บทที่ 728 การกลับมา
สุดท้ายสามารถหลบหนีไปได้จากการช่วยเหลือจากเงินผิงอัน แต่เป็นไปอย่างที่เฉินผิงอันคาดการณ์ไว้ เมื่อช้าไปหนึ่งตัวเอง จึงหนีไม่รอด
จิ๋วโล่หวางกับกู่เยวคือคนบ้านตระกูลเข้ามาสกัดกั้น ในชั่ว พริบตาเดียว
เฉินผิงอันถูกสกัดจับตัวไว้
ช่วงนี้ตระกูลกับจิ๋วโล่หวางไม่เคยละทิ้งการตามหาเลย บัดนี้เฉินเกอเป็นปรปักษ์กับพวกเธออย่างไม่สามารถคลี่คลาย ได้แล้ว
ซึ่งมันไม่ใช่เกี่ยวพันกันแค่ผลประโยชน์เท่านั้น!
และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือทั้งสองคน โดยเฉพาะ
อานาจการข่มเหงของจิ๋วโล่หวาง
เขาจึงไม่ได้ต่อต้านอะไร
ให้คนของตระกูลกู่จับตัว
“โลจื่อเยียนล่ะ? ”
จิ๋วโล่หวางปรากฏตัวเป็นร่างของคนแล้วถามด้วยเสียงเลือกเย็น
“เห็นชัดแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนที่คุณจะเข้ามาถึง เธอได้หนีไป แล้ว และยากนักที่คุณจะจับเธอได้! “
เงินผิงอันเผยสีหน้าเย้ยหยันพลางเอ่ยพูด
“แล้วเฉินเกอล่ะ?”
เยวซื้อถูกความแค้นครอบงำจนดวงตาทั้งคู่แดงลิ่ม บัดนี้ ถามขึ้นมา
“ฮ่าๆ เสี่ยวเกอก็ไม่อยู่ตั้งนานแล้ว พวกคุณทำเสียงดังใหญ่โต แต่กลับไม่ได้รับอะไรเลย คนที่อยากตามจับก็ไม่เจอสักคน
เฉินผิงอันมองพวกเขาอย่างเย้ยหยัน
“ไอ้บ้าเอ้ย!
จิ๋วโล่หวางระเบิดความโกรธ
“คุณเหมือนจะรู้สึกว่าคนที่พวกเราหาได้หนีไปหมดแล้ว คุณจึง มีท่าทางที่ได้ใจ แต่อันที่จริงคุณคิดผิดแล้ว เมื่อเทียบกันแล้วคุณ
ก็ถือว่าเป็นหมากรุกตัวสำคัญอันหนึ่ง
จิ๋วโลหวางมองเฉินผิงอันพลางพูดขึ้นมา
“ผม? ”
“ใช่ เพียงแค่จับตัวคุณไว้ก็ไม่ต้องกังวลว่าเฉินเกอจะไม่มาหา ถึงที่ คุณเป็นลุงสองของเฉินเกอ
จิ่วโล่หวางกล่าว
“แต่ว่า ตอนที่เสี่ยวเกอมา ผมเกรงว่าพวกคุณจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ ของเสี่ยวเกอนะ!
เฉินผิงอันยังคงยิ้มเย็นอยู่เหมือนเดิม
แต่เห็นได้ชัดว่าจิ๋วโล่หวางไม่มีกะจิตกะใจจะคุยกับเฉินผิงอัน ต่อ เขาอยากจะไปตามจับโล่จื่อเยียนทันที
“กู่เยวคือ ทางนี้มอบหมายให้คุณดูแลก่อน ตระกูลของพวก คุณรีบควบคุมบ้านตระกูลเฉินไว้เร็วๆ พอถึงเวลานั้นเฉินเกอจะ โผล่ออกมาจากผิวน้ำ มาติดกักเสียเอง
จิ่วโล่หวางสั่งการ
“ค่ะ! เจ้าสำนัก
ก่เยวนือตอบ
พอเธอเงยหน้าขึ้นมาก็ไม่เห็นเงาของจิ๋วโลหวางแล้ว
“ถ้าเฉินเกอมาแล้ว คงอยากที่จะหนีไปได้อีกครั้ง!
เยวคือพูดต่อหน้าเฉินผิงอันอย่างเย็นชา
“ส่วนคนที่หนีออกจากเมืองไทตอนนี้ตกอยู่ในมือของฉันแล้ว เฉินเกอก็ต้องมาแน่ๆ! ”
“ใช่ ผมก็รู้ว่าเสี่ยวเกอต้องมาแน่ๆ!
เฉินผิงอันคิดไม่ถึงว่าสาเหตุที่พวกเงี่ยนนั้นกลับมาไม่ถึง เป็น เพราะตกอยู่ในเงื้อมมือของตระกูลกับจิ๋วโล่หวาง
อันที่จริงหลายวันก่อนเฉินผิงอันก็มีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่อง กับพวกเธอขึ้นแน่
แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกตระกูลกับสำนักฟีนิกซ์ที่มีอำนาจ ใหญ่หลวงเป็นผู้ลงมือ
และเป็นอย่างที่เทพจื่อเยียนได้พูดไว้ทุกอย่าง
เมื่อมาถึงจุดๆหนึ่ง เรื่องราวส่วนมากทั้งหมดคนอื่นจะเป็นได้ แค่คนเฝ้ามองที่ไม่สามารถทำอะไรได้ พอถึงเวลานั้น คนที่ สามารถยืนออกมาได้ก็มีเพียงเฉินเกอเท่านั้น!
ตอนนี้……เสี่ยวเกอ ต้องพึ่งหลานคนเดียวแล้ว!
ห้าวันให้หลัง
บนเกาะ
บัดนี้พระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า คลื่นทะเลพัดผ่านไปมา
มีนกนางนวลตัวหนึ่งที่กำลังหาอาหารอยู่นั้นได้บินเข้าใน ภายในเกาะ
ค่อยๆบินมาพักอยู่บนยอดกิ่งที่เขียวขจีที่หนึ่ง
โครมคราม!
ไม่นานก็ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนภายในตัวเกาะแห่งนี้ จากนั้นดวงตาของนกนางนวลคู่นี้ได้สะท้อนภาพที่ตระการตาขึ้นมา
เห็นพื้นผิวเกาะได้แตกแยกเป็นสองส่วน ซึ่งอัตราการความเร็ว
ในแตกแยกสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นก็แยกเป็น และคลื่นทะเลรอบๆตัวเกาะดุจดั่งคลื่นยักษ์สึนามิที่เริ่มซัดเข้า
ธารน้ำสายใหญ่
มาอย่างบ้าคลั่ง
และบนท้องฟ้าไม่รู้เป็นเพราะอะไร ชั่วพริบตาเดียวจากที่ ท้องฟ้าปลอดโปร่งก็กลับกลายเป็นมืดมิดและเต็มไปด้วยสายฟ้า
สายแลบประสานกันกับฟ้ามืด
ดวงตานกนางนวลตัวนี้จึงได้เผยความหวาดผวาเป็นอย่าง
มาก มันตัวสั่นไปทั้งตัว จากนั้นก็บินออกจากยอดกิ่งไม้ พยายามสุดกำลังที่จะบินหนี
ออกไปให้ไกลพ้น
มันต้องเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้ว ถึงได้บินหนีอย่างหวาด ผวาขนาดนี้
เปี๊ยง!
มีแสงฟ้าประกายออกมาอย่างบ้าคลั่ง
จากนั้นก็เห็นแสงสายหนึ่งประกายออกมาจากกลางเกาะ และที่มีของแสงอันนี้คือกลางเกาะที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งขัดตะมาดไว้
ชายหนุ่มคนนี้ ถึงแม้จะอยู่บนเกาะร้าง
รอบๆตัวมีลมกระโชกแรง และคลื่นทะเลที่หนักหน่วงกำลังส่ง เสียงมาอย่างไม่ขาดสาย!
แต่บนร่างกายของเขากลับไม่มีฝุ่นละอองเปื้อนเลยแม้แต่นิด เดียว
ผิวของเขาขาวนวลผ่องใส่ร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วย ความดึงดูดใจ
แน่นอน หากใครเห็นเขาในตอนนี้คงจะต้องรู้สึกกลัว เพราะบนหน้าผากเหมือนจะแปลกประหลาดเหลือเกิน
มันไม่เพียงประกายแสงเจิดจรัส แต่ยังมีตาที่สามปรากฏขึ้น มาอย่างรางๆ และแสงที่เป็นประกายเจิดจรัสนี้ก็ได้เปล่งออกมา จากดวงตาข้างที่สามนั่นเอง
มันส่องประกายไปบนท้องฟ้าราวกับกวาดส่องทุกสิ่งอย่าง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ดวงตาบนหน้าผากเริ่มเก็บแสงที่ เปล่งประกายไว้ ส่วนชายหนุ่มก็ค่อยๆลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา
“คาดไม่ถึงว่าพรสวรรค์การบรรลุถึงขั้นที่หนึ่งจะทำให้ตัวเองมี พลังที่เพิ่มขึ้นมากเพียงนี้ นัยน์เทพศุภรวิเศษนี้ช่างน่าอัศจรรย์ใจ เหลือเกิน! ทำให้รู้สึกคาดไม่ถึงยิ่งนัก
บนใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้ ปกติจะเป็นความใจเย็นสุขุม แต่ตอนนี้กลับรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
และชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่เฉินเกอแล้วจะเป็นใครได้
เงินเกอปรับสมดุลร่างกายให้เข้ากับพลังได้มาเป็นระยะเวลา ห้าวันแล้ว
ในระยะเวลาห้าวันนี้ นอกจากพลังได้ก้าวหน้าไปไกลแล้ว เมื่อ สามวันก่อนเฉินเกอเริ่มรู้สึกว่าร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิด ปกติขึ้นมาบางอย่าง
ซึ่งก็คือบนหน้าผากเริ่มรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แล้วค่อยๆปวดแสบ เพิ่มขึ้น จนสุดท้ายเจ็บเหมือนกับการถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
สุดท้ายตัวเองถึงได้มีดวงตาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งดวง
และที่สำคัญเป็นดวงตาที่มีอภินิหารอันน่าอัศจรรย์
ดวงตาดวงนี้มีคุณสมบัติมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสามารถ จัดเก็บข้อมูลไว้ได้ เขาเคยลองมาแล้ว เฉินเกอใช้นัยน์เทพกวาด ส่องดูหนึ่งครั้ง ขอแค่ตัวเองปรารถนา ภาพทุกอย่างตรงหน้าก็จะ
ถูกจัดเก็บไว้ข้างใน และยังมีคุณสมบัติเตือนภัยด้วย คุณสมบัติอย่างที่สองคือสามารถมองไปยังที่ไกลพ้นได้ เมื่อกี้
เฉินเกอใช้นัยน์เทพส่องดูบนท้องฟ้า
คุณสมบัติที่สามคือมันมีพลังที่พิเศษบางอย่าง เฉินเกอตั้งชื่อ ว่าพลังเหนือธรรมชาติ
พลังเหนือธรรมชาติเป็นผู้มีจิตใจเมตตาคิดถึงชีวิตปวงชนเป็น หลัก และพลังสิ่งที่เหมือนจะสามารถชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ได้ สามารถเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดีได้!
คุณสมบัติอันที่สี่คือมีพลังการจู่โจมที่แรงกล้า ไม่ว่าจะจู่โจม อย่างเจาะจงในที่ไกลหรือการจู่โจมในที่ใกล้ ล้วนไม่เป็นปัญหา สําหรับมันเลย
ยิ่งไปกว่านั้นพลังการจู่โจมสิ่งนี้สามารถสร้างค่ายกลกระบี่ที่ ประหลาดขึ้นมาได้ด้วย
ขณะนี้เฉินเกอได้ฝึกฝนสิ่งเหล่านี้ออกมา
โดยเฉพาะอันที่สี่ ยากต่อการจินตนาการว่าถ้าพลังกายของ ตนได้เพิ่มทวีขึ้นมา พลังการจู่โจมนี้จะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน?
ตอนนี้เฉินเกอได้เรียนรู้พลังขั้นแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงตน
จะเผชิญหน้ากับจิ๋วโล่หวางก็จะสามารถสู้กับเขาได้สักทั้งหนึ่ง แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตนยังมีนัยน์เทพศุภรวิเศษค่อยเสริมกำลังอีก
ด้วย!
เฉินเกอรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก และขณะนี้นัยน์เทพศุภรวิเศษของตนเริ่มเปล่งประกายไม่หยุด “อืม? นี้เป็นสัญญาณแจ้งเตือนภัยของนัยน์เทพ”
เฉินเกอพูดในใจ
เขาคิดเชื่อมโยงกับตระกูลเฉินได้ในเวลาอันรวดเร็ว หรือลุง สองจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว?
เฉินเกอพูดอย่างพนิจพิจารณา
แต่เมื่อคิดดูแล้วตัวเองไม่ได้กลับไปนานห้าวันแล้ว ต้องเร่ง กลับไปให้เร็วที่สุด จึงเริ่มใช้เวทมนตร์ซุกซ่อนนัยน์เทพไว้ร่าง ของเขาก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว……..
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ