บทที่662 คุณชายตระกูล
“จริงๆนะคุณลุง ฉันไม่ได้ล้อท่านเล่น ไม่เชื่อท่านก็ลองดูภาพของ สาวงามคนนี้สิ เหมือนกับท่านมากจริงๆ!
เด็กสาวกล่าว
พูดจบ ก็ดึงภาพใบนั้นออกมาให้แก่คุณลุง
คุณลุงเองก็แสดงท่าทีเล็กๆ
มองไปที่เด็กสาว จากนั้นก็หยิบเอาภาพในมือของนางมา
มองแว๊บแรก คุณลุงก็เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตไปทั้งตัว ภาพใน มือก็ไม่ได้ถือให้ดีๆ ตกลงไปอยู่ที่พื้น
และภาพใบนี้ ก็มีรูปของซูเฉียงเวีย
“คุณลุง ท่านเป็นอะไร?”
เมื่อเห็นคุณลุงสั่นเทา สีหน้าเปลี่ยนไป นี่เป็นครั้งแรงที่เด็กสาว ได้เห็นจึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างกังวล
คุณลุงหยิบภาพมาไว้ในมืออย่างระมัดระวัง และรีบพูดว่า “ไม่เป็นไร ลุงไม่เป็นอะไร เออใช่ เสี่ยวเกอพันแผลเสร็จแล้ว คุณ อยู่ที่นี่ช่วยลุงดูที ลุงจะออกไปข้างนอก
พูดเสร็จ ก็รีบร้อนหมุนตัวออกไป
“แปลกจริงๆ!”
เด็กสาวเกาหัว
แม้นางจะดื้อ แต่สำหรับคำพูดของคุณลุงแล้ว นางเชื่อฟังมา โดยตลอด ตอนนี้จึงนั่งอยู่ข้างเตียง
สองมือถแก้ม จ้องมองเฉินเกอนิ่งๆ
มองซ้ายมองขวา
เอ๊ะ!
จู่ๆแววตาของเด็กสาวก็ประกาย เพราะรอยเลือดบนหน้าของ เฉินเกอตอนนี้ คุณลุงได้เช็ดไปจนหมดแล้ว
เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามมาก
เมื่อมองดีๆ ก็ยังมีความหล่อ
เด็กสาวยื่นมือออกไปบีบๆ ใบหน้าของเฉินเกอ: “ฮิฮิ หมอนี่ก็ หล่อนี่หน่า! แต่ทำไมยิ่งฉันมองตาของคุณก็มีความคล้ายกับคุณ ลุงอยู่นะ?”
จู่ๆเด็กสาวก็พูดออกมาอย่างสงสัย
ในใจของนางมีความลับมาโดยตลอด นั่นก็เกี่ยวกับความลับ ของคุณลุง
คุณลุงนั้นกิริยาท่าทางสง่างาม ลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก แม้ หน้าตาจะดูน่าเกลียด แต่การกระทำที่สุภาพบุรุษมาก
ทําให้เด็กสาวชื่นชมคุณลุงมาก
สําหรับการถามถึงรอยแผลบนหน้าของคุณลุง คุณลุงก็ตอบว่า โดนไฟไหม้อยู่ตลอด ภาพแต่ก่อนก็ไม่มี
มันทําให้เด็กสาวเสียใจมาก เพราะนางอยากเห็นมากๆว่าแต่ ก่อนคุณลุงเป็นอย่างไร
เด็กสาวมองเฉินเกอเสร็จ ก็มองไปยังคุณลุงที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ ตรงปากประตูเงียบๆ
ในใจก็แอบพูดว่า “วันนี้คุณลุงแปลกมากจริงๆ!
ในตอนนี้ คุณลุงนั่งอยู่หน้าประตู มองรูปภาพซูเฉียงเวยในมือ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย เมื่ออยู่ในแสงจันทร์ก็เหมือนมีน้ำตา คลออยู่ที่ดวงตา
แววตาของเขาดูอ่อนโรย
เขามองนิ่งๆอย่างนั้นอยู่นาน แล้วค่อยเก็บภาพนั้นช้าๆอย่าง
ระมัดระวัง
ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมา น้ำตาในนัยน์ตาเขาก็หายไปแล้ว แต่กลับมีความเด็ดเดี่ยว แข็งกระด้างขึ้นมาแทน
“เรื่องนี้ ไม่ช้าก็จะเร็วก็ต้องจบ อีกไม่ไกลแล้ว!
เขาพูดอย่างเย็นชา
ในขณะเดียวกันแววตาดุร้ายก็มองไปยังป่าภูเขาใหญ่อันเงียบสงบ……..มันเป็นเวลากลางคืน
ในภูเขาลึก เมืองโบราณ ตระกูล
“อะไร? เฮเลี้ยงแพ้หรือ? เป็นไปได้ยังไง? ก็เพียงแค่เฉินเกอที่ เปรียบเหมือนมด จะสามารถรอดพ้นจากมือของเฮเลี้ยงได้ยัง ไง?”
ผู้คนแห่งตระกูลและคนจากสำนักฟีนิกซ์ ทั้งสองฝั่งรวมกำลัง
ในห้องโถงใหญ่ แสงเทียนสว่างจ้า
คุณนายท่านเยวคือของตระกูลที่นั่งอยู่หัว โต๊ะ ตอนนี้ ประหลาดใจยกใหญ่
เฮเลี้ยงก็คือยอดฝีมือขอบเขตเปิดปราณขั้นกลาง พลังเช่นนี้ก็
เที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่แล้ว
เฮเลี้ยงต้องน่ากลัวขนาดไหน?
ตอนนั้นก่อนที่จะเป็นพันธมิตรกับสำนักฟีนิกซ์ ก็เคยสู้กันมา ก่อน แต่สู้กันจนยอดฝีมือของตระกูลกู่เลือดตกยางออก
เพียงพอที่จะบอกถึงความห้าวหาญของเขา
ครั้นจะไปจับเฉินเกอ สำนักฟีนิกซ์ก็ส่งเฮเลี้ยงไป ตอนแรกก็ มั่นใจมาก คุกที่ไว้กักขังเฉินเกอก็เตรียมพร้อมแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่า จะปล่อยให้เขาหนีไปได้
อีกทั้งเฮเลี้ยงยังบาดเจ็บสาหัส
ตอนนี้เฮเลี้ยงเอนนอนอยู่บนเก้าอี้ด้วยหน้าแข็งกร้าว
มีคนของสํานักฟีนิกซ์มาพันแผลให้เขา
“มีคนมาช่วยเขาไว้ เขาแข็งแกร่งมาก ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถ้าฉันช้าไปก้าวเดียวก็ไม่ได้กลับมาแล้ว!”
เฮเลี้ยงกล่าวอย่างอับอาย
“ใครกัน?”
เยวคือขมวดคิ้วแน่น ถามอย่างประหลาดใจ
“มองเห็นไม่ชัด ตอนนั้นสนใจแต่ต้องหนีตาย!” เฮเลี้ยงพูด “หรือว่ายังมีคนที่มีพลังมากกว่า คอยแอบช่วยเหลือเฉินเกออ
ย?”
กู่เยวหอไตร่ตรอง
สามารถทำให้เฮเลี้ยงกลายเป็นแบบนี้ได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็น พลังขอบเขตเปิดปราณขั้นสุดท้าย
เยวคือคิดสมองแตก ก็คิดไม่ออกว่าเป็นกำลังของทางไหน ที่ ออกมาช่วยเฉินเกอ!
“ท่านย่าทวด เฉินเกอนั่นอีกแล้วหรือที่ทำให้ท่านเป็นกังวล
แต่ในขณะนี้ ก็มีเด็กหนุ่มเดินเข้ามาช้าๆจากนอกประตู เขา เอามือไพล่หลังเดินเข้ามา
ท่าทางหล่อเหลา
ดวงตาเย็นชากวาดสายตามองไปรอบๆห้องโถง ก็มีพลังน่า เกรงขามแผ่ออกมา
มีออร่าที่ไม่ธรรมดา
“คาระวะคุณชายตระกูลกู่!”
และคนของสำนักฟีนิกซ์ ตอนนี้ก็มาประมาณสิบสามคน
พวกเขาสวมเสื้อผ้าแปลกประหลาด มีทั้งชายทั้งหญิง
สีหน้าก็แปลกๆไปหมด
ตอนนี้เมื่อเห็นชายหนุ่ม ก็พากันพยักหน้าส่งสัญญาณ
ถึงอย่างไรเสีย ตอนนี้ ตระกูลกับสำนักฟีนิกซ์ ก็คือพันธมิตร
ชายหนุ่มผู้นี้ นามว่ากู่เฟิง
เป็นสื่อ(ลูกของเหลน)สายตรงของท่านย่าทวดตระกูลกู่ ซึ่งนับ
ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องผู้พี่ของหยูเซียว
พลังของเขาแข็งแกร่งมาก
เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคนรุ่นใหม่ของตระกูล
และแน่นอนว่า เป็นสื่อที่เยวคือรักมากที่สุด สำหรับสื่อสาว ที่รักมากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นหยูเซียว
แต่ถ้าเทียบกับกู่เฟิงแล้ว ก็ยังน้อยไปกว่านิดนึง เพราะยังไง เฟิง ก็ได้ก่เยวคือผู้ที่ถือว่าเป็นผู้สืบทอดตระกูลมาอบรมสั่งสอน
เสี่ยวเฟิง มาแล้ว
บนของเขา
“เฉินเกอตัวเล็กเฮเลี้ยงจะไม่ได้
กู่เฟิงหัวเราะเยาะ
เสี่ยวเฟิง ความหมายของไต้ซือเฮเลี้ยงก็คือเหมือนแอบช่วยอยู่ อีกทั้งยังเป็น
ท่านย่าทวดวางใจได้ แม้เบื้องหลังเขามีฝีมือออกมาได้เรื่องเกอยกให้ฉันเถอะ สำหรับกำลังแล้ว
เพิ่งพูดยิ้มอย่างมั่นใจ
เขาเป็นอย่างตลอดทำให้ตนเองมีอำนาจเหนือกว่า
ไม่มีอะไรเรื่องยาก
ใดเพิ่งคิด ไม่ว่าฝั่งตรงฉันมจะเป็นใคร เขาสามารถ ทําได้
และด้านกู่เยวคือก็เชื่อใจเพิ่งมาก
“ดี ยายก็ความคิดนั้นพอดี คุณลงมือ สืบกำลังเบื้องหลังของเฉินเกอมา แล้วมารายงานให้ยายให้ทันเวลา สำหรับวิธีการ ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจคุณเอง!
เยวคือพูดยิ้มอย่างปลื้มใจ
“ครับ!”
หลังจากพูดจบ กู่เฟิงก็ยกยิ้มมุมปาก แล้วหมุนตัวออกไป
เมื่อเพิ่งถึงปากประตู
ก็มีสาวใช้คนหนึ่งยกน้ำชาเข้ามา แต่ด้วยความไม่ระวัง จึงชน เข้ากับกู่เฟิง
“อ๊ะ! คุณชายเฟิง ขออภัย ขออภัย!”
สาวใช้คนนี้ ดูไปแล้วน่าจะยังอายุไม่เกินสิบหก ที่ตอนนี้รีบ คุกเข่าลงไปขอโทษ
“หมารับใช้ไม่รู้จักลืมตา
ปัก!
กู่เฟิงขมวดคิ้ว ตีแสกไปบนหัวของสาวรับใช้
เลือดไหลอาบใบหน้าขาวของเด็กสาว ที่ตอนนี้นอนคว่ำไปที่ พื้น เห็นได้ชัดว่าตายแล้ว
คนสิบสามคนของสำนักฟีนิกซ์ ได้แต่มองหน้ากันไปมา
ส่วนด้านกู่เยวคือ มองสื่อของตนเองแล้วฝืนยิ้มพูดว่า “พวก คุณอย่าตำหนิเลย เฟิงอ๋อถูกฉันตามใจมาตั้งแต่เด็ก
นางยิ้ม แล้วโบกมือให้กับสาวใช้ที่เหลือ: “โยนศพออกไป
ข้างนอก!”
“เพคะ ท่านย่าทวด!”
เหล่าคนรับใช้ต่างพูดเสียงสั่นเทา
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ