันใด ผู้จัดการหวาง ก็มีทีท่าที่เปลี่ยนไป ถึงได้พูดกับเฉินเกอ แบบนี้

เฉินเกอเอง ก็เข้าใจความหมายของเขา

เรื่องนี้ ต้องเกี่ยวกับคุณชายต้วนเป็นแน่ หรือไม่ก็คงจะเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกตนก็เป็นได้ แส้ขนหางจามรีนี้ เกรงว่า ตัวเองคงจะเอามันไปง่าย ๆ ไม่ได้แล้ว

จากที่ได้ฟังคำพูดของผู้จัดการหวางแล้ว ทำให้รู้ว่า ตัวเอง คงจะไม่สำคัญเท่ากับคุณชายอ้วนหรอก

“อาจารย์เฉิน เอาอย่างไรดีครับ

เฉินเทียนกางถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงกังวล

“ในเมื่อมีคนเชิญแล้ว จะไม่ไปได้อย่างไรกันล่ะ งั้น พวกเราก็ ไปเจอกับเพื่อนของผู้จัดการหว่างคนนี้ก่อนแล้วกัน ไม่แน่ว่า ที่ พวกเราซื้อเจ้านี่มาในราคาพันล้าน อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวได้

เฉินเกอ พูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม ๆ

เฉินเทียนกางไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นอาจารย์เฉินพูดอย่างนี้แล้ว ตัวเองเลยไม่รู้จะต้องพูดอะไรต่อดี จึงทำได้แค่เพียง ทำตาม และก็มองไม่ทันว่า ผู้จัดการหวางนั้น หันกลับไปทำปาก

ขมุบขมิบใส่

ณ ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมจี้โจว

ภายในโรงแรม ดูเงียบไร้ผู้คน ห้องรับแขกที่หรูที่สุด

ประตูได้ถูกเปิดออก เฉินเกอกับเฉินเทียนกางและอีกหลาย ๆ คนได้เดินเข้ามา

“คุณอาเฉิน ไม่คิดเลยว่า พวกเราจะได้เจอกันอีกรอบ ในเวลา ที่เร็วอย่างนี้”
พอเดินเข้าไป ก็เห็นว่าต้วนเฟิงนั้น นั่งที่โต๊ะประธาน และก็ได้

ลุกขึ้น แล้วกล่าวทักทาย

“ต้วนเฟิง ที่แท้ก็เป็นนายหรอกเหรอ”

เงินเทียนกางพูดขึ้นด้วยอาการโกรธ

“คุณอาเฉิน อย่าเพิ่งโกรธไปเลย ผมบอกตรง ๆ เลยนะ วันนี้ที่ เชิญทุกคนมา นอกจากเพื่อที่จะรำลึกความหลังกับคุณอาเงิน แล้ว ยังมีแขกพิเศษคนสำคัญที่มาจากต่างเมืองอย่างคุณชาย เฉินด้วย”

ต้วนเฟิงพูดขึ้น

เมื่อพูดจบ ก็ปรบมือเป็นสัญญาณ “เด็ก ๆ เสิร์ฟชา”

ในเวลาไม่นาน พนักงานบริการก็ได้ยกชาเข้ามา แต่ว่า พอเปิดออกดู กลับพบว่า ข้างใน เป็นแค่ยอด ใบชา ชาที่สูงมากับน้ำร้อน กลิ่นก็เหลือจะทน

“ต้วนเฟิง นายจะทำอะไรของนาย

เฉินเทียนกางถามด้วยอารมณ์โกรธ เห็นได้ชัดว่า ที่ต้วนเฟิง ได้เชิญทุกคนมานั้น แต่กลับไม่ได้เป็นที่พอใจของต้วนเฟิงเท่าไร นัก

“เฮอะ ๆ ก็เชิญท่านทั้งสองมาดื่มชาสิครับ”

ต้วนเฟิงพูดด้วยอาการที่ชอบอกชอบใจ
“ดื่มชา นมันไม่อยากหรอก ส่วนอันนี้ อีกสักพักค่อยว่ากัน คุณชายอ้วน ใช่ไหม นายบอกมาเลยว่า จุดประสงค์ที่เชิญพวก เรามานี้ คืออะไร หากว่าจะพูดถึงเรื่องราคา ก็ควรที่จะให้สูง ๆ หน่อย”

เฉินเกอพูดขึ้น พร้อมกับหันหน้าไปมองยังต้วนเพิ่ง

ในเวลาเดียวกันนั้น ด้านข้างของต้วนเฟิงก็มีผู้ฝึกตนชุดด่าคน หนึ่งนั่งอยู่อย่างนิ่ง ๆ

คนนี้ คงจะเป็น ผู้ที่คอยสนับสนุนและเป็นที่พึ่งของต้วนเพิ่ง

เฉินเกอคิดในใจ

“ได้ คุณชายเฉินเป็นคนใจถึงดี งั้น ผมจะพูดตรง ๆ เลยนะ แส้ ขนหางจามรีนี้ เป็นเครื่องราง และเครื่องรางอันนี้ มีประโยชน์ อย่างมากกับผมม้วนเฟิง ดังนั้น ผมเลยอยากจะซื้อมันต่อจากคุณ ชายเฉิน หากคุณไม่เชื่อ ก็ลองถามผู้จัดการหวาง ตั้งแต่เด็กจน โต ผมต้วนเฟิง อยากได้อะไร ก็ต้องได้อันนั้น และก็ไม่มีสิ่งใดที่ต้ วนเฟิงอยากได้ แล้วจะไม่ได้มัน

ต้วนเฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งยโส

แล้วผู้จัดการหวางที่ดูอยู่ข้าง ๆ ก็ได้พูดเสริมไปว่า “คุณชายต้ วนพูดถูก เรื่องจริงนะ คุณชายต้วนที่โจวนั้น เป็นคนที่อยากได้ อะไร แล้วต้องได้ ไม่มีใครหรอก ที่กล้าปฏิเสธ คุณชายเฉิน พวก คุณมาที่นี่เป็นครั้งแรก ผมว่านะ มาลองเป็นเพื่อนกันดู แล้วเอา แส้ขนหางจามรีอันนี้ ขายต่อให้กับคุณชายต้วนดีกว่า”
“ฝันไปเถอะ”

เฉินเทียนกางพูดด้วยอาการโกรธขึ้น

“งั้น ในเมื่ออยากจะซื้อ งั้นก็ลองเสนอราคามาดู พวกคุณว่า ราคาเท่าไร เดี๋ยวฉันจะพิจารณาเองว่า จะขายดีไหม

เฉินเกอเองก็รู้ว่า เจตนาของต้วนเพิ่งที่เชิญมา ไม่ดีแน่ และอีก อย่างงานเลี้ยงนี้ มันก็เป็น งานเลี้ยงหงเหมิน งานเลี้ยงที่จัดขึ้น เพื่อสังหารแขก โดยเฉพาะ)ด้วย

ดังนั้น เฉินเกอจึงรู้ได้ว่า ต่อไป ตัวเองควรจะทำอย่างไร

“ดีมาก หากทําตามอย่างที่ผมต้องการ ถ้าผมเสนอราคาแล้ว คุณต้องพอใจแน่ ๆ เพราะจำนวนเงินนั้น มากจนกระทั่งคิดว่าผม กำลังดูถูกพวกคุณอยู่ เอาอย่างนี้ พวกคุณเป็นคนใจถึง ผมเพิ่ม ให้เป็นสิบเท่าเลย

เมื่อพูดจบ ต้วนเฟิงก็ได้ล้วงเงินจากกระเป๋า จำนวนสิบหยวน

ออกมาวางไว้บนโต๊ะอย่างช้า ๆ

แถมยังมีสีหน้าที่กำลังดูถูก แล้วดันเงินนั้น ไปยังตำแหน่งที่

เฉินเกออยู่

พ่ว!

ผู้จัดการหว่างที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้

เฮอะ ๆ คุณชายต้วนก็เป็นคนอย่างนี้แหละ อีกอย่าง เรื่องแบบ นี้ เขาก็ใช่ว่าจะเห็นเป็นครั้งแรก
คุณชายต้วนเป็นใคร เป็นคุณชายที่มีแต่คนรู้จัก ในโจวนะ ใครล่ะ จะกล้าหาเรื่องด้วย

จําได้ว่าครั้งก่อน มีนักธุรกิจมาจากที่อื่น ใช้เงินจำนวนห้าสิบ ล้านประมูลแจกันดอกไม้โบราณไป แต่ว่า คุณชายอ้วนเองก็ชอบ อันนั้นเหมือนกัน

ก็เลยได้ใช้วิธีการเดียวกันกับครั้งนี้ ที่เชิญมาทานข้าวก่อน

จากนั้น ก็จ่ายเงินแค่ห้าเหมา แล้วก็ได้แจกันใบนั้นไปเลย

แต่ว่า นักธุรกิจคนนั้นไม่ยอม ชีวิตของสมาชิกในครอบครัว ทั้งหมด ต่างก็ได้จบลงที่นี่

นี่แหละคือ คุณชายอ้วน จอมมารแห่งโจว คุณชายตัวน ผู้จัดการหวางคิดในใจ

และเห็นว่า เฉินเทียนกางนั้น ขอบตาเริ่มแดงแล้ว

ผู้จัดการหวางรู้สึกสงสารพวกเขา เลยพยายามทำตัวเป็นผู้ ไกล่เกลี่ย แล้วพูดขึ้นว่า “ทุกท่าน ผมอยากจะเตือนทุกท่านนะว่า รับเอาไว้เถอะ นี่คุณชายต้วนได้ให้สิบเท่ากับพวกคุณแล้วนะ”

คุณชายต้วนก็ได้จุดบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวน แล้วพูดขึ้นว่า “ทิ้งแล้ หางขนจามไว้ที่นี่ ไม่งั้น ทุกคนจะไม่รอด”

ค่าพูดของเขา ฟังดูง่าย ๆ ราวกับว่า การฆ่าคนของเขานั้น จะ ดูเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว…….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ