บทที่ 497 คนในครอบครัว
“ใช่ค่ะ ฉันอยากจะรบกวนให้คุณช่วยฝากบอกบริษัทเทียนหลง กรุ๊ป ว่าวงศ์ตระกูลหน่ายพอจะมีโอกาสไหม ที่จะได้ทานข้าว ด้วยกันกับเฉิงซางแห่งบริษัทเทียนหลงกรุ๊ปสักมื้อ นี่คือนามบัตร ของเหมยอค่ะ หวังว่าคุณจะช่วยบอกต่อนะคะ”
หน่ายเหมยจื่อก็ได้โค้งคำนับลงอีกรอบ
เฉินเกอรับนามบัตรนั้นมาดู
แล้วคิดในใจว่า ถึงแม้หวายเหมยจื่อคนนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็น คนสุภาพเรียบร้อย และเป็นผู้หญิงที่มีการศึกษาพอสมควร
แต่ว่า นี่มันเป็นวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น และหน่ายเหมยจื่อ
คนนี้ คงจะเจ้าเล่ห์ไม่เบา
ประเด็นคือ เฉินเกอเองก็ยังไม่รู้ว่า วงศ์ตระกูลผู้ดีหรูน่ายเป็น ตระกูลแบบไหนกันแน่
หลังจากคิดไปคิดมา เฉินเกอก็พยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า
“ได้ครับ ผมต้องบอกต่อให้แน่ ๆ ครับ คุณเหมยจื่อ แล้วเจอ กันนะครับ”
เฉินเกอพูดแล้วก็พยักหน้า จากนั้น ก็ได้เดินออกไป
และเมื่อเฉินเกอเดินออกไป ก็เห็นว่า ยายแก่อย่างซูหง ยังคง ยืนรออยู่ที่ด้านหน้าของงาน
ตอนนี ตัวแทนของผู้มีอิทธิพลทั้งสิบแปดเจ้า ต่างก็ได้เดินทาง มาถึงแล้ว และก็ส่งพวกเขาเข้าพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว แล้วเธอยัง รอใครอยู่หรอ
“แม่คะ คนมาครบหมดแล้วค่ะ พวกเราไปกันเถอะ”
ในเวลานี้ ยูจินเซียงก็ได้พูดขึ้น
“ครบอะไรกันล่ะ จะรีบไปไหน ยังมีอีกคนที่ยังมาไม่ถึง แขกคน นี้ ฉันจะต้องต้อนรับด้วยตัวเอง
ซูหงพูดขึ้น จากนั้น ก็ได้มองลงไปยังด้านล่างของเนินเขา
“อะไรคะ ยังมีอีกหรอคะ หนูคิดว่า บ้านพักที่หรูที่สุดในวิลล่า แห่งนี้ จะเหลือเอาไว้ให้พวกเราไปพักเสียอีก คงไม่ใช่เหลือไว้ให้ แขกที่ดูลึกลับท่านนั้นหรอกใช่ไหมคะ”
ยูจินเซียงได้พูดขึ้นอีกครั้ง
“แน่นอนสิ ถือว่าแกฉลาดนะนี่”
ซูหงพูดและยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ
“แม่คะ แขกที่มาในวันนี้นั้น ต่างก็เป็นคนสำคัญ ๆ ทั้งนั้น และ ต่างก็เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกสารทิศด้วย แล้วยังมีคนที่เก่ง และสำคัญกว่าแขกเหล่านี้อีกเหรอคะ”
ในขณะนั้น จินเฟยก็ได้ถามขึ้น
“มีสิ เหนือฟ้ายังมีฟ้า อิทธิพลและอำนาจของแขกคนสำคัญ แห่งตระกูลนี้ ไม่ใช่ว่า แขกที่มาในงานวันนี้นั้น จะเทียบชั้นได้
แล้วเธอก็ได้พูดต่ออีกว่า “นี่คือ ตอนที่ฉันอยู่ที่อเมริกานั้น ได้มี โอกาสเจอเข้าโดยบังเอิญ เธอเป็นคนที่มีกิริยาวาจาอ่อนหวาน เป็นเหมือนสตรีที่เพียบพร้อมคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเด็กว่าฉันสิบปี อายุน่าจะประมาณจินเฟยได้ แต่ว่า เมื่อเปรียบเทียบเธอกับแก แล้ว เหมือนฟ้ากับเหวเลยทีเดียว หากไม่ใช่ว่าสถานะที่แตกต่าง กัน ฉันนี่อยากจะเป็นพี่น้องกับเธอมาก
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
ยูจินเฟยพูดขึ้น ด้วยอาการประชด
“แกไม่เชื่อหรอ การเจอกันโดยบังเอิญนั้น ฉันยังได้พูดถึงเรื่อง โสมพันปีกับเธอด้วยนะ เธอเองก็ดูมีความสนใจมากเหมือนกัน และก็อยากจะได้มันไปครอบครอง คงไม่นานหรอก เดี๋ยวเธอก็ คงมา”
ซูห่งพูด
ซึ่งในขณะนั้นเอง ก็ได้เล่าเรื่องแขกสำคัญคนนี้ ให้กับลูกสาว ทั้งสองได้ฟัง
จะพูดไปแล้ว แขกคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เธอเองก็ไม่รู้ได้ แต่ รู้เพียงว่า เธอนั้นรวยมาก
และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชูหงนั้น ได้จัดกิจกรรมแบบนี้ขึ้นมา สามคนแม่ลูกที่กำลังคุยกันนั้น ก็มีเงินเกอที่คอยฟังอยู่ข้าง ๆ
อีกคน
ยิ่งเมื่อได้ฟัง ก็ยิ่งคิดว่าซูหงคนนี้ หัวหมอไม่เบา
และในเวลานี้ ด้านล่างของเนินเขา ก็ได้มีรถหรูขบวนหนึ่งมา จอด ซึ่งรถชนิดนี้ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนด้วย
มีบอดี้การ์ดที่มีสีหน้าเคร่งขรึมคอยนำทางให้ จากนั้น ก็มีผู้
หญิงสองคน เดินลงมาจากรถ
ผู้หญิงคนที่ยืนนำหน้าขบวน อายุประมาณยี่สิบห้าปีได้ ดูดีและ มีราศีมาก
ส่วนอีกคนก็ประมาณ ยี่สิบเอ็ด ยี่สิบสองได้ และผู้หญิงที่อายุน้อยคนนั้น ก็ควงแขนกับผู้หญิงคนที่มีอายุ มากกว่า ทั้งสองคนกำลังเดินขึ้นเนินเขามา
“เธอมาแล้ว”
ด้านซูหง ดีใจกระโดดโลดเต้นใหญ่ ส่วนยูจินเซียงสองพี่น้อง ก็ได้มองไปยังคนที่กำลังเดินมา
เฉินเกอลุกขึ้น และก็มองตามไปดูคนดังกล่าว
หงดีใจจนออกนอกหน้าไปหน่อย
จินเฟยสองพี่น้อง มองอยู่ไกล ๆ และก็สะดุดตากับความงาม ของผู้หญิงคนที่เดินนำหน้ามา
เพราะว่า เธอมีรูปโฉมที่งดงามมาก จนผู้หญิงด้วยกันยังต้อง
อิจฉา
ส่วนเฉินเกอ เมื่อเห็นคนที่กำลังเดินมาแล้ว หนังตาก็กระตุกขึ้นมาทันที
“พี่ลํานกับเสี่ยวเป้ยหรอ”
เฉินเกอเอง ก็เกือบจะพูดหลุดปากออกมา
ถูกแล้ว คนที่เดินมานั้น ไม่ใช่คู่หมั้นของตัวเองอย่างฉินหลาน แต่อย่างใด
แต่ทั้งสองคนนั้น เป็นคนในตระกูลเฉิน
ครึ่งปีแล้ว พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วครึ่งปี
ตั้งแต่ที่ตัวเองนั้น ได้จากตระกูลเฉินมา ไม่มีเวลาไหนเลย ที่จะ ไม่คิดถึงพวกเธอ
ไม่คิดเลยว่า ตัวเองจะได้เจอกับญาติของตัวเองเร็วขนาดนี้
เฉินเกอรู้สึกดีใจมาก
แต่ว่า ทันใน เฉินเกอก็พยายามคุมความรู้สึกของตัวเองลงได้ เรื่องที่ตัวเองหายไปนั้น ทำเอาคนในตระกูลทั้งหลาย ต่างก็ พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
หากว่า แสดงตัวออกไปตอนนี้ คงต้องโดนคนนำตัวกลับไปแน่
และสิ่งที่พยายามทำมาเกือบครึ่งปี คงต้องสูญเปล่าไป
ตอนนี้ ธุรกิจได้เริ่มก่อร่างสร้างตัวมา และอีกในไม่ช้าคงต้อง โดนตระกูลโม่จัดการหมดแน่
ไม่ได้ จะแสดงตัวตอนนี้ไม่ได้
เฉินเกอมองไปยังเสี่ยวเป้ยและฉินหลาน จากนั้นก็ได้เดินไปที่อื่น โดยไม่หันหลังกลับไปมอง
“น้องฉัน ในที่สุด คุณก็มา ซูหงพูดด้วยอาการดีใจ
“คุณคงรอนานมากแล้วนะคะ
ฉินหลานตอบกลับ พร้อมกับรอยยิ้ม
ในเวลานี้ ไม่ห่างออกไปมาก ก็เห็นจินเฟยดูมีสีหน้าที่ไม่ค่อย พอใจสักเท่าไร
กับสิ่งที่ซูหงนั้น ได้พูด และในขณะนี้ ฉินหลานก็เหลือบไปเห็นบางอย่าง สิ่งที่เห็นนั้น คือ เงา ที่กำลังเดินเลี้ยวเข้าห้องไป
“หืม?
“อะไรนั่น”
ไม่รู้ว่า ทำไม เมื่อฉินหลานเห็นเงานั่นแล้ว กลับรู้สึกแปลก ๆ
“เป็นอะไรไปเหรอ พี่สะใภ้
หยางเสี่ยวเป้ยได้ถามขึ้น
“ไม่……ไม่เป็นไร”
ฉินหลานรีบส่ายหน้า
การมา ในครั้งนี้ของฉินหลานนั้น ซึ่งก็มาเพื่อโสมพันปี และก็ เป็นคําสั่งของพ่อด้วย อีกอย่าง เมื่อก่อนเดินขึ้นลงก็เคยพูดเอาไว้ ว่า นี่มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่หายาก และตระกูลเฉิน เมื่อก่อนก็เคย สืบเรื่องนี้ด้วย แต่ก็ไม่มีข่าวคราวใด ๆ เลย
ตอนนี้ ตัวเองและเสี่ยวเป้ยก็ได้ไปดูแลสมบัติที่อยู่ที่อเมริกา และในขณะที่ได้เป็นเพื่อนของเสี่ยวเป้ยเรียนคลอสการจัดการ นั้น บังเอิญได้รู้จักกับซูหง และเธอเอง ยังบอกว่าโสมพันปีนั้น อยู่ กับเธอ
ฉินหลานจึงได้รายงานกับเฉินจิ้นตง ในทันที
ไม่ว่าจะราคาเท่าไร อย่างไรก็ต้องซื้อมาให้ได้
แค่พริบตาเดียว ท้องฟ้าก็เริ่มที่มืดลง นอกจากบ้านพักสุดหรูในวิลล่าหลงฉวนที่เงียบสนิทแล้วแล้ว ส่วนที่อื่น ๆ ก็เริ่มมีเสียงดนตรี เพลง บรรเลงขึ้น
ดื่มเหล้า สังสรรค์ เฮฮา เสียงดังสนั่น
เพราะว่า คนที่มาในวันนี้นั้น ต่างก็มาจากหลาย ๆ ศาสนา และหลาย ๆ ลัทธิ
“ซูหงคนนี้ ก็จริง ๆ เลย จะจัดงานประมูลทำไมก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ เราได้ให้เช็คเธอไปแล้ว อยากจะเขียนจำนวนเงินเท่าไรก็เขียน เอา แล้วก็ยังไม่เขียนเอาอีก
ภายในบ้านพัก หยางเสียวเปียเพิ่งจะกำลังอาบน้ำเสร็จ ก็เลย
ได้เดินมายังห้องของฉินหลาน ส่วนฉินหลานนั้น ใส่ชุดนอนสีอ่อน ๆ บาง ๆ และกำลังนั่งเป่า
ผมอยู่
เมื่อได้ยินเสี่ยวเป้ยบ่น เธอเลยได้พูดขึ้นว่า “เธออ่ะ ยิ่งทำแบบ นี้ ยิ่งจะทำให้คนอื่นตกใจนะ ให้คุณนายเขียนจำนวนเงินเท่าไร ก็ได้ ยิ่งทําให้เธอคิดว่า พวกเรากำลังมีแผนอะไรอยู่
ฉินหลานพูด
“ก็ถูกนะ”
ฉินหลานเหลือบมองไปยังด้านนอกหน้าต่าง มือข้างหนึ่งท้าวที่ คาง เงียบ ไม่พูดอะไร
และทั้งสองคน ก็ไม่รู้ว่า ด้านนอกของหน้าต่างบ้านพักที่พวก เธอพักอยู่นั้น มีคนกำลังแอบฟังอยู่
“ทําไม ถอนหายใจอีกแล้วล่ะ พี่สะใภ้ มีเรื่องในใจอะไรหรือ เปล่าคะ”
เสี่ยวเปียถามขึ้น
“วันนี้ ตอนที่พวกเราเดินขึ้นเขามานั้น ฉันเห็นเงา ๆ หนึ่ง ที่ คล้าย ๆ กับพี่ชาย ลูกพี่ลูกน้องของเธอ ดังนั้น จึง….….. ดวงตาของฉินหลานนั้น เต็มไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะไหล “ดังนั้น พี่เลยคิดถึงพี่ชาย ลูกพี่ลูกน้อง แล้วใช่ไหมคะ”
เสี่ยวเป้ยเลยได้พูดออกไปตรง ๆ
“เกือบครึ่งปีแล้ว ไม่มีข่าวคราวของเสียวเกอเลย ไม่รู้ว่าเป็น ตายร้ายดีอย่างไร…….
ฉินหลาน มือกลบไว้ที่ตา แล้วพูดด้วยอาการสะอื้นไห้ แล้วก็ ร้องไห้ออกมา
เสี่ยวเป้ยเอง ก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน “พี่สะใภ้คะ ไม่ต้อง ห่วงค่ะ พี่ชาย เขาเป็นคนดีย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่แล้ว เขาไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ หากว่าเขาโดนจับได้ ตระกูลโม่คงไม่ เงียบอยู่อย่างนี้หรอกค่ะ”
เสี่ยวเปียกอดแขนของฉินหลานเอาไว้
และทั้งสองคนพี่น้อง ก็กอดกันไว้ ส่วนนอกหน้าต่างนั้น เงาดำ ๆ นั่น ก็ได้กำมือทั้งสองข้างไว้
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ