ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 140 เธอไม่กลัวประธานมู่ปฏิเสธเธอหรอ



บทที่ 140 เธอไม่กลัวประธานมู่ปฏิเสธเธอหรอ

ผู้ถือหุ้นบางคน วิเคราะห์ว่าบริษัทมู่ชื่อยังมีโอกาสลุกขึ้น มาได้อีก ไม่จําเป็นที่จะต้องขายหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้ว ถัง ซินขอคำแนะนำจากมู่เฉินหย่วน และยึดตามที่เขาพูดใน การเจรจากับผู้ถือหุ้นที่หัวแข็ง เพื่อที่จะกลับไปซื้อหุ้นที่ออก จําหน่ายแล้วได้อย่างราบรื่น

ในขณะเดียวกันมู่เจิ้งหย่าและมู่เจิ้งเฉิงก็ได้ซื้อหุ้นเก่ากับผู้ ถือหันคนอื่น

หลังจากที่ถังซินรู้ เธอก็ยิ่งแน่ใจว่า พวกเขาคือคนที่ปล่อย ข่าวพวกนั้นออกมา เพื่อที่จะฉวยโอกาสปล้นชิงหุ้นที่ออก จำหน่ายแล้วของบริษัท ชื่อ

ซื้อหุ้นกลับมานั้นง่าย แต่อยากที่ขายนั้นยาก

สถานการณ์ของบริษัทมู่ชื่อ ไม่ช้าก็เร็วต้องประกาศลัม ละลาย แม้กระทั่งมีบริษัทกำลังกำหนดแผนงานที่ซื้อไป ใคร อยากที่จะซื้อหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัทมู่ชื่อในราคา ที่สูง คนนั้นคงโง่อย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่กี่วันมานี้ ถังซินได้อยู่ข้างนอกวิ่งเต้นอย่างเหนื่อยยาก ลำบาก ร้อนใจจนปากเป็นร้อนในเป็นตุ่มพองเล็กๆขึ้นมา

หลี่ซูเจ๋ทายาให้เธอ และถือโอกาสดามู่เฉินหย่วนไปหนึ่ง ครั้ง “ประธานมู่ทำมากเกินไปแล้ว! ขาของเขามีปัญหา แต่ สมองของเขายังดี มีสิทธิ์อะไรถึงให้เธอไปทำ และตัวเองนอนอยู่บ้านเฉยๆ

เขาไปบริษัทมู่ซื้อในสภาพนั้นก็ไม่ค่อยสะดวก ถังซิน เจ็บยาที่ทาจึงพ่นลมออกมาจากปากอย่างต่อเนื่อง ทำหน้า เหยเกและพูดขึ้นอีกว่า เอารองพื้นมาทาทับรอยแผลเป็นบน หน้าฉันหน่อย ฉันยังต้องออกไปอีก

ฉันนี้ฝนตกนะ เธอจะออกไปทำอะไร?

นัดกินข้าวกับประธานหาน

“บ้ารึเปล่า!” หลี่ซูเจ๋มองบนอย่างแรง ในใจไม่เต็มใจ และ จากนั้นก็ไปหยิบรองพื้นมา ทาลงบนใบหน้าของเธออย่าง ระมัดระวัง แผลของเธอยังไม่หาย ทารองพื้นจะไม่เป็นอะไร หรอ?

ถังซินยิ้มหัวเราะ “ไม่เป็นไร คุณเช่นเคยจัดการให้แล้ว ทำการแปะแผ่นปกป้องเนื้อเยื่อผิวให้แผล หลังจากที่ล้าง เครื่องสำอางออก ก็ค่อยฉีกออกมา ฉันไปกินข้าวกับคนอื่น โดยมีรอยแผลเป็นมันก็จะดูไม่ดี”

หลี่ซูเจ๋จึงพูดขึ้นว่า “แผลนี้มายังไงเธอไม่รู้แน่ชัดหรอ? ดังนั้นฉันถึงบอกว่าประธานมูไร้น้ำใจ มักจะให้คนอื่นทำธุระ ให้ แต่ก็ไม่เคยที่จะทมเทมอบอะไรให้

“ถังซินเธออย่าชอบผู้ชายแบบนี้เลยดีกว่า ไม่อย่างนั้นจาก นี้เธอจะไม่สบายใจ
ถังซินใจสั่นเครือ “ฉันไปชอบเขาตรงไหน?”

“ตาฉันบอดอย่างนั้นหรอ?” หลี่ซูเจ๊ตบทารองพื้นด้วย ความแรงลงบนหน้าของเธอ เธอเข้มงวดกับถังซินก็เพื่อ หวังที่จะให้ถังซินดีขึ้น “ไม่ชอบแล้วยังช่วยเขาทำงานเยอะ ขนาดนี้ แถมยังปกป้องประธานมู่อีก?”

“ถังซิน เธอไม่กลัวประธานมู่ปฏิเสธเธอหรอ?”

“โอ๊ย เธอได้ยินที่ฉันพูดออกไปมั้ย?”

“ได้ยินแล้ว ฉันรีบ ไปก่อนนะ” หลังจากที่ถังซินแต่งหน้า ด้วยความรวดเร็ว เธอรีบคว้ากระเป๋าแล้วออกไปอย่างไว เมื่อประตูปิดลงก็ทำให้สิ่งที่หลี่ซูเจ๋บ่นอยู่นั้นตัดขาดจาก โลกภายนอก

หลังจากที่เข้าไปในลิฟต์ ถังซินก็ถอนหายใจผ่อนคลาย

คำพูดพวกนั้นของหลี่ซูเจ๋เป็นเหมือนกับคำสาป มันได้วน เวียนอยู่แต่ในหัวของเธอ ทำให้เธอร้อนใจไม่เป็นสุข

ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนนี้เธอจะสนใจในตัวมู่เฉินหย่วน ถ้าอย่าง นั้นตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว

เพราะว่ามู่เฉินหย่วนได้หมั้นแล้ว แต่นึกกลับไปถึงตอนที่ อยู่โรงพยาบาลวันนั้น การกระทำของเขาเกินเลยเล็กน้อย และนานมากแล้วที่เธอไม่เคยไปเยี่ยมคุณอามู่ที่คฤหาสน์
และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ที่เธอช่วยบริษัท ชื่อขนาดนี้ ช่วย เฉินหย่วน เป็นเพราะว่าตอนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เฉินหย่วนได้ปกป้องเธอเอาไว้ บวกกับหลังจากที่เธอปฏิบัติ หน้าที่แทนประธาน เขาได้ให้ความเชื่อใจเธอ ดังนั้นเธอจึง เพียงแค่อยากตอบแทนบุญคุณนี้ก็เท่านั้น และถือโอกาส สืบหาการตายที่แท้จริงของหัวหน้าแผนก

วันนี้ฝนตก ถังซินกลัวรถจะติด จึงนั่งรถประจำทางไป เจรจาพูดคุยงานที่โรงแรม

คิดไม่ถึงว่า ฝนตกจะทำให้ถนนบางสายพังทรุดลงมา ดัง นั้นรถจึงติดอยู่บนถนน รถประจำทางแม้แต่จะกลับรถก็ยังทำ ไม่ได้

ถังซินมองดูเวลา ในใจกระสับกระส่าย

รอไปเกือบสองนาที ประมาณการคร่าวๆว่ารถติดในตอนนี้ ไม่น่าที่จะขยับออกไปได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

เธอจึงรีบเปิดแผนที่ พบว่าถ้าวิ่งจากตรงนี้ไปโรงแรมจะใช้ เวลาประมาณสิบห้านาที จึงรีบบอกคนขับว่าจะลงรถ

ถังซินก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปพลาง และต่อสาย โทรศัพท์หาประธานหานไปพลาง

หลังจากที่มีคนรับสายโทรศัพท์ เธอจึงพูดด้วยอากัปกิริยา ที่นอบน้อมว่า “ประธานหานขอโทษด้วยนะคะ รบกวนคุณรอ อยู่ที่ห้องที่เหมาไว้นานซักสิบนาทีได้มั้ยคะ? ตอนนี้ถนนตรงนี้ทรุด ฉันกำลังจะวิ่งไปหาค่ะ”

“ประธานถังคุณก็รู้ว่าผมยุ่ง สามารถออกมาทานข้าวกับ คุณได้ต้องยกเลิกการเจรจาพูดคุยไปหลายที่ ถ้าคุณถังซิ นมาไม่ทันเวลานัด อย่างนั้นก็ค่อยนัดใหม่ครั้งหน้า”

ประธานหานพูดอย่างสุภาพ แต่กลับมีความหมายชัดเจน ว่าถ้าถังซินจะมาสาย ถ้าอย่างั้นก็ไม่ต้องเจรจาพูดคุยแล้ว

ประธานหานขอโทษจริงๆค่ะ ฉันต้องรีบไปอย่างแน่นอน ค่ะ ถังซินตอบกลับไปอย่างไร้ค่า หลังจากที่วางสาย เธอ โกรธจนแทบอยากจะโยนมือถือทิ้ง

ไม่รู้จริงๆว่าคุณอาม่เลือกผู้จัดการใหญ่พวกนี้มาได้ยังไง ทำไมถึงเย่อหยิ่งกันหมดขนาดนี้

ถังซินเดินไม่ระวัง เท้าเตะไปที่พื้นที่นูนขึ้นมา เธอจึงล้มลง ไปทั้งตัว

นําดินโคลนกระเด็นขึ้นมาที่หน้าจองเธอ เธอจึงอยู่ใน สภาพที่หน้าแตกเป็นอย่างยิ่ง

“พี่สาว พี่ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” มือเล็กๆยื่นมาที่บริเวณตาของ เธอ ในมือได้มีซองกระดาษทิชชู่วางอยู่

“ขอบคุณ” ถังซินรับกระดาษทิชชู่มา และลุกขึ้นมาจากพื้น

เด็กผู้ชายที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าใส่ชุดจักรยานเสือภูเขาสวมหมวกนิรภัยและผ้าปิดปาก ทําให้บดบังตัวเองไว้อย่าง มิดชิด ตรงข้างๆยังมีจักรยานเสือภูเขาจอดอยู่ ดูแล้วมีความ เท่มาก

ถังซินมองไปที่ดวงตาคู่นั้นซึ่งเหมือนกับเธอเคยเห็นมา ก่อน กำลังคิดอยู่เคยเห็นที่ไหน เด็กผู้ชายคนนั้นจึงเอาผ้า ปิดปากลง ดวงตาใสวาวมองมาที่เธอ “พี่สาว บังเอิญมาก เลย”

“ เธอเองหรอ?” เด็กผู้ชายคือคนที่เก็บกุญแจรถของเธอ ได้ที่ห้างสรรพสินค้าก่อนหน้านี้ วี่เหวินถึงในร่างใหม่ เธอ ชะงักงัน จากนั้นจึงยิ้มและพูดขึ้นว่า บังเอิญจัง เธอช่วยฉัน ไว้อีกครั้งแล้ว

ไม่เป็นไร เด็กผู้ชายพูดด้วยเสียงกังวาน พี่สาว เสื้อกันลม ของพี่เหมือนจะเปื้อนแล้ว

เมื่อพูดเสร็จก็ล้วงเอากระดาษทิชชู่ออกมาจากกระเป๋า

“ไม่ต้องแล้ว เปื้อนแล้วก็ทิ้งไป” สภาพจิตใจของถังซิ นอ่อนโยนลงอย่างรวดเร็ว เธอถอดเสื้อกันลมโยนทิ้งลงถัง ขยะ แล้วถอดรองเท้าส้นสูงออก หักส้นรองเท้าส้นสูงออก ให้เป็นรองเท้าส้นแบน

ถังซินพูดออกมาอย่างผ่อนคลายว่า “สบายขึ้นมากเลย

การกระทําของถังซินทำให้เด็กผู้ชายตกตะลึงจนตาค้าง
เมื่อถังซินเสยเส้นผมที่ชื้นขึ้นไป ทำให้เห็นลักษณะของ ความสุขมและเชื่อมั่นในตนเอง เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียง ตะตึงตกใจ “พี่สาว พี่หล่อมากเลย! ฉันคิดว่าพี่ล้มแล้วจะ ร้องไห้ซะอีก”

ถังซินยิ้มเบาๆ “ร้องไห้ก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ คิดหาทาง แก้ไขปัญหาดีกว่า”

“วันฝนตก ทําไมเธอมาอยู่ข้างนอกคนเดียว” ขณะที่ถังซิน จัดการเส้นผม ก็ถือโอกาสพูดคุยกับเด็กผู้ชายไปด้วย และ มักจะชำเลืองตามองที่บนหน้าของเด็กผู้ชาย

เด็กคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับวี่เหวินถึงมั้ยนะ?

เด็กผู้ชายยิ้มอย่างน่าเอ็นดู “จริงๆแล้ววันนี้มีฝึกซ้อม แต่ คุณครูมีธุระมาไม่ได้ ผมเลยออกมาฝึกซ้อมเอง คิดไม่ถึงว่า กลางทางฝนจะตก ยังดีที่ไม่ตกหนัก”

“คนที่บ้านนายไม่เป็นห่วงหรอ? ”

“ไม่ห่วงนะ ผมเป็นกังฟู!” เด็กผู้ชายยกคางขึ้น แล้วพูด อย่างภาคภูมิใจว่า “อย่ามองว่ารูปร่างผมเล็ก! ขนาดคน ธรรมดายังคิดเอาชนะผมไม่ได้เลย

“นายอายุเท่าไหร่?”

“จะสี่ขวบแล้ว”
ถังซินก้มหน้ามองแล้วมองอีก “สี่ขวบ! เธอสูงร้อยสี่สิบ เซนติเมตรแล้วหรอ?”

“เพราะว่าพ่อของผมตัวสูง” เด็กผู้ชายพูดถึงพ่ออย่างภาค ภูมิใจ พ่อของผมสูงประมาณร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ผมหวัง ว่าต่อไปผมก็จะสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตร

ถังซินอดทนไว้ไม่ไหวแล้ว “พ่อของเธอคือ?”

หลังจากที่ถามออกไป เธอถึงคิดได้ว่าไม่เหมาะสม ใบหน้าเธอจึงเก้อเขินเล็กน้อย “ฉันดูเหมือนกับคนไม่ค่อยดี ใช่มั้ย? ฉันเห็นเธอสูงขนาดนี้เลยอดถามไม่ได้

เด็กผู้ชายไม่ถือสาอะไรแม้แต่นิดเดียวและยิ้มออกมาอย่าง น่ารัก “ไม่เป็นไร ถ้าพี่สาวเป็นคนไม่ดี ถ้าเช่นนั้นก็คงจะถูก ผมจับตีเพียงอย่างเดียว”

ถังซิน…

“ เจ้าหนุ่มน้อย เธอพูดแบบนี้เกินไปแล้ว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ