บทที่260 ของขวัญที่พ่อหนูให้
หล่อนพูดกับมู่เฉินหย่วนอย่างเข้มงวด : “ฉันยอมนอนใน โรงดีกว่าไปบันจี้จัม ! ”
มู่เฉินหย่วนยิ้มอย่างอดไม่ได้
รอเกือบครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ถึงเวลาตรวจบัตร หนังรอบนี้ จบเที่ยงคืนมีคนดูไม่กี่คน ถังซินกับมู่เฉินหย่วนเดินผ่านทาง เดินเข้าไปในโรงภาพยนตร์
ไฟในโรงหนังปิดลง มืดลงทันที
มู่เฉินหย่วนกลัวถังซินมองทางไม่เห็นเลยอยากจูงหล่อน เดิน แต่ถังซินคิดว่าด้านหลังยังมีคนก็อายไม่กล้าให้เขา จูงมือ พอหาที่นั่งเจอขาของหล่อนก็ไปเตะโดนอะไรบาง อย่างจึงชนไปที่เขา
มู่เฉินหย่วนใช้มือประคองเอวถังซินหัวเราะเสียง ต่ำ : “คุณถัง คุณรีบเหรอ ? ”
“สะดุดอ่ะ”
ถังซินบ่น มือไม้รีบเอาออกจากตัวเขาแต่ก็ล้มลงไปอีก ฝ่ามือวางอยู่บนหน้าอกเขารับรู้ได้ถึงอุณหภูมิอุ่นๆบนตัวเขา
มู่เฉินหย่วนถาม : “รอบนี้ด้วยเหรอ ? ”
ดีที่ไฟทั้งโรงดับแล้วจึงไม่เห็นหน้ากับหูแดงๆนั่นของถัง ซิน หล่อนไอไปรอบนึงแล้วจึงไปนั่งที่ตัวเองพร้อมกับเอา ป็อปคอร์นเข้าปากกิน
(( La Vita è bella ) พูดเกี่ยวกับความโหดร้ายของนาซีที่ มีต่อชาวยิว ในค่ายกักกังนาซีนั้นพ่อใช้ความคิดของตัวเอง ปกป้องลูกชายไม่ให้ถูกทำร้าย สุดท้ายตัวเองกลับขายหน้า
หลายปีก่อน ถังซินที่กำลังคบกับหลินเฉิงจี้นั้นเรียน หนังสืออยู่ต่างประเทศแล้วได้ไปดูหนังด้วยกัน ตอนนั้น พอดูจบก็ร้องไห้ใช้ทิชชู่จนหมด
ตอนนั้นหลินเฉิงจี๋ยังขำหล่อน
เวลาผ่านไปหลายปี ดูเรื่องนี้อีกรอบ ในตอนท้ายพ่อที่ยิ้ม ให้ลูกก็ยังทำให้ถังซินกลั้นไว้ไม่อยู่
ไฟในโรงเปิดแล้วใบหน้าของหล่อนยังเต็มไปด้วยน้ำตา
“หนังนี้สร้างโดยคนได้ลึกซึ้งมาก แต่คุณอย่าร้องไห้ออก มาแบบนี้เลย”มู่เฉินหย่วนส่งกระดาษทิชชู่ให้หล่อนและ แซว“ถ้าผมเอากะละมังมา ในถังนั่งคงเต็มไปด้วยน้ำตาของ คุณแน่ๆ ? ”
ถังซินเงยหน้ามองค้อนเขา
หล่อนคิดได้ว่าตอนนั้นที่ดูจบ หลินเฉิงจี้พูดออกมาว่า :
“เรื่องนี้คนแต่งขึ้นมาหมดเลย สงครามจริงๆน่ากลัวกว่านี้
อีก ผมน่าจะเอากะละมังมาดูว่ารับน้ำตาคุณได้ไหม”
ไฟบนศีรษะกระพริบเดี่ยวสว่างเดี๋ยวมืด
ถังซินลูบใบหน้าของเขาที่มีความครุมเครือหน่อยๆเหมือน ภาพในสมองซ้อนกัน
ทำไมถึงมีเรื่องน่าขำขนาดนั้น ?
ไม่สิ ลมตรงนั้นไม่ได้ให้คำตอบหล่อน ไม่ใช่เหรอ ?
พอเห็นถังซินน้ำตาไหลเต็มหน้าอีกครั้งเหมือนเจ็บปวด อะไร มู่เฉินหย่วนจับมือของหล่อนพูดว่า : “ผมไม่ควรพูดว่า คุณงี่เง่าเลย คุณร้องมาเถอะยังไงกระดาษก็มีเยอะ
ถังซินดึงแขนเสื้อเขามาซับน้ำตาแล้วครวญคราง มู่เฉิน หย่วน ฉันอยากกินชาบู”
เหลือบมองแขนเสื้อสกปรกนั่นที่ถูกหล่อนทำ มู่เฉินหยวน ได้แต่ถอนหายใจออกมา
“ได้ ไปกินกัน”
หลังจากถึงร้านชาบู ถังซินที่เพิ่งนั่งก็เปิดโทรศัพท์มอง เห็นข้อความของวี่เหวินถึงถามว่าหล่อนอยู่ไหน หล่อนบอกไปตามความจริง วี่เหวินถึงติดต่อหล่อนอีกแล้ว เรื่องนี้บอกมู่ เฉินหย่วนไม่ได้
ถังซินแปลกใจอย่างมาก
หล่อนกับวี่เหวินถิงก็ไม่สนิทอะไรกัน เขาจะมาถามหา หล่อนทำไม ?
ห้านาทีต่อมา วี่เหวินถึงส่งวีแชทหาบอกว่ารออยู่ชั้นหนึ่งที่ ปลอดภัย ถังซินจึงขอตัวมู่เฉินหย่วนรีบเดินออกไป
หลังจากเห็นวี่เหวินถิง ถังซินอดไม่ได้จึงถาม : “คุณวี่ คุย กันที่ร้านกาแฟข้างๆกว่าไหมคะ คุณลับๆล่อๆแบบนี้..
“คนเยอะ”
วี่เหวินถึงพูดสั้นๆด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วส่งของขวัญให้ หล่อน
“อย่า อย่า ! ”ถังซินถอยหลัง รู้สึกว่าของขวัญนี้เหมือน กับระเบิด ทำให้หล่อนแพนิค”ถ้าคุณจะส่งของขวัญมาเพื่อ ขอโทษเรื่องเมื่อก่อน อย่าเลย”
“ไม่ใช่”
“อ๋ งั้นอะไร ? “ถังซินงงไปนิดนึง จากนั้นก็แสดงสีหน้า เย็นชาออกมา คุณวี่ คุณไม่ได้ชอบฉันใช่ไหม ของขวัญ
สีหน้าของวี่เหวินถิงขรึมไปนิดนึง เหมือนพูดอะไรไม่ออก
เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ : “คุณถังคิดมากไปแล้ว ของ ขวัญนี่ให้ลูกของเพื่อนคุณ คุณท่าทางแบบนี้ คงมีแต่เจ้า สองที่ชอบ ไม่มีผู้ชายคนไหนมาชอบคุณหรอก”
“ทำให้คุณมู่ชอบใจได้ ก็นับว่าฉันมีความสามารถแล้ว”ถัง ซินนําแล้วตอบกลับด้วยความเกรงใจ ไม่เหมือนคุณ ไม่มี ผู้ชายที่ไหนมาชอบเลย
หล่อนหยุดนิดหน่อยแล้วตั้งใจพูดต่อ : “ได้ยินว่าหลังจาก คุณสั่งได้บริษัทตระกูลส้ง แต่ละวันก็มีแต่ผู้ชายฐานะดีมาหา อยากพาหล่อนไปเที่ยว แต่ก็ไม่รู้ว่าคุณสั่งชอบใคร โอ๊ย ถ้า ฉันเป็นคุณสังฉันจะไปกินข้าวกับผู้ชายทุกวัน เลือกสามีใน อนาคตดีๆ”
“พูดไม่เลวนี่ ปากคุณนี่ ช่างพูดจริงๆ”วี่เหวินถิงจ้องหล่อน อย่างเย็นชา
ถังซินยิ้มน้อยๆ“ขอบใจที่ชม ยังจะให้ของขวัญอยู่ไหม ? ฉันหิวจะรีบกลับไปกินข้าว
วี่เหวินถึงเอาของขวัญยื่นไปให้หล่อนผมบังเอิญเห็นใน ร้านค้าหวังว่าเขาจะชอบ ถ้ามีอะไรที่เขาชอบรบกวนคุณบอก ผมด้วย”
“ลูกของเพื่อนฉันก็ไม่ได้สนิทไรกับคุณ ทำไมดีกับเขานัก ล่ะ ? ”
“เขาน่ารักดีความสามารถก็ดี”วี่เหวินถึงนึกถึง แม้ว่าจะเคย เจอฉางผิงแค่สองครั้ง แต่เด็กนั่นทำให้เขาสบายใจ รู้สึก อบอุ่นขึ้นมา
ถังซินนึกในใจ : ก็เป็นพ่อนี่ !
มองไปที่หล่อนก็รู้จักวี่เหวินถึงมานานแล้ว วี่เหวินถึงมักจะ เย็นชากับหล่อน เคยเห็นฉางผิงแค่สองครั้งก็ให้ของขวัญ แล้ว !
หลังจากลากลับวี่เหวินถิง ถังซินก็กอดของขวัญกลับไป ร้านชาบู
“รีบออกไปซื้อของขวัญให้ผมเหรอ ? “มู่เฉินหย่วนถามยื่น มือออกไปอยากรับของขวัญ
“อย่ามากวน ไม่ได้ให้คุณ”ถังซินเอามือเขาออกไปพูด เซ็งๆว่า”ได้รอบมอบหมายจากผู้ชายเฮงซวยให้เอาของ ขวัญนี้ให้เพื่อนเขา
สายตาของมู่เฉินหย่วนดุดัน ผู้ชายที่ไหน ? ”
“อย่ามาหึงมั่ว ! “ถังซินยัดไก่กรอบเอาปากเขา”กินไป อย่าพูด”
ถังซินส่งยิ้มให้ฉางผิงอยากนัดเขาออกมา ไม่คิดว่าก่อนหน้านี้ที่ฉางผิงไปฝึก ไม่ทันระวังขาเลยพลิกเลยต้องนอน พักอยู่บ้าน
หล่อนเลยขอที่อยู่กับฉางผิงว่าจะไปหาเขา
มู่เฉินหย่วนเหมือนจะพูดกับถังซิน”ผู้ชายเฮงซวยคน นั้น”ความว้าวุ่นนี้ตามติดไม่ห่าง ทำให้ถังซินขำน้ำตาเล็ด
ประเด็นคือหล่อนพูดยาก
ถังซินตั้งใจให้เขาไปส่งที่เขตเล็ก หล่อนแอบมองตลอด รอรถของเขาออกจากเขตเล็กๆนี้ ถึงจะสามารถจากประตูอีก นึงออกไป
จากเขตเล็กนี้
หลังจากถึงบริเวณเขตที่พักของฉางผิง ถังซินมองหาเลข ที่บ้าน ในที่สุดก็หาเจอ
แล้วกดออดเรียก
แปปนึงประตูก็เปิดออก เด็กน้อยออกมาเปิดประตูเอง เสียงจิ๊บๆใต้รังนกฝั่งซ้ายกำลังแหย่ตรงไม้ พอเห็นหล่อนก็ ยิ้มออกมาอย่างสดใส”พี่ ! ”
ถังซินมองท่าทางของเขาก็อดไม่ได้ยิ้มออกมา
หลังจากเข้าไปในห้อง หล่อนก็ยื่นของขวัญให้ฉางผิง ยิ้มแล้วพูดว่า : “นี่ไม่ใช่ของขวัญของพี่ เป็นของพ่อหนูไง”
“จริงเหรอ ? “ฉางผิงดีใจถามอีกรอบ : “พี่รู้จักพ่อผมได้ยัง
ไง ? ”
“พี่รู้จักแม่หนูก็ต้องรู้จักพ่อหนูสิ”ถังซินลูบหัวเล็กๆนั่น”พ่อ หนูอยากให้พี่เอามาให้ รีบเปิดดูสิ”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ