ดูก็รู้ว่าหญิงสาวคนนี้รู้จักเฉินเกอ
และตัวเฉินเกอนั้น เมื่อเห็นสาวสวยคนนี้ก็
ตกใจเหมือนกัน
“เจียงเวยเวย?”
ตั้งแต่เรื่องที่ชกหวังหยางครั้งก่อน ตัวเขา เองกับเจียงเวยเวยก็ได้แตกหักกันแล้ว
เธอหลงรักหวังหยางมาตลอด ถึงแม้ว่าตอน
หลังตัวเองได้มอบเสื้อให้เจียงเวยเวยหนึ่งตัว แต่
ในสายตาเธอ ตัวเขาเองกับหวังหยางนั้นเทียบกัน ไม่ได้เลย และเป็นเพราะตัวเอง ที่ให้เจียงเวยเวยเกือบ
จะไม่ได้เป็นประธานนักศึกษา ดังนั้นสองสามวัน
ที่เจอกัน เจียงเวยเวยก็จะมองเฉินเกอด้วยหางตา
ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาเจอกันตรงนี้!
“เฉินเกอ นายมาทําอะไรที่นี่?”
เจียงเวยเวยถามด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“เฉินเกอ พวกเธอรู้จักกันเหรอ? ขณะนี้เจิ้งยได้ไปยืนข้างกายเฉินเกอ ถาม
ด้วยเสียงที่ออดอ้อน
“รู้จัก พวกเราเรียนคณะเดียวกัน!”
เฉินเกอยิ้มเจื่อนๆแล้วพูด
แล้วมองไปที่เจียงเวยเวย “ฉันมาเจอคุณ
พ่อคุณแม่ของเจิ้งยวี่ไง!”
“พบพ่อแม่ พบพ่อแม่ทำไม?”
สีหน้าของเจียงเวยเวยเย็นวาบทันที
ในเวลาเดียวกัน สมาชิกตระกูลเจียงทั้ง สามคน ก็มองมาทางเฉินเกอ
“เฉินเกอเป็นแฟนของฉัน แล้วเธอคิดว่าเขา มาพบพ่อแม่ทําไมละ? ”
เจิ้งยวี่พูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เธอไม่ได้ชอบคนที่ชื่อเจียงจื่อเฉียวเลย
แม้แต่นิดเดียว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หลังจากที่รู้จักเฉินเก อแล้ว มาตรฐานการเลือกผู้ชายของเจิ้งยวี่ก็สูง ขึ้น
ในใจได้เห็นคนที่เก่งกาจมาแล้ว ถึงแม้จะดี เด่น ต่อให้คุณจะดีเด่นยังไง ก็คงสู้คุณชายเฉิน เกอไม่ได้
ดังนั้นตอนนี้เจิ้งยวี่ก็เลยใช้ความคิดแบบนี้ ในการเลือกแฟน
และคำพูดนี้ ราวกับว่าเป็นลูกระเบิดลูกหนึ่ง ทำให้คนที่อยู่ในนี้ต่างตกตะลึง
โดยเฉพาะคนของบ้านตระกูลเจียง
พวกเขามาอย่างเปรมปรีดิ์ ก็เพราะได้ยินมา ว่าเจ๋ง วี่เกี่ยวข้องกับบริษัทจินหลิง อีกอย่าง หน้าตาก็สวยด้วยฐานะทางบ้าน ก็ถือว่าเหมาะสม กัน
โดยรวมๆแล้ว หากมาเป็นลูกสะใภ้ตระกูล เจียง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
แต่ไม่คิดว่า เจิ้งยวี่เธอมีแฟนแล้ว ยิ่งไปกว่า นั้น ตอนนี้ตัวเองยังพาลูกชายมาดูตัว ถึงได้รู้?
“เหล่าเจิ้ง นี่มันอะไรกันแน่?”
ลุงใหญ่ของเจียงเวยเวยถามด้วยสีหน้าที่ เย็นชา
คนที่ชื่อเจียงจื่อเฉียวนั้น เวลานี้ใบหน้าที่ เขามองเฉินเกอราวกับศัตรู
เจิ้งยว ทําไมเขาจะไม่ชอบเธอละ ตอนนี้เขาสังเกตเฉินเกอ เพื่อเสาะหาจุด
เด่นในตัวของเฉินเกอ แล้วทั้งสองก็เข้าสู่กัน เปรียบเทียบ
ด้านคุณพ่อคุณแม่ของเจิ้งยวี่มัวแต่ขอโทษ ขอโพย พูดว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกัน
ในใจนี้ด่าถึงบรรพชนของเฉินเกอแล้ว ไอ้
เด็กนอกคอก วันนี้มาก่อความวุ่นวายอะไรเนี่ย! “พ่อครับ ใจเย็นก่อนครับ เป็นอย่างที่คุณอาเจิ้งพูด ในนี้คงจะมีอะไรผิดพลาดบางอย่าง อีก อย่าง น้องชายคนนี้ ก็เป็นเพื่อนนักศึกษาของ เวยเวยด้วย!”
เจียงจื่อเฉิงยกมือขึ้นจับนาฬิกา
เวลานี้ยิ้มแล้วพูดอย่างเรียบเฉย
“เห่อๆ เพื่อนนักศึกษา? เฉินเกอ ฉันรู้แล้วว่า ทําไมนายถึงได้โอ้อวดอย่างไม่สิ้นสุด ที่แท้นายก็ มาเป็นแฟนเด็กของคนอื่นนี่เอง พูดตามจริงนะ เฉินเกอ ก่อนหน้านี้ถึงแม้นายจะถูกหวย กลาย เป็นคนมีเงิน ทำให้ฉันอึดอัดมาก แต่ว่าเห็นแก่ที่ นายเคยซื้อเสื้อให้ฉันตัวหนึ่ง ถึงแม้ฉันยังคงไม่ ชอบนาย แต่ว่าก็ไม่ได้ขยะแขยงนายเหมือนก่อน
“ดูจากตอนนี้แล้ว นายน่าขยะแขยงกว่าที่ ฉันคิดไว้มาก!”
“ฉันถึงว่าล่ะ ทำไมนายถึงมีเงินขนาดนั้น ก็ แค่ถูกหวย ทำไมถึงใช้ไม่หมดเสียที ที่แท้ก็มีคน เลี้ยงนี่เอง และพวกก็เขามีความสัมพันธ์กันจริง!”
ตั้งแต่ที่เจียงเวยเวยเข้าในห้องวีไอพีแล้ว ก็ ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่
สําหรับเจิ้งยวคนนี้ เธอก็ค่อยๆจะจําได้แล้ว
เป็นคนที่ครั้งก่อนถูกพวกสวีตงและหลิน เจียวจับไว้ เป็นผู้หญิงที่สวี่ขาวตามจีบ และเฉินเก อที่ถูกผู้หญิงที่รับเลี้ยงเก็บไว้บนรถ
ภาพตอนนั้นที่ตัวเองมองเห็น
แต่เรื่องบางอย่างที่ต่อจากนั้น ทําให้เจียง เวยเวยคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
มองจากมุมของเธอ หากจะเลี้ยงแมงดาสัก คน จะไม่มีทางเลี้ยงเศษสวะอย่างเฉินเกออย่าง แน่นอน
แต่ตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้ยอมรับด้วยตัวเอง เฉินเกอก็คือแฟนเด็กของเธอ!
เหตุนี้ เจียงเวยเวยจึงได้พูดขึ้นมา และก็พูด อย่างไม่สนใจใครทั้งนั้น
จ้องมองเฉินเกอ ใบหน้ายโสโอหัง นาย ไม่ใช่ไอ้โคตรเทพเหรอ? ฮ่าๆๆๆๆ ที่แท้ก็เป็นไอ้
แมงดา
คำพูดเหล่านี้ ทำให้สีหน้าของพ่อแม่เจิ้งยวี่ ดูแย่มาก
จากที่ฟังมา เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้ก็เป็นไอ้ แมงดาจริงเหรอ
แม่ของเจิ้งยวี่ชี้ไปที่เฉินเกอแล้วพูด: “เจิ้งย วี่ แกลองอธิบายให้แม่ฟังหน่อย เฉินเกอคนนี้มัน
ยังไงกันแน่? เขาเป็นแมงดาจริงเหรอ?
“แม่ ไม่ใช่ ฟังหนูอธิบายก่อน!” เจิ้งมวลนลานเล็กน้อย
ไม่ได้คาดคิดเลย เติมทีการปฏิเสธการดูตัว ที่ง่ายๆอย่างนี้ จึงสามารถวุ่นวายได้ขนาดนี้
เจียงเวยเวยคนนี้ก็เหลือเกิน จะตามพี่ชาย ไปวันไหนก็ได้ ทำไมต้องตามมาวันนี้ด้วย
“แม่ไม่อยากฟัง ไม่อยากฟัง แกแค่ตอบว่า มาใช่หรือไม่? คุณแม่ของเจ๋ง วี่พูดอย่างเด็ดขาด
เจียงเวยเวยที่อยู่ข้างๆได้กอดอก เดินไปยัง ข้างกายของเจียงจื่อเฉียว ยิ้มแล้วพูดขึ้น: “พี่คะ พี่ไม่ต้องกลุ้มใจ พี่ยังจำได้ไหมว่าตอนอยู่บ้านฉัน เคยพูดถึง ที่คณะของฉันมีคนที่โคตรๆจนคน หนึ่ง? จนถึงขั้นไม่เคารพตัวเอง จนถึงขั้นถูกแฟน เก่าทิ้ง แล้วแฟนเก่าเขาก็ไปคบกับลูกเศรษฐี!”
“จากนั้น เขาก็ถูกหวยนิดๆหน่อยๆ ก็โอ้อวด จนลิม อลืมแซ่ตัวเองแล้ว ยังจําไอ้คนนอกคอก คนนั้นได้ป่ะ? เห่อๆ ก็คือเขาไง”
เจียงเวยเวยพูดในใจ ในเมื่อฉีกหน้ากัน อย่างนี้แล้ว ก็ฉีกกันต่อเลย
เฉินเกอช่วงนี้นายก็ทรมานเจียงเวยเวยไว้ ไม่น้อยเหมือนกัน
เดิมทีนึกว่านายมีเงิน ยังอยากเป็นแฟนนาย ตอนที่นึกว่านายมีเงินมากมายนั้น เจียง เวยเวยเกือบจะมีความคิดแบบนั้นแล้ว
โดยเฉพาะที่นายเอาเสื้อตัวละห้าหกหมื่นให้ เธอ ถึงแม้จะเป็นการตอบแทน แต่ก็ยังให้เสื้อที่ ราคาแพงขนาดนี้กับเธอ
หากพูดว่าไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่นิดเดียวมันคือเรื่องโกหก
แต่ว่าเฉินเกอแท้เป็นผู้ชายสารเลวคน หนึ่ง มีเงินห่าอะไร
เธอตั้งใจพูดต่อหน้าทุกคน เพื่อให้เจิ้งย เข้าใจตัวตนที่แท้จริงก่อนหน้านั้นของเขา แล้วถีบ ไอ้คนนอกคอกคนนี้ไปให้ไกล!
เวลาแววตาคู่นั้นเจียงจื่อเฉียวเปล่ง ประกาย หากเป็นไอ้โคตรจนคนนั้นจริง อย่างนั้น เขาก็ไม่มีแรงกดดันเลยแม้แต่น้อย “เจิ้งยวี่ แก อธิบายให้ชัดเจนหน่อย คนคนนี้เป็นอย่างที่เจียง เวยเวยพูดหรือเปล่า? เขาก็คือไอ้คนโคตรจน?”
แม่ของเจิ้งยถามอย่างบีบบังคับ น่าอาย จริงๆ วันนี้ช่างน่าอายเสียงจริง!
“หนู…
ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
“ใช่ เมื่อก่อนผมจน แต่ว่าผมไม่ได้จนถึงขั้น ไม่เคารพตัวเอง ผมแค่ต้องการหาเงินเลี้ยงชีพ แล้วก็ตั้งใจเรียนหนังสือ เพื่ออนาคตที่ดี แบบนี้มัน ก็ผิดด้วยเหรอ?”
เฉินเกอถูกคําพูดของเจียงเวยเวยทิ่มแทง เข้าไปในใจประโยคแล้วประโยคเล่า
อดไม่ได้ที่จะพูดถึงความหดหู่ในอดีตของตัวเอง
“ทําไมพวกคุณต้อง ไม้ชี้มือในขณะที่พูด ผมถึงแม้จะจน แต่ก็ไม่เคยล่วงเกินพวกคุณ แล้ว ไม่ทุกคนต้องรังแกผมด้วย?”
เฉินเกอจ้องมองเจียงเวยเวยแล้วออกมา
เพราะสามปีมานี้ ความอัปยศอดสู เจียง เวยเวยนำมาให้เฉินเกอนั้น ไม่ได้น้อยไปกว่าพวก ลู่หยาง
ต่อหน้าผู้คน เธอไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่ น้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขากับหยางเส่วบางเอิญเจอ กับเธอที่นอกห้องเรียน
เธอก็ด่าเขาต่อหน้าผู้คนแบบนี้
“เฉินเกอ ไอ้โคตรจนอย่างนายยังสามารถ หาแฟนได้ด้วยเหรอ? ไม่น่าเชื่อเห่อๆ โอ้มา !
“ใช่แล้ว นายไปทําความสะอาดห้อง รายงานตัวด้วย ไม่ต้องไปกินข้าวกับแฟนแล้ว อีก อย่าง คนอย่างนายจะไปโรงอาหารหรือไม่ไปก็ คงจะไม่เป็นไร ไอ้โคตรจนอย่างนายแค่ไม่งาน วันเดียวก็ไม่มีเงินกินข้าวแล้ว!
“อะไรนะ? นายไม่ไป? เพี้ย!” ก็ตบเข้าที่ บ้องหู เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะตัดทุนการศึกษาของ นาย ทําให้นายต้องไสหัวออกไปเรื่องราวเหล่านี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเรียน ปีหนึ่งปีสอง เจียงเวยเวยท่าอย่างนี้กับเขาต่อหน้า ของหยางเล่า
เพราะเรื่องนี้หยางเสวยังทะเลาะกับเขา
หลายครั้ง
แต่แล้วเฉินเกอ ก็เหมือนถูกปีศาจครอบงำ หดหู่มาโดยตลอด
ปีสามสถานการณ์ดีขึ้นมาหน่อย เพราะ เจียงเวยเวยเบื่อที่จะด่าเขาแล้ว ………….
เรื่องราวเหล่านี้ เฉินเกอได้แต่เก็บความ หดหู่ไว้ในใจ เขาไม่พูด แต่ไม่ได้แปลว่าเขาลืม
“ฮีม ที่แท้นายมันก็ไอ้โคตรจน อย่ามาทำให้ ลูกสาวฉันเสียเวลา แกรีบไสหัวไปให้ไกล!
ทันใดนั้น คุณแม่ของเจิ้งยวที่โกรธจน อาละวาด ได้ยกแก้วชาร้อนที่อยู่บนโต๊ะ สาดไป
ยังหน้าของเฉินเกอ…….
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ