ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

บทที่653 ค่าขอร้องของซีเหมินหย



บทที่653 ค่าขอร้องของซีเหมินหย

“เฮ้ เสี่ยวเฟย! ทางนี้!

และไม่นาน เฉินเกอ ไป๋เสี่ยวเฟย และเถียเฉิงทั้งสามคนก็เดิน ลงมา

หญิงสาวไม่กี่คนตรงนั้นก็มองเห็นทั้งสามคนแล้วเช่นกัน

จึงรีบทักทายไปเสี่ยวเฟยขึ้น

หญิงสาวไม่กี่คนนี้ นำโดยหวางเจ๋ว ที่เรียนจบมาจาก มหาวิทยาลัยเชียงหนานด้วยกันกับไปเสี่ยวเฟย

หลังจากเรียนจบแล้ว เธอก็กลับไปทำงานที่บ้านเกิดของเธอที่ เมืองไท

แต่ก็ติดต่อกับไปเสี่ยวเฟยมาโดยตลอด

และในบรรดาหญิงสาวไม่กี่คนนี้ ถึงแม้แต่ละคนจะมีความ โดดเด่น แต่ก็ยังสามารถแบ่งออกเป็นระดับต่างๆออกมาได้

หวางลี่เจ๋านั้นสามารถจัดได้เป็นอันดับที่สอง

เนื่องจากหนึ่งในหญิงสาวเหล่านั้น ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไว้ผม ยาวปะบ่า รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม ตัวสูง ผิวขาว และแต่ง หน้าอ่อนๆ

ยิ้มออกมาแล้ว ราวกับว่าทำให้อากาศที่อยู่รอบๆนั้นแข็งไป แล้วเสียอย่างนั้น
บรรดาผู้ชายที่ยืนรอรถประจำทางอยู่ทางด้านข้าง ก็หยิบ โทรศัพท์มือถือออกมาด้วยเจตนาที่ไม่ดี แล้วถ่ายรูปหญิงสาว ร่างสูงหน้าตาสะสวยคนนี้

เธอชื่อว่าจางเสวีเฟย เป็นเพื่อนสนิทของหวางเจ้า

วันนี้ทุกคนออกมาเที่ยวด้วยกัน เตรียมตัวให้ไปเสี่ยวเฟยพา ไปร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ครั้งนี้

ถ้าหากไม่ใช่ว่าระหว่างนั้นไปเสี่ยวเฟยไปพบกับเฉินเกอเข้า แล้วพูดคุยเรื่องราวในอดีตอย่างเร่งด่วน เกรงว่าทุกคนก็คงจะ ถึงกันตั้งนานแล้ว

“นี่คือหนุ่มหล่อสองคนที่เธอบอกหรือ?”

เห็นได้ชัดว่าหวางลี่เจ๋าเป็นคนที่ไม่ได้สนใจอะไร เวลานี้เห็นไป เสี่ยวเฟยพาหนุ่มหล่อทั้งสองคนที่ทำให้พวกเธอรอกันอยู่นาน เดินมาแล้วนั้น ใบหน้าของเธอก็อดที่จะปรากฏสีหน้าแห่งความ ผิดหวังออกมาไม่ได้

หนึ่งในนั้น สีหน้าซีดเซียว เมินเฉย ดูน่ากลัว

นี่เป็นหนุ่มหล่อที่แตกต่างไปจากที่ตัวเองคาดการณ์ไว้เป็น อย่างมาก

ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น ดูแล้วก็เหมือนกับคนธรรมดาทั่วๆไป รูป ร่างลักษณะก็ดูดีอยู่จริงๆ

แต่เขากลับไม่ได้ดูเป็นคนร่ำรวยและมีความเท่ห์เหมือนกับไป เสี่ยวเฟย แต่กลับให้ความรู้สึกที่ดูเป็นคนมีวิชาความรู้มากกว่าแบบนั้น

นี่แตกต่างจากหนุ่มหล่อที่ตัวเองคาดการณ์ไว้มากเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่า ผู้ชายประเภทนี้เหมาะกับการแต่งงานด้วย มากกว่าที่จะได้เป็นแฟน

น่าเบื่อเกินไปแล้ว!

ในใจของหญิงสาวนั้นคิดในเวลาเดียวกัน

“เอาล่ะ พวกเธอมองอะไรกันนัก!” แต่ไปเสี่ยวเฟียนั้นไม่ได้คิด อะไรมากมาย ถึงอย่างไรได้ออกมาเที่ยวเล่นกับเฉินเกออีกครั้ง นั้น เขาก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว

ทุกคนต่างก็พูดคุยกันไปตลอดทาง

จนกระทั่งไปถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง

เงินเกอเองก็มองออกว่าผู้หญิงส่วนมากจะสนใจเสี่ยวเฟยกัน ทั้งนั้น

ไม่มีใครสนใจตัวเขาเองกับเถียเฉิงเลย

ส่วนสาเหตุนั้นน่ะหรือ?

ก็คือตอนนี้หน้าตาของเถียเฉิงคงทำให้พวกเธอตกใจ

ส่วนตัวเขาเองน่ะหรือ ก็คงจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเกินไป นั่นเอง

ในทางตรงกันข้ามเสี่ยวเฟยนั้นเป็นคนที่มีนิสัยชอบตามใจระมัดระวังในคำพูดคำจา

แน่นอนว่าจะเป็นที่ดึงดูดความสนใจจากคนอื่นอยู่แล้ว

แต่ไม่สนใจก็คือไม่สนใจ ไม่มีอะไรอยู่แล้ว เฉินเกอออกมา เที่ยวเป็นเพื่อนพ้อง พรุ่งนี้ก็ยังต้องไปที่เมือง ไม่ได้จะมาหาคู่ เสียหน่อย!

สถานที่จัดงานเลี้ยงนั้นเลือกจัดอยู่ในโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดแห่ง

หนึ่งในเมืองเมืองไท

ทั้งยังได้รับอิทธิพลจากตระกูลกแห่งเมือง ทำให้คนในเมือง เมืองไทนั้นนิยมการใช้กำลัง ชอบดูการแข่งขันต่อยมวย การ ต่อสู้อะไรแบบนั้นด้วย

เมื่อเข้ามายังห้องโถงใหญ่

ก็สามารถเห็นได้ว่า ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ ยังมีการสร้าง สนามประลองขึ้นมาโดยเฉพาะ ทั้งด้านบนกำลังมีการต่อสู้กันอยู่

อีกด้วย

และการออกแบบตรงที่นั่งภายในห้องโถงนี้ยังน่าสนใจด้วย เช่นกัน

ตรงแถวหน้าสุดนั้น เป็นตำแหน่งของแขกพิเศษวีไอพี เฉินเกอ เห็นว่าเป็นพวกคนที่อยู่กับเสี่ยวเฟยก่อนหน้านี้

เพียงแต่เฉินเกอมองออกว่า เวลาที่เสี่ยวเฟยอยู่กับคนพวกนั้น ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้อะไรทำนองนั้น
เสี่ยวเฟียไม่อยากที่จะไปรวมตัวอยู่กับพวกเขา

และพอดีกับที่เฉินเกอเองก็ไม่อยากจะเข้าไปพูดคุยกับพวกเขา ด้วยเช่นกัน

หากพูดตามความจริงแล้ว กลุ่มคนพวกนี้ล้วนแต่มาพร้อมกับ ความรู้สึกที่ตัวเองเก่งกว่าเหนือกว่าคนอื่น คิดว่าตัวเองเป็นที่ หนึ่ง ส่วนคนรอบๆข้างนั้น พวกเขาไม่แม้แต่จะชำเลืองตามอง เลยเสียด้วยซ้ำ

เฉินเกอขี้เกียจที่จะคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาเหล่านั้น

จึงนั่งลงอยู่ตรงโต๊ะที่อยู่ไกลออกไปตัวหนึ่ง

เพียงแต่เฉินเกอไม่ได้สังเกตว่าตอนที่เขามาถึงนั้น ได้ดึงดูด ความสนใจจากพนักงาน ในงานนั้นคนหนึ่ง พนักงานคนนั้นอดที่ จะแอบมองเขาไม่ได้

หลังจากที่แน่ใจแล้ว จึงวางถาดลง แล้วหันหลังเดินออกไป ทั้ง

ยังพูดอะไรใส่วิทยุสื่อสารอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน ภายในสถานที่จัดงาน

หญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งตัวงดงามสง่าผ่าเผยได้ปรากฏตัวขึ้น ดึงดูดความสนใจจากคนจำนวนมาก

เธอยิ้มออกมาอย่างงดงามแล้วเดินไปยังด้านหน้าโต๊ะหน้าสุด ตรงนั้น ซึ่งก็คือทีมประลองนั่นเอง

“พี่ต้วนเฟย พี่มาแล้ว!”
เธอเอ่ยพูดกับคนในโต๊ะนั้น ชายหนุ่มยิ้มด้วยดวงตาที่หลง

อีกทั้งเห็นชายหนุ่มที่ชื่อต้านเฟยแล้วนั้น ใบหน้าของเธอก็อต ที่จะแตงขึ้นมาไม่ได้

“น้องหยู่ ไม่ได้เจอกันนานเลย!

และต้วนเฟยนั้น ก็เหลือบตาขึ้นมามองเล็กน้อย ใบหน้าที่ดู เย็นซานั้น บีบรอยยิ้มออกมา

“คุณหนูใหญ่ซีเหมินหยู่ เดิมที่คุณรับปากว่าจะมากับพี่เฟย ของพวกเรา ผลปรากฏว่าพวกเราลงลิฟต์มา คุณกลับหายไป แล้ว ให้พี่เฟยของพวกเรารออยู่พักหนึ่งเลย!

ชายร่างใหญ่ที่อยู่ข้างๆต้วนเฟยเอ่ยขึ้น

“อย่าพูดถึงเลย วันนี้ตอนกลางวัน เกิดเรื่องขึ้น ทำให้ฉันโมโห แทบตาย อีกทั้งฉันเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย รอหลังจากที่ฉันทำ แผลเสร็จแล้วจะกลับไปคิดบัญชีกับสองคนนั้น พวกเขาสองคนก็ หนีไปแล้ว ถ้าหากไม่ใช่ว่าพ่อบอกให้ฉันต้องให้ความสำคัญกับ งานเลี้ยงครั้งนี้ ต่อให้ฉันจะต้องตามไปสุดหล้าฟ้าเขียวฉันก็จะ ต้องหาตัวพวกนั้นให้เจอแล้วจะจับมาหั่นให้เป็นท่อนๆเลย!”

ซีเหมินหยู่เอ่ยขึ้นด้วยความเกลียดชัง

“อ่อ? ยังมีคนมาหาเรื่องคุณหนูใหญ่ซีเหมินหยู่ด้วยหรือเนี่ย? บอกพวกเรา เดี๋ยวจะให้พี่เฟยไปแก้แค้นให้ ชายร่างใหญ่ที่อยู่ข้างๆต้วนเฟยพูดขึ้น
“อา น่าเสียดายที่หาพวกเขาไม่เจอแล้ว! แต่ ฉันได้โหลดรูป ถ่ายของพวกนั้นเอาไว้จากกล้องวงจรปิดแล้วล่ะ เชื่อว่าพวกเขา ไปได้ไม่ไกล ก็คงจะเจอที่พักของพวกเขาแล้ว!”

น้ำเสียงของซีเหมินหยู่นั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

แล้วมองไปยังต้วนเฟยอีกครั้ง “ใช่แล้วพี่ต้วนเฟย ตระกูลซี เหมินมีมาหลายชั่วอายุคนแล้ว งานในครั้งนี้ มีเพื่อนต่างวงการ มามากมาย โดยเฉพาะคนของสมาคมศิลปะการต่อสู้นั้นมากัน ไม่น้อยเลย ความหมายของพ่อฉันก็คือ พี่เฟยต้วนพี่พอจะแสดง ฝีมือบนเวทีหน่อยได้หรือเปล่า ถือว่าเป็นการแสดงปิดท้ายงาน เลี้ยงของเรา วันนี้ตอนบ่าย ฉันว่าจะบอกกับพี่ถึงเรื่องนี้อยู่เหมือน กัน!”

“ต้องรู้นะว่าตอนนี้พี่เป็นอันดับหนึ่งในทีมประลองของตระกูล พี่ปรากฏตัว จะสามารถทำให้พวกเราตระกูลซีเหมินได้เพิ่ม รากฐานที่มั่นคงในเมืองเมืองไท่ด้วย!”

“น้องหยู่ เธอก็รู้ว่าฉันไม่เคยเปิดเผยให้เห็นถึงความสามารถ ของตัวเองตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว นี่เธออยากจะให้ฉันขึ้นไปต่อสู้ อะไรนั่นข้างบนเหมือนกับพวกขยะพวกนั้นอย่างนั้นน่ะหรือ?”

ต้วนเฟยหรี่ตาลง ฝืนยิ้มพลางส่ายหน้าออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาดูถูกผู้เข้าแข่งขันบนเวทีเหล่านั้น

เห็นพวกเขาเป็นเหมือนขยะ “ใช่น้องหยู่ เธอเคยเห็นพี่เฟยของเธอขึ้นเวทีเปิดเผยความสามารถออกมาให้เห็นตอนไหนกัน ฉันจำได้ว่า พี่เฟยขึ้นเวที แข่งขันก็ตอนปีนั้นที่พี่เฟยอายุ12ขวบ แข่งกับท่านอาจารย์สำนัก ปา คนหนึ่ง ผลปรากฏว่า ท่านอาจารย์คนนั้นถูกพี่เฟยควักลูก ตาออกมา บิดกระดูกแขนขา จนเป็นคนพิการไปแล้ว ฮ่าๆ

คนในทีมประลองเอ่ยขึ้น

ส่วนผู้หญิงในทีมประลองนั้นต่างก็มองมายังต้วนเฟย อดที่จะ แสดงความโปรดปรานออกมาไม่ได้ ความสามารถของเขานั้น ช่างแข็งแกร่งมากเสียจริงๆ

“พี่เฟย พี่ก็ช่วยฉันหน่อยสิ ได้ไหม?”

ดวงตาของซีเหมินหยู่นั้นจู่ๆก็มีน้ำตาคลอขึ้นมา

และไม่รอให้ตัวนเฟยตอบกลับ

จู่ๆเสียงฝีเท้าที่ดูรีบร้อนก็ดังขึ้นมา เป็นบอดี้การ์ดสองสามคนที่วิ่งตรงมาทางซีเหมินหยู่นั่นเอง

“คุณหนูใหญ่ครับ! เจอตัวแล้วครับ! บอร์ดี้การ์ดเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

และซีเหมินหยู่นั้นก็รู้ขึ้นมาทันที ว่าที่บอร์ดี้การ์ดบอกว่าเจอตัว แล้วนั้นเจออะไร

“อืม? อยู่ที่ไหน? หรือว่าออกไปจากเมืองเมืองไปแล้ว?

ซีเหมินหยู่เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างกลัดกลุ้ม
“เปล่าครับ พวกเขาสองคนอยู่ในงานนี้ พวกผมมั่นใจ! กล้า มากจริงๆ ไม่คิดว่าจะกล้ามาร่วมงานนี้ด้วย!

บอร์ดี้การ์ดกล่าว

“อะไรนะ?”

ซีเหมินหยู่สะดุ้งตกใจ

น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตานั้นยิ่งเพิ่มความเข้มข้นขึ้นมา

“ได้ ในเมื่อพี่เฟยไม่สนใจความเป็นความตายของน้อง แล้วก็ ไม่ยอมช่วยอะไรน้อง ถึงแม้ว่าพวกเขาสองคนจะมีฝีมือที่เก่งมาก ฉันเองก็จะสู้กับพวกเขาให้ถึงที่สุด!

ซีเหมินหยู่สะอึกสะอื้น

ส่วนต้วนเฟยได้ยินแล้วนั้น ก็อดที่จะส่ายหน้าพลางยิ้มออกมา ไม่ได้ : “เธอก็มักเป็นแบบนี้ตลอด เล่นแบบนี้อีกแล้ว เอาล่ะ ใน เมื่อมีคนมาหาเรื่องน้องหมู่ของฉัน ทั้งยังอยู่ที่นี่ด้วย ก็ดีเหมือน กัน เธอว่าพวกเขาเป็นพวกที่มีฝีมือดี ฉันจะช่วยเธอจัดการพวก เขาบนเวทีเอง แบบนี้เรื่องที่เธอต้องการให้ฉันทำ ก็ถือว่านี่ เป็นการรับปากเธอแล้วใช่ไหม?”

“ฮ่าๆๆ ฉันรู้อยู่แล้วเชียว ว่าพี่ต้วนเฟยรักฉันที่สุดอยู่แล้ว!” ซีเหมินหยู่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ