ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่ 36 เฉินเกอก็คือคุณชายเฉิน



บทที่ 36 เฉินเกอก็คือคุณชายเฉิน

“เกิดเรื่องกับจ้าวยีฟานหรอ ดีจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้ จงใจทำร้ายพี่เฉินไม่ใช่แค่วันเดียวสองวันแล้ว เกิดเรื่อง ขึ้นกับเธอนับว่าฟ้ามีตาจริง ๆ”

เพื่อนทุกคนกลับรู้สึกดีใจที่เธอประสบทุกข์ แล้ว

พูด

หยางฮุยเกาหัว : “แต่ว่า เมื่อครู่ที่ตามออกไป นอกจากเสี่ยวหนาน ยังมีสวีเสียและคนอื่น ๆ อีก”

“งั้นพี่เฉินแกจะทำอย่างไร”

หลี่ปินมองยังเฉินเกอแล้วถาม

ในเมื่อเป็นหม่าเสี่ยวหนานโทรมา เฉินเกอต้อง ไปแล้วล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เกิดก็เกิดที่ตื้หวางKTVของ ตัวเอง

“พวกเราไปดูเธอเถอะ อย่างน้อยก็ออกมาพร้อม กัน”

เฉินเกอไม่อยากที่จะยุ่งเกี่ยวกับจ้าวยีฟานแล้ว แต่ว่าไม่มีทางเลือก

ทั้งหมดเรียกรถแท็กซี่สองคัน มุ่งหน้าไปยังตี้หวา

งานKTV

ในเวลานี้ ในห้องเพลง
เบื้องหน้าของจ้าวอี้ ฟาน มีขวดไวน์หลายขวดตก แตกอยู่ที่พื้น

และจ้าวยีฟานเอง ก็ยังกระดูกเหล้าเข้าปากตัว เองอย่างบ้าระห่ำ

“ทำไม ทำไมจวงเฉียงถึงเป็นคนแบบนี้ ฉันคิดมา ตลอดว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษเมืองนอก มาดดี ทำงาน เป็น และฉันนึกว่าเขาจะดีกับฉัน และชื่อสัตย์กับฉัน ที่สุด”

“แต่ว่าทำไมเขาถึงทำตัวทุเรศอย่างนี้”

ก๊อกแก๊ง ๆ .

จ้าวยีฟานเงยหน้าขึ้นแล้วยกเหล้าตามไปหลาย ๆ คำ จากนั้นเขวี่ยงลงพื้นอย่างแรง

“ยีฟาน หยุดเขวี้ยงได้แล้ว เหล้าเหล่านี้ที่เธอสั่ง นั้นมันเป็นเหล้าที่มียี่ห้อทั้งนั้น เงินของพวกเราไม่พอ

จ่ายหรอก”

หม่าเสี่ยวหนานเลยเอาเหล้าที่เหลืออยู่และยังไม่ เปิดย้ายไปวางที่สวีเสียและคนอื่นๆ

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ จ้าวยีฟานได้รับผลกระทบ อย่างหนัก โดยเฉพาะ ต่อหน้าสื่อมวลชน ที่ทำให้จ้าวยี ฟานนั้นรับไม่ได้

จนเลยต้องมาดื่มเหล้าเมาคนเดียวที่ตี้หวางKTV เพราะครั้งแรกที่เธอรู้สึกรักจวงเฉียงก็เริ่มจากตรงนี้ เธอ เลยคิดว่า งั้นก็ต้องลืมเขาให้ได้จากตรงนี้เช่นกัน
จากนั้นก็ได้สั่งเหล้าแพง ๆ มาหนึ่งลังด้วยอารมณ์ ที่ยังโกรธอยู่

เมื่อดื่มไปแล้วก็เขวี้ยงทิ้ง

“เหอะ ๆ นี่คือที่ของแฟนของฉัน แฟนฉันพูดแค่ ประโยคเดียว ก็สามารถทำให้เจ้าของตี้หวางต้องโค้ง คำนับได้แล้ว แค่ฉันเขวี่ยงขวดไม่กี่ขวดมันไม่เป็นไร หรอก ฉันยังต้องการที่จะเขวี่ยงต่ออีกนะ”

จ้าวยีฟานแทบไม่เชื่อ ชายคนรักคนแรกของตัว เองจะทำอย่างนี้ได้

เธอยากที่จะเชื่อได้

พอหยิบจับของอะไรได้ก็อยากจะไปทุบตู้เพลง

“ฉันว่าเอาอย่างนี้ดีกว่านะเสี่ยวหนาน งั้นโทรไป หาจวงเฉียงเลย ฉันว่าราคาเหล้าพวกนี้นะ ขวดละ ประมาณสองหมื่น ตอนนี้แตกไปแล้วสี่ขวด เงินของพวก เรารวมกันยังไม่พอ”หลินเจียวพูด

“ใช่ โทรหาแฟนฉันเลย แฟนฉันเก่งจะตาย”

จ้าวอี้ฟานพูดประชดกับตัวเอง และในตอนนี้ ประตูห้องเพลงถูกเปิดออก เฉินเกอกับหยางฮุยและคนอื่น ๆ ก็เข้ามา

เมื่อเฉินเกอมองเห็นเหล้าที่ราดเต็มพื้นก็รู้สึก ตกใจนิดหน่อย

ผู้หญิงคนนี้เมื่อทุกข์ขึ้นมาก็เหมือนกับคนที่บ้าคลั่ง

“เฉินเกอ พวกนายมาแล้วหรอ”

หม่าเสี่ยวหนานรีบพูดขึ้น เธอเองก็ดูกังวลมาก จนแทบจะไม่มีเวลาคิดอะไรเลย

“เหอะ ๆ นายมาดูความพินาศของฉันหรอ”

เฉินเกอยังไม่ได้พูดอะไร และในตอนนี้เองจ้าวยี

ฟานที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟามองมายังเฉินเกอด้วย สายตาไร้อารมณ์ “ใช่ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ เฉินเกอ นายคงจะ

เกลียดฉันละสิที่ฉันทำกับนายไว้มาก ตอนนี้ เกิดเรื่องขึ้น

กับฉันอย่างนี้แล้ว คนที่ดีใจที่สุดคงจะเป็นนายใช่ไหม”

“ยีฟาน เธอเข้าใจผิดเฉินเกอแล้ว เมื่อครู่ที่ฉัน โทรศัพท์นั้น ฉันบอกว่าเกิดเรื่อง เขาก็รีบมาโดยทันที” หม่าเสี่ยวหนานรีบอธิบายโดยเร็ว

“เขามาดูความย่อยยับของฉันต่างหาก”

ถ้าหากไม่ใช่หม่าเสี่ยวหนานอยู่ที่นี่ เฉินเกอ คงจะกลับไปแล้วอย่างไม่ใส่ใจเธอ

แต่ในตอนนี้

เมื่อประตูห้องเพลงถูกเปิดออก

และเมื่อบอดี้การ์ดได้ยินเสียงของขวดที่แตก จึง

ได้เดินเข้ามา

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ”
บอดี้การ์ดถามขึ้นอย่างนิ่ง ๆ

ช่างบังเอิญเหลือเกิน บอดี้การ์ดคนนี้เมื่อครั้งก่อน ที่ต้หวางเกิดเรื่องก็เป็นคนนี้ที่อยู่ในเหตุการณ์

จ้าวยีฟานเองก็รู้จัก”เกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับแก ไสหัวออกไป แล้วเรียกเจ้านายแกมา”

จ้าวยีฟานคลั่ง

“เหอะ ๆ เรียกเจ้านายฉันหรอ”บอดี้การ์ดมองขวด เหล้าที่อยู่กับพื้น แล้วยิ้มอย่างนิ่ง ๆ “ฉันเรียกเจ้านายมา ก็ได้ แต่พวกคุณ ควรจะจ่ายเงินค่าใช้จ่ายส่วนนี้มาก่อน พื้นเสียหายไปเยอะ ที่นี่ไม่เคยมีใครเล่นแบบนี้หรอก นี่ก็ เพิ่งจะเคยเจอ..”

บอดี้การ์ดรู้สึกว่า สงสัยพวกนี้คงจะมาก่อความ วุ่นวายหรือเปล่า

“แกเรียกเจ้านายแกมาก็พอ หากยังชักช้า แกเอง แหละที่จะต้องเดือนร้อน แกรู้ไหมว่าเธอคือใคร เธอเป็น แฟนของจวงเฉียง จินหลิงบ้านจวง อันนี้ก็ไม่ต้องบอก แกหรอกมั้ง”

หลินเจียวเองก็กลัวที่จะต้องจ่ายเงิน

โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของจ้าวยีฟาน จากนั้น

เลยพูดถึงไอ้ขยะอย่างจวงเฉียง

แต่คิดไม่ถึงว่าสีหน้าของบอดี้การ์ดก็ยังเหมือน

เดิม

“บ้านจวงอะ ฉันรู้ ธุรกิจใหญ่โต แต่มันจะเกี่ยวอะไรกับฉัน หรือแม้แต่บ้านจวงเองที่ต้องการมาที่นี่เพื่อ หาเรื่อง ก็จะไม่สืบมาหน่อยหรอว่า พี่หง คือใคร”

หลินเจียวคิดไม่ถึงว่า ขนาดเอาบ้านจวงมาขู่แล้ว

ยังไม่มีผลอะไร “ครั้งก่อน ที่จวงเฉียงโทรมา ก็เพื่อที่จะให้ หลี่ เฟยหงมาขอโทษ ฉันยังจำได้ว่านายก็อยู่ในเหตุการณ์

นะ”

หลินเจียวรับรู้ได้ถึงสัญญาณที่ไม่ดี

“อะไรนะ อะไรนะ คุณผู้หญิง ฉันว่าคุณเข้าใจผิด แล้วแหละ คุณพูดว่าครั้งก่อนคือบ้านจวงโทรมาหรอ บ้านจวงจะมีอะไร เขาเองก็ยังต้องคอยปรนนิบัติพี่เฟย หงเลย”

เมื่อเตือนสติของหลินเจียว บอดี้การ์ดเองก็คิดขึ้น ได้ว่า เป็นพวกนี้นี่เองที่ครั้งก่อนทุบอ่างปลาแตก

ตอนนี้ น้ำเสียงและสถาการณ์ดูสงบลง

เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวยีฟานก็เริ่มที่จะส่างเหล้า บอดี้การ์ดูมีท่าทีจริงจัง ในสายตาของบอดี้การ์ด เองบ้านจวงคงไม่มีอะไร

และยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลี่เฟยหงเลย

ถึงแม้บ้านจวงจะเก่ง แต่ว่าก็คงจะสู้หลี่เฟยหงไม่

ได้

ทำไมต้องคุกเข่าปรนนิบัติหลี่เฟยหงนะ
“คุณผู้หญิงทั้งหลาย ฉันว่าพวกคุณเข้าใจผิดแล้ว เดี๋ยวจะบอกความจริงให้ สายที่โทรเข้ามาหาประธานหลี่ นั้น เป็นสายของเจ้านายลึกลับ ที่โทรเข้ามาอย่างลับ ๆ เหอะ ๆ…

“เจ้านายลึกลับหรอ”

จ้าวอี้ฟานสูดลมหายใจเข้าไปอย่างช้า ๆ

ดูเหมือนว่าเธอเข้าใจผิดแล้ว อีกอย่างครั้งนี้ ยัง คิดว่าเป็นเพราะแฟนของจวงเฉียงอีก

ไม่ใช่ เป็นแบบนี้ได้อย่างไร

เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาจวงเฉียง สักพักจวงเฉียงก็รับสาย ปลายสายเสียงดังเอะอะ โวยวาย

“อี้ ฟาน ผมผิดไปแล้ว ผมทำผิดเอง คุณให้อภัย

ผมนะ…

“จวงเฉียง ฉันอยากจะถามอะไรคุณหน่อย เมื่อ ก่อนที่ตี้หวางKTV คุณให้พ่อของคุณโทรมาหาหลี่เฟย หงเพื่อมาขอโทษพวกเราใช่ไหม แถมยังโค้งคำนับ แสดงการขอโทษอีก”

จ้าวยีฟานถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง ๆ

“อะไรนะ โค้งคำนับด้วยหรอ เป็นไปได้ไง หลี่ เฟยหงเป็นถึงคนสนิทของนายหลี่เจิ้นกั๋วเลยนะ บ้านจ

วงเองคง…”

“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ”
จากนั้นเจ้าอี้ฟานก็วางสายไป

การเข้าใจผิดครั้งนี้เกิดเป็นเรื่องใหญ่ ตอนแรก จ้าวอี้ฟานก็เชื่อจวงเฉียง

เพื่อที่จะไม่ให้จวงเฉียงรู้ว่าเป็นเพราะตัวเอง ประทับใจเขาเลยจึงตัดสินใจคบกันกับเขา นอกจากครั้ง แรกแล้ว เลยไม่ได้สอบถามให้ละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้

แต่ตอนนี้เรื่องทั้งหมดกระจ่างขึ้นมาแล้ว

เรื่องนี้ ในตอนนั้นไม่ใช่จวงเฉียงหรอกที่มาแก้ ปัญหาให้ แล้วเป็นใคร

และในเวลานี้

และจากนั้นวิทยุของบอดี้การ์ดก็ดังขึ้นมา เขาดูมี ท่าทีนอบน้อม พูดคำว่า เป็น ติดกันสามครั้ง

สีหน้าดูซีดเผือด

จากนั้นก็โค้งคำนับให้กับผู้หญิงทั้งหลายที่ยืนอยู่ ต่อหน้า “คุณผู้หญิงทั้งหลาย ขอโทษจริง ๆ ครับ เมื่อครู่ ที่ผมล่วงเกิน ค่าใช้จ่ายของวันนี้ฟรีครับ ทุกท่านสามารถ กลับกันได้แล้วล่ะครับ”

เขาพูดไป แทบจะไม่กล้ายืนตัวตรง จึงได้แค่โค้ง ตัวแล้วพูด

“นี่…

จ้าวยีฟานและคนอื่น ๆ ตะลึง สถานการณ์แบบนี้ แค่หลี่เฟยหงไม่มา แถมยังเป็นเหมือนกับครั้งก่อนมาก
สรุปแล้วเป็นใครโทรมา ถึงได้มีอำนาจขนาดนี้ หม่าเสี่ยวหนานเองก็รู้สึกสงสัยอย่างมาก “ฉันว่า พวกเรากลับไปก่อนเถอะ กลับไปแล้วค่อยคุยเรื่องนี้ ….”

เมื่อพูดจบก็มองไปหาจ้าวอี้ฟานด้วยความเป็น

ห่วง

“ใช่….พวกเรากลับไปก่อนเถอะ….”

ตอนนี้ในใจของจ้าวยีฟานดูสับสนวุ่นวายมาก

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

แล้วใครเป็นคนช่วยพวกเขา

ขณะที่ทุกคนออกไปนั้น

“เดี๋ยวก่อน เฉินเกอล่ะ”

หม่าเสี่ยวหนานหาเฉินเกอ แต่กลับพบว่าเฉินเกอ

ไม่อยู่แล้ว

“ใช่ละ เฉินเกอไปไหน เชีย เมื่อครู่ยังอยู่ข้าง ๆ “เหอะ ไอ้นี่เมื่อได้ยินว่าจะต้องจ่ายเงินคงจะรีบ

ฉันอยู่เลย”

ออกไปแล้วแน่ ๆ ครั้งก่อนก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอ เมื่อ ได้ยินเรื่องนี้ ก็เลยหาข้ออ้างไปห้องน้ำ และรอจนกว่า เราเคลียร์เรื่องเสร็จ แล้วค่อยกลับมา”

หลินเจียวพูดขึ้นด้วยความดูถูกเล็กน้อย

“ไม่ เฉินเกอไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน” หม่าเสี่ยวหนานพูดเสร็จ ก็รีบออกไปหาเขา
และพอดีที่เฉินเกอผลักประตูเข้ามา

ในเวลาเดียวกัน ก็กำลังจะเอาโทรศัพท์ใส่คืนใน

กระเป๋า

ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเรา ไปกันเถอะ ข้างนอกมีรถแท็กซี่สามคันรออยู่”

เฉินเกอพูดขึ้น

จากนั้นก็หันกลับแล้วเดินออกไป

และทุกคนในห้อง ต่างตะลึงตาค้าง

โดยเฉพาะจ้าวอี้ ฟาน

ราวกับว่าที่หัวใจเหมือนโดนอะไรแทงลงไป เมื่อเฉินเกอเรียกรถเสร็จ แสดงว่าเขาต้องรู้เรื่องนี้ ก่อนใคร ๆ แน่

ซึ่งเป็นเหมือนครั้งก่อน เฉินเกอก็แอบ ๆ ออกไป

หลังจากนั้นความวุ่นวายก็กลับมาเป็นปกติ หรือว่า คนที่โทรศัพท์แก้ปัญหานั้น เป็นเฉินเกอ

หรือว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญหรอ

มันจะเป็นไปได้อย่างไร

“เฉินเกอ นายหยุดก่อน บอกมาเกิดอะไรขึ้น”

จ้าวอี้ฟานเองก็ตามออกมาข้างนอก มีรถแท็กซี่ สามคันจอดอยู่จริง ๆ

จากนั้นเธอจึงรีบไปข้างหน้าของเฉินเกอ
“จะให้พูดอะไร”

เฉินเกอถามอย่างนิ่ง ๆ

เขาเองก็รู้สึกผิดหวังกับจ้าวยีฟาน และทั้งสองคน แม้กระทั่งเพื่อนก็เป็นไม่ได้แล้ว เฉินเกอทำไมต้องยุ่ง กับเธอขนาดนั้นล่ะ

“ฉันถามนายหน่อย คนที่โทรศัพท์ไปเป็นนายใช่

ไหม”

จ้าวยีฟานถามด้วยความตื่นเต้น

เพราะว่า เมื่อนำเรื่องทุกอย่างเชื่อมโยงกันแล้ว ตั้งแต่เรื่องกระเป๋าใบละสามแสนหก จากนั้นก็ไปต่อที่ วิลล่า และเมื่อครู่ที่เฉินเกอถูกเชิญให้ไปนั่งด้วยโดยจิน หลิงคุณชายไป๋ และตอนนี้ยังมีเหตุการณ์ที่บาร์ตี้หวา งอีก

เหมือนกับว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็น

เฉินเกอ

ถ้าหากเฉินเกอเป็นคนช่วยลูกสาวของหลี่เจิ้นกั๋ว จริง ๆ แต่บุญคุณมันก็ต้องมีวันที่ชดใช้คืนหมด

จ้าวยีฟานเริ่มจะกลัวแล้ว เธอกลัวคนที่เธอดูถูกไว้ เป็นคนสำคัญที่เก็บซ่อนตัวอยู่

และเธอเองก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร

“สรุปแล้วเป็นนายใช่ไหม”จ้าวยีฟานถามด้วย ความร้อนใจ

“ถ้าเธอหวังจะให้เป็นก็เป็น หวังไม่ให้เป็นก็ไม่เป็น เหอะ ๆ….”เฉินเกอพูดขึ้นอย่างนิ่ง ๆ และจากนั้นก็ ขึ้นรถ

และฉากนี้เอง หลินเจียวและคนอื่น ๆ ที่กำลังเดิน ออกมาต่างก็ได้ยิน

ต่างก็ตะลึงไปตาม ๆ กัน

เชี่ย หรือว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเฉินเกอ

หรอกหรอ

เขา เขา เขา ไม่ใช่ไอ้คนไม่มีหรอกหรือ

จ้าวฟานดูท่าที่จะร้องไห้ ไม่รู้ว่าในหัวกำลังคิด

อะไรอยู่

และสุดท้ายเลยถูกหลินเจียวกับเสี่ยวหนานลาก ขึ้นรถแท็กซี่ไป “ยีฟาน เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหมเฉินเกอก็คือเฉิน

เกอ ถึงแม้ว่าเขาจะจน แต่เขาก็เป็นคนดีนะ เธอไม่ต้อง คิดมากหรอก”

หม่าเสี่ยวหนานพูดปลอบใจเธอไป

“ไม่ ฉันไม่ได้คิดมาก….”จ้าวยีฟานเงยหน้าขึ้น อย่างกะทันหัน แล้วมองไปยังหม่าเสี่ยวหนานกับหลิน เจียว

“พวกเธอยังจำได้ไหม วันนี้ฉันจะเล่าให้ฟัง ถนน การค้าจินหลิง ที่จริงแล้วเจ้านายใหญ่ที่เป็นวัยรุ่นนั้น ทั้งหมดของถนนสายเศรษฐกิจ และเจ็ดสิบเปอร์เซ็นเป็น ชื่อเขา แต่เพียง เจ้านายใหญ่ที่เป็นวัยรุ่นนี้ค่อนข้างจะถ่อมตน บนโลกอินเตอร์เน็ตเลยไม่มีข่าวอะไรที่เกี่ยวกับ เขาเลย…

“แน่นอนสิ ฉันจำได้ เธอหมายถึงคนที่แซ่เฉิน หรอ ที่คนอื่น ๆ เรียกเขาว่า คุณชายเฉินหรอ ห้า คุณ ชายเฉินหรอ”

หลินเจียวเหมือนกับคิดอะไรขึ้นได้ และช็อกไป ชั่วขณะ

“คุณชายเฉินไม่น่าจะใช่เฉินเกอหรอกมั้ง นี…. จะเป็นไปได้ไง”

หลินเจียวและผู้หญิงคนอื่น ๆ สีหน้าดูเปลี่ยนสีไป หากเฉินเกอคือคุณชายเฉิน เรื่องราวทั้งหมดนี้

ต่างก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ว่า ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะก็ งั้นหลินเจียวคงจะ

ต้องตายแล้วแน่ ๆ

เธอจะเสียใจจนตาย ! สาวๆพวกนี้ก็เหมือนกัน.

“อี้ ฟาน พวกเธอคิดมากไปแล้ว ถ้าหากเฉินเกอ คือคุณชายเฉินซึ่งเป็นผู้ที่มีรายได้มหาศาลต่อเดือน แล้วทำไมเขาต้องอาศัยเงินเลี้ยงชีพของคนจนล่ะ”

หม่าเสี่ยวหนานเห็นจ้าวยีฟานมีสีหน้าซีดเผือด น่าตกใจ

จึงรีบเลยปลอบเธอไป

“ใช่ ๆ …”
จ้าวยีฟานได้แค่พยักหน้า แต่ในใจได้ตัดสินใจ แล้ว เรื่องนี้ เธอไปสืบหาความจริงมาให้ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ