บทที่349ตระกูลฟางแห่งเมืองชวน
“พี่หยูเฟยคุณรู้จักคนเยอะแยะเลยนะคะ ครั้งนี้ขอบคุณมาก
นะคะ!”
หูฮุ่ยหมินกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เธอจะพูดอะไรอย่างนั้น จะขอบคุณ ก็ควรจะเป็นฉัน มากกว่า เดิมที่ฉันอยากจะชวนเธอและเพื่อน ๆ ไปทานข้าวด้วย กกัน แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบกลับบริษัทแล้วล่ะ เอาอย่างนี้ ฉันจะให้ เบอร์ติดต่อไว้ มีเรื่องอะไร เธอก็โทรหาฉันนะ!”
หยางอยู่เฟยรู้สึกซาบซึ้งหูฮุ่ยหมิน เป็นอย่างมากที่ช่วยชีวิต ตัวเองเอาไว้
ถือเป็นแฟนที่รักเธอจริง ๆ ดังนั้นจึงควรได้รับการดูแลเป็น
พิเศษ
เมื่อให้เบอร์ติดต่อแล้วหยางอยู่เฟย ก็กลับไปทันที
“ฮุ่ยหมิน น่าอิจฉาจัง เธอได้สนิทกับดาราที่ชอบด้วย!!
หวางเหวินพูดด้วยความอิจฉา
“มันไม่มีอะไรหรอก เหอ ๆ ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเราก็ไปกัน เถอะ อยู่ตรงนี้นาน ๆ เดี๋ยวเจอพวกนั้นอีกลำบากใจแย่!”
แม้หูฮุ่ยหมิน ปากจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่ในใจนั้นลิงโลด
มาก
ทั้งหมดไม่มีแก่ใจจะเที่ยวเล่นแล้ว
จึงได้วางแผนจะกลับ
ในเวลานี้เอง
หูฮุ่ยหมินหันกลับไปและมองดูเฉินเกอ
เฉินเกอพูดขึ้น “พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ ฉัน
ยังไม่กลับ!
เงินเกอคิดว่าหูชุ่ยหมินจะถามว่าเขาจะกลับไหม
“เหอ ๆ นายคิดว่าฉันจะเรียกให้นายกลับด้วยเหรอ? ฉันจะ บอกนายว่าฉันเห็นนายก็คิดถึงนายเมื่อก่อน ถึงแม้จะไม่มีอะไร พิเศษ แต่ก็ยังดีที่ผลการเรียนไม่เลวร้าย แต่ว่าตอนนี้ นายทำให้ คนอื่นเขารังเกียจ เรื่องดี ๆ นายก็เสนอหน้า พอมีปัญหานาย หลบ! น่ารังเกียจจริง ๆ!”
หูฮุ่ยหมินพูดโดยไม่เกรงใจ
หวางเหวินพูด “อย่าไปว่าเฉินเกอแบบนั้นฮุ่ยหมิน เมื่อ ทุกคนก็กลัวนะ!”
“ใช่ ทุกคนต่างก็เป็นกังวลแต่ว่าคนคนนี้นะ ตอนเข้ามากับ พวกเราก็เข้ามาเสียเร็วเลย สุดท้ายเมื่อกี้เธอกลับแอบอยู่ข้าง ๆ และหาโอกาสจะหนีไป ฉันเห็นทั้งหมด เธอว่ามันน่าโมโหไหม!
หูฮุ่ยหมินพูดด้วยความโมโห
เฉินเกอหาโอกาสหนีตอนไหน ที่เขาเดินไปอีกด้านเพื่อไป คุยวีแซทกับหลี่เจิ้นกั่ว ให้เขาจัดการเรื่องนี้
เห็นได้ชัดว่าหูฮุ่ยหมิน เข้าใจผิด
แต่ว่าเข้าใจผิดก็ช่างเถอะ เฉินเกอก็ไม่พูดอะไร
“พวกเราไปเถอะ หาโรงแรมแล้วเข้าไปกินข้าวกัน อย่าอยู่ ตรงนี้ให้เปลืองน้ำลายเลยฮุ่ยหมิน!”
หวางเจี้ยนพูดขึ้น
จากนั้นเหลียงเมิ่ง ก็ลากหวางเหวิน ไปด้วยกัน
โอ้ ช่างเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น
ก้มลงดูโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ซึ่ง! ช่วยไปก็เสียเปล่า แถมโดนด่าอีก
ในใจยังมีเรื่องของซูเฉียงเวยค้างคาอยู่
ดังนั้นเฉินเกอจึงได้คิดถึงเรื่องของซูเฉียงเวย
แล้วรีบลงเขาไป
“คุณชายเฉิน!”
ชายแก่คนนี้แซ่หวู เขาเป็นนักประดิษฐ์ตัวอักษรและนักสะสม ของเก่าในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้
เมื่อเห็นเฉินเกอเดินเข้ามา เขายิ้มแล้วพูด
“อาจารย์หนูสวัสดีครับ! ความเป็นของหยกนี้ ได้เรื่องแล้วเห
รอครับ?”
เฉินเกอถาม
อาจารย์หนูพยักหน้า: “ใช่ เพราะเหมือนก่อนหน้านี้ผมจะเคย เจอ หยกแบบนี้มาก่อน แต่ไม่กล้าจะยืนยัน ผมเลยต้องตรวจ สอบให้ละเอียด จี้หยกนี้ เป็นหยกพิเศษของตระกูลฟาง แห่ง คนรุ่นหลังลูกหลานตระกูลฟาง มีกันทุกคน! แต่ว่าหยกแบ่งเป็น สามระดับ อันนี้เป็นระดับสูงสุด ดังนั้นคนที่มีจี้หยกอันนี้น่าจะเป็น ฟางเมิ่งซิน เป็นทายาทสายตรงของตระกูลฟาง!”
“ฉ่ตูตระกูลฟาง?” เฉินเกอพยักหน้า “แต่ก่อนหน้านี้ผมตรวจ ฉูตู มีตระกูลใหญ่เยอะแยะ แต่ไม่พบตระกูลฟาง?”
“เหอ ๆ แน่นอนว่าคุณชายเงินคงไม่สามารถตรวจพบ ตระกูล ฟางหายสาบสูญไปเกือบทศวรรษ ไม่มีข่าวคราวใด ๆ เกี่ยวกับ ตระกูลฟาง บนโลกนี้ แต่ก่อนตระกูลฟาง อยู่ที่ ตู และนับว่าเป็น ตระกูลใหญ่ระดับประเทศ แต่เพียงแค่ข้ามคืนพวกเขาก็หาย สาบสูญ! ไม่มีข่าวคราวอีก และผู้คนก็ค่อย ๆ ลืมเลือนเกี่ยวกับ ตระกูลฟางไป!”
“อ๊ะ?”
เฉินเกอกับซูเฉียงเวยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
จูหมิงขมวดคิ้วแล้วพูด “ตระกูลที่เก่งขนาดนี้ ข่าวคราวกับหาย ไปเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แน่นอนว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นในตอนนั้น หรือว่าตระกูลฟาง จะล้มละลายและไม่เหลืออะไรเลย?”
“นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าหากล้มละลาย พวกเขาจะยังมีความ สามารถในการปกปิดข่าวจากสื่อต่าง ๆ ได้ยังไงล่ะ”
เฉินเกอส่ายหน้า
อาจารย์หนูพยักหน้าและยิ้ม: “คุณชายเฉินพูดถูก คนแก่รุ่น ราวคราวเดียวกับผมต่างเชื่อว่าตระกูลฟาง ไม่ได้ล้มละลาย ใน ทางกลับกัน ตระกูลฟาง กลับยิ่งใหญ่กว่าเดิม ยิ่งกว่านั้นพวกเขา ไม่ได้ออกไปจากเมืองชวน! และยังมีคนคาดการณ์ว่ากิจการ ใหญ่ ๆ ของหลายตระกูลล้วนเป็นบริษัทลูกของตระกูลฟาง แต่ว่า พอจะตรวจสอบกลับไม่พบข้อมูล!
“แปลกจริง ๆ ตระกูลฟางก็ดี ๆ อยู่ แล้วจะทำตัวให้ไม่เป็นที่ สังเกตทำไมกัน? ยิ่งกว่านั้นจากเบาะแสที่ได้รับตระกูลฟาง ก็ยังมี บางคน ออกมาทำกิจกรรมต่าง ๆ เหมือนกับที่หลี่เจิ้นถั่วตรวจ สอบ ท่านเว่ยเคยเห็นชายหนุ่มที่มีความสามารถมากสวมจี้หยก นี้ในเมืองจิงเฉิง!”
เฉินเกอคิดในใจ
ยิ่งกว่านั้นเฉินเกอยังคิดถึงตอนที่อยู่ที่จุดชมวิว เขาได้เจอผู้ หญิงที่มีพื้นเพเก่งกาจและหน้าตาคล้ายซูเฉียงเวยมาก
ที…หรือว่าเธอจะเป็นคนจากตระกูลฟาง ? เฉินเกอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหาเจอแล้ว
หลังจากกล่าวขอบคุณท่านหนู เฉินเกอพาซูเฉียงเวยกลับ
แน่นอนว่าเรื่องของผู้หญิงคนนั้นเขาก็ให้จูหมิง ไปสืบดู
เพียงแต่ว่าเฉินเกอไม่ได้บอกว่าการที่เขาอยากรู้เรื่องของ ตระกูลฟาง นั้นมันมีประเด็นสำคัญอะไร
“หลานเอ้ย สืบได้เรื่องยังไงบ้าง? ทำไมถึงเพิ่งกลับมากัน? เมื่อกลับมาในวิลล่าที่มีชื่อเสียงที่จัดไว้ให้
ท่านฉินก็ออกมาคุยด้วย
เฉินเกอคิดในใจ ท่านฉันเองก็เป็นคนเก่าคนแก่ของเมือง ชวน ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นคนมีความสามารถมาก ไม่แน่เขาอาจ จะรู้เรื่องบ้าง
“ใช่แล้วท่านลุงฉิน คุณรู้เรื่องตระกูลฟาง แห่งเมืองชวน ในอดีตบ้างไหมครับ?”
เฉินเกอถามไปด้วยขณะรับประทานผลไม้ที่ซูเฉียงเวยส่งมา
ท่านลุงฉิน เบิกตาโพลงและตกตะลึง
“ใช่ คุณรู้เหรอ?”
เฉินเกอถาม
ซูเฉียงเวยส่งผลไม้ให้ท่านลุงฉิน: “คุณปู่ฉิน ถ้าคุณรู้อะไรล่ะ ก็ ก็บอกพวกเราเถอะ มันสำคัญกับพวกเรามากนะ!”
“อ๊ะ? ซะ…ฉันไม่รู้เรื่อง! ฉันอยู่มาตั้งหลายปี ไม่เห็นจะเคย
ได้ยินมาก่อน!”
ท่านลุงฉินส่ายหน้า
สีหน้ามึนงง
เฉินเกอหันไปสบตากับซูเฉียงเวย
“คุณไม่รู้จริงเหรอ?”
“ฉันไม่รู้จริง ๆ!”
ท่านฉินกินแอปเปิล
แต่จะบอกว่าเบาะแสมันขาดหายไปแล้ว ก็ยังเป็นไปไม่ได้
เฉินเกอรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นเบาะแสชิ้นใหญ่ที่สุด ถ้าหากตรวจสอบประวัติของหญิงสาวคนนั้นได้ก็คงดี
แต่เมื่อถามจูหมิง เขาตรวจสอบไปตรวจสอบมา หายังไงก็ ไม่พบประวัติของผู้หญิงคนนั้นตามที่เฉินเกอบอก
ซูเฉียงเวยรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย “พี่เฉินเกอ ขั้นตอนนี้จะทำยัง
ไงดี?”
ซูเฉียงเวยอยากรู้มากว่าใครเป็นคนที่ทอดทิ้งเธอ ทำไมต้อง
ทิ้งเธอด้วยนะ?
ส่วนเฉินเกออยากรู้มากว่า ผู้หญิงคนนั้นกับพ่อของเขามัน คืออะไร ซูเฉียงเวยเป็นน้องสาวของเขาหรือเปล่า
ในตอนนี้เฉินเกอเงียบไปแววตาของเขาเกิดประกายใน ทันใด “อย่าเพิ่งใจร้อนเฉียงเวย พวกเรายังมีโอกาส!”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ