ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 372 ผมจะไม่ยอมให้เธอเหนื่อยคนเดียวอีกแล้ว



บทที่ 372 ผมจะไม่ยอมให้เธอเหนื่อยคนเดียวอีกแล้ว

เธอที่เพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ

ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ฉันตื่นแล้ว มีธุระหรือ” ถังซินไถ่ถามอย่างสุภาพ

คนรับใช้กล่าว “คุณถังคะ ประเดี๋ยวไปรับประทาน อาหารที่ห้องอาหาร หลังจากนั้นคุณท่านบอกให้แวะที่ ห้องหนังสือด้วยนะคะ คุณท่านฝากกำชับมาค่ะ”

“ค่ะ ฉันรับทราบแล้ว

ถังซินไม่อยากใส่ชุดกระโปรงหนักๆ แบบเมื่อวานอีก เปลี่ยนไปใส่ชุดที่ใส่ตอนขามา เมื่อลงจากตึกไปยังห้อง อาหาร ก็พบหลินเฉิงจี่ที่นำมาก่อนแล้ว ห้องอาหารนี้ก็มี เพียงเขา

หลินเฉิงจี่เข้ามาลากเก้าอี้ให้กับเธอ

เมื่อถังซินนั่งลงดีแล้ว จึงได้เอ่ยถามเขาเสียงแผ่ว “มี แค่พวกเราหรือ แล้วพ่อของนายกับจี้เจียจื้อล่ะ”

“พ่อของได้รับเอกสารฉบับหนึ่งก่อนทานข้าวน่ะ โกรธ จนเดินขึ้นตึกไปแล้ว” หลินเฉิงจี๋เทนมแก้วหนึ่งให้กับ เธอ และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “พอผ่านไปชั่วครู่ก็เรียก เขาให้ตามขึ้นไป”

“นายหมายถึงเอกสารฉบับนั้นหรือ”
“อือ”

“เร็วใช้ได้เลย” อย่างไรก็ถือว่าเป็นผลดีต่อพวกเธอ ถังซินกล่าว “เมื่อครู่คนรับใช้บอกว่า ให้ฉันไปที่ห้อง หนังสือของพ่อนายหลังจากทานข้าวเสร็จ นายต้องไป ด้วยหรือไม่”

เมื่อเห็นหลินเฉิงจี้พยักหน้า ถังซินก็รู้สึกอดใจรอไม่ ไหว “รีบทานเร็ว รีบทานแล้วไปดูจี้เจียจื้อโดนติกัน พวก เราจำคว้าตำแหน่งผู้สืบทอดมาได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเขา แล้ว”

เมื่อเห็นท่าทางที่น่ารักของเธอ หลินเฉิงจี๋ก็หัวเราะ เบาๆ

หลังจากทานอาหารเที่ยง ทั้งสองคนก็พากันขึ้นไป ยังห้องหนังสือของโบแนร์ เมื่อมาถึงหน้าห้อง และถัง ซินเปิดประตูได้เพียงครึ่งเท่านั้น ก็ทันเห็นโบแนร์ตบจี้ เจียจื้อจนหน้าหัน

“เจ้าขยะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ยุ่งกับธุรกิจสี เทา คำพูดของฉันมันทะลุหูของแกไปหมดแล้วหรือ อย่างไร”

หลินเฉิงจี๋เคาะประตู “พ่อ พวกเราเข้าไปได้ไหม

“เข้ามา”

หลินเฉิงจี๋เข้าไปข้างในกับถังซิน เห็นเอกสารเทกระจาดอยู่บนพื้นพรม ใบหน้าของโบแนร์แข็งกร้าว เห็นได้ชัดว่าเดือดดาลอย่างมาก และจี้เจียจื้อก็ยืน หลบตาอยู่เบื้องหน้าของเขา

หลินเฉิงจี่หยิบเอกสารทุกชิ้นขึ้นมา และเอ่ยถาม “พ่อ เกิดอะไรขึ้น”

“ลองดูสิ” โบแนร์โยนเอกสารไปให้หลินเฉิงจี่ และเอ่ย ด้วยความโกรธ “พี่ชายแกไม่เลือกวิธีการในการหาเงิน เลย แม้แต่ธุรกิจสีเทาก็เข้าไปยุ่งด้วย”

จี้เจียจื้อเลียริมฝีปากที่เริ่มชา ก่อนจะยืดหลังขึ้น ตรง “พ่อ วันนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ธุรกิจแบบ นี้ตระกูล EJJเองก็ทำอยู่ พ่ออยากถูกตระกูลนั้นข่ม เอาหรืออย่างไร”

“ระวังปากของแกด้วย” โบแนร์ตบเข้าอีกหนึ่งครา “ฉันบอกแกแล้ว จะใช้กลโกงเช่นใดในวงการธุรกิจก็ได้ แต่อย่าได้แตะพวกธุรกิจสีเทา”

หลินเฉิงจี๋แสร้งทำเป็นอ่านเอกสาร และกล่าวกับจี้ เจียจื้อ “พี่ ผมรู้ว่าพี่อยากจะสร้างเครือข่ายมนุษย์ แต่ที่ พี่เลือกที่จะทำธุรกิจแบบนี้โดยไม่ฟังพ่อ ก็เป็นความผิด ของพี่อยู่แล้วนะ”

สายตาเย็นชาของจี้เจียจื้อตวัดมองเขา “แกคิดว่าฉัน ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของแกหรืออย่างไร”

“คุณชายไซเลส์ จะเลือกทานส่งๆ อย่างไรก็ได้นะคะแต่คำพูดนี่พูดส่งๆ ไม่ได้นะคะ” ถังซินพูดขึ้นมาทันที “คุณรู้สึกว่าColbertใส่ร้ายคุณ แต่ฉันรู้สึกว่าเป็นคุณที่ กำลังทำให้Colbertผละมือจากเรื่องมรดกนะคะ”

“นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอ” จี้เจียจื้อกล่าวอย่างดุดัน

“ไซเลส์” โบแนร์ตบโต๊ะสนั่น และกล่าวอย่างกรุ่น โกรธ “เธอเป็นแฟนของน้องชายแก แกจะมาตะโกนใส่ ผู้หญิงทำไมกันฮะ”

จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองหลินเฉิงจี๋และจี้เจียจื้อ “พวกแกเป็นพี่น้องกัน ทะเลาะตบตีกันเสียยิ่งกว่าบ้านที่ มีลูกหลานเป็นสิบๆ คน ฉันเสียหน้าเพราะพวกแกหมด แล้ว”

หลินเฉิงจี่และจี้เจียจื้อได้แต่ยืนเงียบ

โบแนร์ยืนเท้าเอวอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะหันไปพูดกับ หลินเฉิงจี๋ “พี่ชายแกทำผิด จนไม่สามารถให้อภัยได้ ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ในการรับสิทธิ์สืบทอดตระ กูลอเล็กซ์เลียร์”

“พ่อ” จี้เจียจื้อหันไปมองโบแนร์ “พ่อเข้าข้างมันมาก เกินไปแล้ว”

โบแนร์ยิ้มเย็น “ฉันลำเอียง ความผิดของเขามันร้าย แรงเท่าของแกหรือ หรือแกอยากให้ฉันเอาคุณสมบัติ ในการสืบทอดอเล็กซ์เลียร์มาจากมือของแก แล้วยกมัน ให้กับคนอื่นกัน”
จี้เจียจื้อใบหน้ามืดมน ไม่ส่งเสียงอะไรแม้แต่คำ

หลินเฉิงจี่ก้าวไปข้างหน้า “พ่อ ขอแค่ให้ได้สิทธิ์ผู้ สืบทอดกลับมา ไม่ว่าจะยากขนาดไหน ผมก็แก้ไขได้ ทั้งนั้น”

โบแนร์หยิบเอกสารขึ้นมาจากลิ้นชักที่อยู่ด้านหลัง ของโต๊ะ เซ็นนามลงไปและส่งมันให้กับหลินเฉิงจื่

“สองเดือนหลังจากนี้ คืองานThe king’ s party ครั้ง ที่สิบ ผู้คนจากหลากหลายตระกูลจะมารวมตัวกัน ขอ เพียงให้คนที่มีรายชื่อบนนี้เซ็นชื่อมาเท่านั้น ฉันจะ ประกาศออกไปอีกครั้งว่าแกนั้นมีคุณสมบัติในการขึ้น สืบทอดอเล็กซ์เลียร์”

ในตอนท้ายนั้น เขายังเสริมขึ้นมาอีกว่า “ฉันเหนื่อย แล้ว อยากจะออกมาจากกลุ่มนี้เต็มทน หลังจากนั้นจะ ทำการประเมินขึ้น จะดูว่าในพวกแกใครกันแน่ที่มีความ สามารถรับช่วงต่ออเล็กซ์เลียร์ได้ แน่นอนColbert แน่นอนว่าเงื่อนไขก่อนหน้านี้คือการรับสิทธิ์ในการ สืบทอด ไม่อย่างนั้นก็จะมีพี่ชายแกคนเดียวที่เข้ารับ การประเมิน ซึ่งแกจะไม่มีสิทธิ์ใดใดในอเล็กซ์เลียร์ทั้ง นั้น”

ถังซินคิ้วขมวด

ไม่รู้จริงๆ ว่าโบแนร์เข้าข้างหลินเฉิงจี๋ หรือกำลัง ทำร้ายเขากันแน่
จี้เจียจื้อที่ได้รู้เช่นนั้น จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ นักการเมืองเหล่านั้นลงนามเป็นแน่ เช่นนั้นหนทางการ รับสิทธิ์สืบทอดตระกูลอีกครั้งของหลินเฉิงจี่จะต้องยิ่ง ยากกว่าเดิมเป็นแน่

หลินเฉิงจี่รับเอกสารนั้นมาอย่างไม่มีลังเล และพยัก หน้ารับ “พ่อวางใจเถอะครับ ผมทำได้แน่

“ดี ออกไปทั้งหมด”

เหล่าลูกชายที่ไม่มีความจริงใจ โบแนร์ยิ่งเห็นก็ยิ่ง หงุดหงิดใจ จึงไล่ออกไปทั้งหมด

ในตอนที่ถังซินออกไป ก็หันไปมองรูปภาพน้ำมัน ขนาดใหญ่ที่อยู่บนผนังอย่างไม่ตั้งใจ ในภาพนั้นมีผู้ หญิงหน้าตางดงาม สายตาอ่อนโยน นั่นก็คือโมมอยอี้ใน อดีตก่อนที่จะเสียโฉม

เธอนึกอย่างรังเกียจ หากไม่ใช่เพราะการบังคับขู่เข็ญ ของชายคนนี้ มู่เฉินหย่วนก็คงจะไม่ต้องเสียพ่อไป ก็ จะไม่ต้องมีความเกี่ยวข้องกับหลินเฉิงจี่ และจะไม่เกิด เรื่องหน้าปวดหัวพวกนี้ขึ้นมา

หลินเฉิงจี๋ที่เห็นท่าทางการเดินของเธอที่ไม่มั่นคง ก็ เข้าประคองทันที “อยากจะอาเจียนอีกแล้วหรือ”

“ฉันไม่เป็นอะไร”

เมื่อสบกับสายตาที่ห่วงใยของเขา ถังซินก็เจ็บปวดหัวใจ

เมื่อครู่เธอไม่ควรคิดไปเช่นนั้น หากร่างกายของหลิน เฉิงจี่เปลี่ยนไป พวกเขาคงไม่ได้พบกันอีก เช่นนั้นชะตา ชีวิตของเธอก็คงจะเปลี่ยนไปเช่นกัน

คงไม่ได้พบกับชายที่รัก

“หลินเฉิงจี่ ขอบคุณนะ” ถังซินกล่าวขอบคุณจากใจ จริง “หากไม่ได้พบนาย ฉันก็คงไม่ได้พบกับมู่หยาง ซิว… ทั้งยังเพื่อนเหล่านั้น ชีวิตเองก็คงไม่มีความสุข ขนาดนี้”

หลินเฉิงจี่ได้ยินเช่นนั้น ในใจพลันรู้สึกเหงาขึ้นมา ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองเธออย่างนิ่งงัน

“ผมก็เหมือนกัน”

แต่เขาก็รู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุด เพราะเป็นเขาเองที่ ตัดความสัมพันธ์ลงเองกับมือ ไม่สามารถรั้งต่อไปได้อีก แล้ว

หากรู้ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปเช่นนี้ เขาจะไม่ยอมปล่อย มือนี้ไปด้วยชีวิตอย่างแน่นอน

“โอเค ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” ถังซินเม้มปากแน่น ทั้งสอง เดินเคียงข้างกันไป เธอเอ่ยถาม “บนรายชื่อนั้นเป็นคน แบบไหนบ้าง นายเคยติดต่อบ้างไหม”
“ก็มี แต่…หลินเฉิงจี่เงียบไป และส่งรายชื่อนั้นให้กับ เธอ “นักการเมืองส่วนใหญ่นี้มีความสัมพันธ์อันดีกับจี้ เจียจื้อ วงการนี้นอกจากภูมิหลังแล้ว ก็ยังดูเรื่องเครือ ข่ายมนุษย์ ผมที่ไม่มีสิทธิ์สืบทอด นักการเมืองที่เคย มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันภายในอดีตคาดว่าน่าจะไป ตามจี้เจียจื้อกันหมดแล้ว”

ถังซินรับรายชื่อมากวาดสายตามอง เมื่อเห็นรายชื่อที่ อยู่ลำดับสุดท้าย ร่างกายพลันสั่นสะท้านน้อยๆ

นั่นคือเย่นจิ่งเหนียน

The king’ s partyคืองานรื่นเริงของคนชั้นสูงใน ประเทศY เย่นจิ่งเหนียนที่รับใช้ประเทศLH มีชื่อเสียง ในแวดวงวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก การที่จะถูกเชิญ มาในงานแบบนี้ย่อมไม่น่าแปลกใจอะไร

หลินเฉิงจี่ที่เห็นเธอคิ้วขมวด ก็กล่าวขึ้นว่า “อย่าได้ กังวลเลยยินยิน ผมยังโชคดีที่เป็นถึงคุณชายรองขอ งอเล็กซ์เลียร์ ในอดีตเคยได้ไปทักทายพวกเขามาบ้าง แล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็คงจะไว้หน้าผมกันบ้าง”

ถังซินส่ายหน้า “ฉันรู้ว่าทุกวันนี้นายทานยายับยั้งจน ร่างกายดีขึ้นทุกวัน แต่หมอก็บอกแล้ว อารมณ์เชิงลบ กับความทรมานจะส่งผลกับอัตราการเต้นใจของนาย เรื่องนี้ฉันจัดการเอง

“ไม่ได้” หลินเฉิงจี้ปฏิเสธด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ก่อน หน้านี้เธอวิ่งให้ผมไปมาจนเกือบจะแท้ง ครั้งนี้ผมจะไม่ให้คุณเหนื่อยเพียงคนเดียวอีกต่อไปแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ