ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่127 ฉันบอกว่าฉันเสียใจทีหลัง เธอเชื่อมัย



บทที่127 ฉันบอกว่าฉันเสียใจทีหลัง เธอเชื่อมัย

ไม่มีใครเชื่อใจเธอขนาดนี้มาก่อน นอกจากมู่เฉินหย่วน แล้ว ท่านมู่เป็นคนที่สองที่เชื่อใจเธอ

ถังซินไม่ลังเลอีก พยักหน้าอย่างตั้งใจ แววตามีความมุ่ง มั่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำขึ้น ว่า “คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันจะปฏิบัติหน้าที่แทนประธานให้ดี ที่สุด ให้บริษัทมู่ซื่อฝ่าฟันอุปสรรคและความยากลำบากไป ให้ได้

ท่านม่รู้สึกพอใจมาก กาวเหม่ยซีส่งร่างหนังสือแต่งตั้ง ตำแหน่งมาให้ บนนั้นต้องเซ็นต์ลายเซ็นต์ของตนเอง จาก นั้นก็นำไฟล์เอกสารประกาศไปทั่วทั้งบริษัทมู่ชื่อ

มีลายเซ็นต์ของประธานคณะกรรมบริหารอยู่บนใบแต่งตั้ง ตำแหน่งของถังซิน ไม่มีใครกล้าที่จะไม่ยอมรับ

เกี่ยวกับตำแหน่ง ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานทุกคนใน ที่ประชุมส่งเสียงดังเอะอะโวยวายกันเกือบสามชั่วโมง สุดท้ายก็ปิดฉากลง ผู้ถือหุ้น ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงทั้งหลาย ก็ค่อยๆเดินออกไป ท่านมู่ที่ร่างกายไม่ค่อยสบายก็ออกไป แล้วเช่นกัน

ถังซินยืนส่งผู้ถือหุ้นด้วยตนเอง และเมื่อกำลังกลับที่เดิม ก็เจอมู่หยางซิวที่กำลังจะออกไป เธอไม่ได้ออกจากลิฟต์ หลังจากที่รอให้มู่หยางซิวเข้ามาจึงกดลิฟต์ลงชั้น1
ลิฟต์ลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเสียงหวูดๆเล็กน้อย

ถังซินยืนอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่ได้หันหลังมา เพียงแต่เอ่ย ถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “ตอนประชุม ทำไมถึงได้ช่วยฉันพูด?”

เมื่อมู่หยางซิวมาถึง เธอพบว่าเขาเหี่ยวแห้งไร้เรี่ยวแรง มากกว่าเมื่อก่อนตอนที่เห็นที่โรงพยาบาล ไม่มีความฮึกเหิม และองอาจห้าวหาญเหมือนเช่นแต่ก่อน บวกกับกิริยา ท่าทางของเขาในวันนี้ ทำให้เธอคิดว่าเขาเหมือนได้เปลี่ยน ไปเป็นคนละคน

“ฉันไม่ได้ช่วยเธอพูด ที่ฉันพูดคือความจริงทุกอย่าง ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน มู่หยางซิวเอ่ยขึ้น

เขาหันหน้าหลบไปเหมือนกับบังคับตัวเองไม่ให้มองอะไร แต่สุดท้ายสายตาก็มองมาที่ตัวของถังซิน มองดูเธออย่าง ลึกซึ้ง ในตามีความซับซ้อนและรู้สึกผิด เสียใจที่ได้ทำผิด ไป

ถังซินเม้มปาก

หลังจากที่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง สุดท้ายเธอหันไปหาเขา ยื่นมือออกไปและพูดว่า “ไม่ว่าจะยังไง ขอบคุณนะมู่หยาง ซิว จากนี้พวกเราก็คิดบัญชีกันทั้งสองฝ่าย

มู่หยางซิวลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงจับไปที่มือเธอ เขา พึ่งรู้สึกแปลกใจว่าทั้งสองคนแต่งงานกันเกือบปีกว่า ก็แยก กันนอนคนละเตียงตลอด แม้แต่จับมือถือแขนก็ยังน้อยครั้งมาก

มือของเธออบอุ่นละเอียดอ่อน บนตัวมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้ช่วงเวลานั้นเขาไม่อยากที่ปล่อยมือออก

มู่หยางซิวจ้องมองที่ถังซิน ในตาของเธอชุ่มฉ่ำ เม้มปาก และแสดงออกถึงความไม่ใส่ใจ จากนั้นมู่หยางซิวจึงพูดขึ้น ว่า “ถังซิน ถ้าฉันจะบอกว่าฉันรู้เสียใจภายหลัง เธอจะเชื่อ ฉันมั้ย?”

“ฉันเชื่อ” ถังซินมองออกทุกอย่างตั้งแต่แรกจากในตาของ เขา เพียงแต่เธอแสดงออกเหมือนเดิม และดึงมือตัวเอง กลับมาอย่างตัดเยื่อใย แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว

สิ่งที่เธอชอบในตัวเขามันได้ค่อยๆหมดสิ้นไปกับกาลเวลา แล้ว

ประตูลิฟต์ทั้งสองข้างเปิดออก ถังซินเดินออกไปทางด้าน ข้างประมาณสองก้าวเมื่อหลีกทาง

มู่หยางซิวตาละห้อย ขยับปากเหมือนกับจะพูดอะไร สุดท้ายจึงพูดออกมาแค่ว่า “ลาก่อน จากนั้นก็เดินออกจาก ลิฟต์ไปอย่างพ่ายแพ้

ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เค้าปล่อยมือไป จะโทษใครไม่ได้

บังเอิญที่มู่เจิ้งหย่าและมู่เจิงเฉิงออกมาจากลิฟของผู้ดำรง ตำแหน่งสูงอีกตัว เมื่อจู่เจิ้งหย่ามองเห็นถังซิน ก็เดินออกไปจากบริษัทกับมู่เจิงเฉิงด้วยสีหน้าที่รำคาญใจและเต็มไป ด้วยความโกรธ

หลังจากที่ขึ้นรถแล้ว มู่เจิ้งหย่าจึงรีบพูดขึ้นว่า “พี่รองทำ แบบนี้หมายความว่าอะไร ไม่อยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาล ทำไมจะต้องมารบกวนที่บริษัทมู่ชื่อ?” มู่เจิ้งเฉิงจึงพูดขึ้นว่า “ดูแล้วคนเป็นหูเป็นตาให้พี่รองที่อยู่ในบริษัทนั้นมีไม่น้อย เลย”

“เขามีมากกว่าคนเป็นหูเป็นตาในบริษัทมู่ซื่อ แม้แต่ข้าง กายเรายังสอดแทรกเข้ามาตั้งกี่คน มู่เจิ้งหย่าพูดด้วยเสียง เย็นชา พวกเราเป็นสายเลือดเดียวกับเขา แม่เดียวกัน เขา ไม่เชื่อใจพวกเราก็ช่างเถอะ ถ้าอย่างนั้นจินเซวียน จิ๋นซิน หล่ะ? ช่างใจร้ายจริงๆ เอากลุ่มบริษัทมูลค่าหนึ่งร้อยพันล้าน ให้กับลูกเลี้ยง”

“มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเธอหรอกหรอ?” มู่เจิ้งเฉิงชำเลือง มองเธอ น้ำเสียงพูดด้วยความไม่พอใจ “ถ้าตอนแรกเธอ ไม่เชื่อมั่นในตัวเองและลงทุนไปกับบริษัทของชายชู้ เอา บริษัทมู่ซื่อไปค้ำประกัน สุดท้ายบริษัทไปไม่รอด และยัง เป็นหนี้ต่างประเทศอีกหลายพันล้าน ทําให้เชื่อเสียงของบริ ษัทมู่ชื่อในต่างประเทศตกต่ำอย่างหนัก หุ้นตกแทบจะหยุด ลง แบบนี้พี่รองจะไม่กีดกันเราหรอ?”

มู่เจิ้งหย่าสีหน้าซีดลง จากนั้นก็ยิ้มเบาๆ “พี่สามพี่ก็ไม่มี สิทธิ์ที่จะพูดกับฉันแบบนี้ ถึงฉันจะเป็นคนเห็นแก่ทรัพย์สิน เงินทอง แต่ฉันก็ไม่เอาความลับของบริษัทไปแอบร่วมหุ้น เปิดบริษัทกับคนอื่นเพื่อทําเงิน”
“ดอนนันคนที่รับผิดชอบบริษัท เป็นถึงแม้จะไม่ใช่เธอ แต่ ผู้จัดการที่รับผิดชอบในการค้นคว้าและวิจัยผลิตภัณฑ์เครื่อง สําอางยากลับเป็นคนรักของเธอใช่มั้ย หลังจากที่เซตเครื่อง สําอางยานั้นได้ค้นคว้าและวิจัยสำเร็จแล้ว เธอก็รีบเอาความ ลับขายให้กับบริษัทต่างชาติ ทำเงินให้ตัวเองได้หลาย พันล้าน แต่กลับทำร้ายบริษัทมู่ชื่อเพราะเกือบถูกฟ้องร้อง เพราะละเมิดลิขสิทธิ์ เธอไม่ได้วางสินค้าในบริษัทมู่เป็น ดัง นั้นจึงไม่ทำให้เกิดความเสียหาย

“พอได้แล้ว เปิดโปงความผิดพลาดซึ่งกันและกันก็ไม่มี ประโยชน์อะไร” มู่เจิ่งเฉิงโบกมือขึ้น พูดด้วยความเสีย อารมณ์ “ถ้าฉันไม่คิดหาวิธีทำเงิน ถ้าจะคอยไปพึ่งปันผล กำไรของบริษัท ชื่อคงต้องหิวตายแน่

พี่รองออกกฎเกณฑ์แล้วว่าไม่อนุญาตให้พวกเราเข้าร่วม ในตำแหน่งสูงของบริษัทมู่ชื่อ เอาส่วนของหุ้นครึ่งหนึ่งให้ กับลูกเลี้ยงนั่น พวกเราพี่น้องคนหนึ่งถึงจะได้สองจุด แม้แต่ ผู้ถือหุ้นบางคนก็ยังไม่รู้

มู่เจิ้งหย่าพูดขึ้น “คงไม่ใช่หรอกมั้ง พี่รองกีดกันเราแบบนี้ ยอมที่จะให้ผู้จัดการมาปฏิบัติหน้าที่แทนประธาน ก็คงจะไม่ ยอมให้พวกเราเข้าร่วมทำ

“ฉันพอจะรู้แล้ว แม้ว่าฉันจะคุยส่วนตัวกับพวกเขาอย่าง เป็นไปด้วยดีแต่ก็ไม่มีประโยชน์ ผู้ถือหุ้นพวกนั้นเป็นคนที่พึ่ รองดึงเข้ามา ไม่ว่าพี่รองจะพูดยังไง พวกเขาก็จะทำตาม

“เธออยากที่จะให้ผู้หญิงคนหนึ่งบริหารจัดการบริษัทมู่ชื่อหรอ?”

“ไม่อยากแล้วจะสามารถทำอะไรได้ พี่รองได้หนุนหลัง เธออย่างเต็มที่ ถ้าพวกเราพูดมากไปจะเป็นการยั่วโมโหพี่ รอง”

แววตาของมู่เจิ้งเฉิงเป็นประกาย ขยับเข้าไปใกล้หูของมู่ เจิ้งหย่าแล้วพูด

เมื่อฟังจบมู่เจิ้งหย่าก็รู้สึกประหลาดใจ เธอไม่แสดงท่าที อะไรออกมา เพียงแค่พูดขึ้นว่า “ผู้ถือหุ้นครึ่งหนึ่งคือคนของ พี่รอง ถ้าทำแบบนี้จริงๆ จะมีความเสี่ยงสูง”

มู่เจิ้งเฉิงพูดขึ้น “รองประธานจ้าวตาเฒ่าสารพัดพิษคน นั้น อยากที่จะครอบครองบริษัทมู่ซื่อมานานแล้วแต่แค่กลัว พี่รอง พวกเราพี่น้องร่วมมือกับเขา เขาต้องการบริษัท เราก็ เอาหุ้นและเงิน ได้ทั้งสองฝ่าย ถ้าหากมีความเสี่ยง เขาคือ คนที่ออกมารับผิดชอบ

“หรือว่าช่วงเวลาหนึ่ง เธออยากที่จะอยู่ต่างประเทศตลอด ใช้ชีวิตอย่างไม่มีอำนาจไม่มีเงินหรอ? พวกเราทุ่มทั้งกาย และใจทำให้บริษัทมู่ชื่อยิ่งใหญ่และแข็งแรง แต่สุดท้ายก็สู้ ลูกเลี้ยงของพี่รองไม่ได้ น้องสี่ เธอกับจิ๋นซิงลองคิดดูนะ”

มู่เจิ้งหย่าพยักหน้า มีท่าทางที่เหม่อเหมือนกำลังคิดอะไร อยู่

เพราะว่า เฉินหย่วนทํางานมาอย่างยากลำบาก แต่ลูกของเธอได้เลือนตำแหน่งอย่างล่าช้า ถ้าแผนการนี้สําเร็จ น มา จิ่งซิงก็จะถูกเลื่อนตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว

“ใช่แล้ว ไม่เข้าถ้ำเสือ ไหนเลยจะได้ลูกเสือ? “มู่เจิ้งหย่า คิดได้อย่างรวดเร็วและยิ้มออกมา “พวกเราทำเพื่อตระกูลมู่ มามากมายแต่พี่รองไม่เคยเห็นพวกเราในสายตา พูดก็พูด เถอะสองขาของลูกเลี้ยงนั่นบาดเจ็บ ตอนนี้ยังนอนสลบอยู่ ที่โรงพยาบาล อนาคตของบริษัทมู่ซื่อจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ หา หนทางเอาตัวรอดให้กับตนเองดีกว่า”

มู่เจิ้งเฉิงจึงพูดขึ้นว่า “ขาของเขาเพียงแค่เกิดปัญหา ไม่ ช้าก็เร็วเขาก็จะตื่นขึ้นมา นั่งบนรถเข็นก็ทำงานได้เหมือน กัน ถึงเวลานั้นพี่รองอาจจะส่งตัวเขาไปรักษาที่ต่างประเทศ ต้องคิดหาวิธีอะไรซักอย่าง”

“พี่สามอย่าโง่ไปหน่อยเลย” มู่เจิงหย่าชำเลืองมองเขา และพูดเตือนสติ “เขาจะพูดยังไงก็ล้วนแล้วแต่เป็นในนาม ลูกเลี้ยงของพี่รอง เพื่อนของเขาได้ปกปิดคนจำนวนมาก เรื่องการนอนโรงพยาบาล เธออยากจะทำอะไรที่เสี่ยงต่อ การถูกจับกุมจริงๆหรอ ตอนนี้พวกเราแม้แต่ความเจริญ รุ่งเรืองยังรักษาไว้ไม่ได้ แผนการจะต้องคว้าน้ำเหลว”

เพื่อนอะไรของเขา?”

มู่เจิ้งหย่าคิดแล้วพูดขึ้น “ฉันก็ไม่รู้แน่ชัด น่าจะเป็นคนที่ สาขานิวยอร์ก พวกเขาเป็นห่วงมู่เฉินหย่วน แต่ไม่อยากที่จะ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของบริษัทมู่ซื่อ”
” ฉันเดาว่าถึงจะอยากเข้ามาร่วม พีรองก็ไม่อนุญาต” มู่เจิง เฉิงทอดถอนใจ และพูดอย่างมีพลังขึ้นมาว่า “รอหลังจาก ที่แก้ไขปัญหาของบริษัทมู่ชื่อแล้ว จากนั้นก็จะเอาสาขาที่ นิวยอร์กมาอยู่ในมือ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ