ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 373 ผมคาดหวังให้คุณได้เป็นนายหญิงของที่นี่



บทที่ 373 ผมคาดหวังให้คุณได้เป็นนายหญิงของที่นี่

เมื่อเห็นท่าทีดึงดันของเขา ถังซินจึงทำได้เพียงพยัก หน้า “ได้ แบบนั้นพวกเรารับผิดชอบกันคนละครึ่ง”

ใบหน้าของหลินเฉิงจี่เผยรอยยิ้มขึ้นมาทันที

บางทีอาจเพราะว่าท้องอยู่ด้วย ถังซินใช้เวลายาม บ่ายในการทำความคุ้นเคยกับรายชื่อแขกทางการเมือง เวลาผ่านไปยังไม่ถึงสองชั่วโมงเธอก็หลับเสียแล้ว

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกที ก็พบว่าเป็นเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว

ประจวบเหมาะกับที่หลินเฉิงจี่มาเคาะประตู และนำ เสื้อผ้าอยู่บ้านมาให้

“ขอบคุณ” ถังซินประหลาดใจที่เขาใส่ใจขนาดนี้ รู้

ด้วยว่าตัวเธอนั้นไม่ชอบที่จะใส่ชุดกรุยกรายพวกนั้น

เมื่อเธอเปิดเสื้อผ้าออก ก็พบกับยาบำรุงครรภ์ หันไป มองเขาด้วยความสงสัยและเอ่ยถามเสียงแผ่ว “ทำไม ถึงเร็วขนาดนี้ ทางจี้เจียจื้อจะตรวจไม่พบหรือ”

หลินเฉิงจี่ยิ้มบางๆ “น้องสาวของจงเซิงเองก็ท้อง และ กำลังทานยาบำรุงครรภ์อยู่เช่นกัน เขาวานให้น้องสาว ของเขาซื้อมา ผมกลัวว่าแค่ครึ่งขวดเล็กนั่นจะไม่พอ”

“เขามีน้องสาวด้วยหรือ”
“แปลกมากหรือ

ถังซินจับผมพร้อมกับเอ่ยพึมพำ “ฉันคิดว่าเขาจะ เหมือนกันคนคุ้มกันในโทรทัศน์ ที่กำพร้า อะไรแบบ นั้น…. นายรู้จักใช่ไหม ผู้คุ้มกันที่กำพร้าน่ะ”

หลินเฉิงจื่อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ยินยิน เธอน่ารักเกิน ไปแล้ว”

“อย่าหัวเราะสิ ฉันแค่ขาดความรู้เลยไม่เข้าใจเท่านั้น เอง” ถังซินถลึงตาใส่เขา ก่อนจะกล่าวอย่างไม่สบ อารมณ์ “ใครจะไปรู้กันว่าวันหนึ่งฉันจะมาที่คฤหาสน์อ เล็กซ์เลียร์กันเล่า

ริมฝีปากสีแดงมุ่ยลง ท่าทางราวกับไม่มีความสุข แต่ก็ ดูเกียจคร้านไปด้วยในที เผยให้เห็นถึงเสน่ห์ของผู้หญิง ออกมา

เป็นแรงดึงดูดที่รุนแรงนัก

หลินเฉิงจี่ขยับเข้าไปใกล้เธออย่างไม่รู้ตัว ฝ่ามืออุ่น แตะเข้าที่แก้มของเธอ ในใจเริ่มร้อนขึ้น เขาเอนตัวไป หาเธอ “ยินยิน พวกเราแต่งงานกันเถอะ”

หากอเล็กซ์เลียร์เป็นของผม ผมก็อยากให้คุณเป็น นายหญิงของที่นี่

ถังซินชะงักนิ่ง ก่อนจะรีบผลักเขาออก และถอยหลัง ไปหลายก้าวด้วยความกลัว “ในตอนนี้พวกเราควรคิดแต่เรื่องรายชื่อนักการเมืองเหล่านี้ ให้พวกยอมรับคุณ”

ไม่ได้ตอบเขา และเปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อๆ

รอยยิ้มของหลินเฉิงจี๋ค่อยๆ จางไป แต่สายตายังคง ความอบอุ่นไว้ และพยักหน้ารับยิ้มๆ “อือ ผมรู้แล้ว”

ทั้งสองลงตึกไปพร้อมกันเพื่อทานข้าว

ผ่านไปหลายชั่วโมง ความโกรธที่โบแนร์มีต่อจี้เจียจื้อ และหลินเฉิงจี่ก็จางหายไป และไม่มีได้ท่าทีเมินเฉยถัง ซินเหมือนเมื่อวาน ต่างเรียกพวกเขาไปทานอาหารร่วม

สายตาเย็นชาของจี้เจียจื้อเหลือบมองพวกเขา และ หันไปทานอาหารต่อ

เมื่อโบแนร์ได้พบหน้ากับลูกชายทั้งสอง ราวกับมี ความกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา หลินเฉิงจี๋และถังซิน นั่งลง เขาก็ดึงหลินเฉิงจี่เข้าร่วมบทสนทนา พูดคุยเกี่ยว กับชีวิตปกติ และไม่ได้พูดถึงเรื่องธุรกิจเลย

พูดคุยไปได้ชั่วครู่ โบแนร์ก็ถามหลินเฉิงจี่ขึ้นมา “Colbert ก่อนหน้านี้แกไม่ได้พูดว่าชอบเหม่ยซี และ หมั้นกันแล้วหรือ เรื่องนี้เธอรู้หรือไม่”

หลินเฉิงจี๋หลบสายตาที่มืดครึ้มลง “พอหมั้นกันแล้ว พวกเราถึงได้รู้ว่าไม่เหมาะกัน พอได้คุยกับยินยิน ถึงได้ ขอเลิกกับเธอ เธอเองก็เห็นด้วย”
โบแนร์ลูบคางก่อนจะกล่าว “เหม่ยซีค่อนข้างฉลาด พวกแกเข้ากันไม่ได้ก็คงช่วยอะไรไม่ได้

“พ่อ ถ้าพ่อชอบเธอ ก็ไม่ยากที่จะเชิญเธอกลับมานะ” หลินเฉิงจี่กล่าวยิ้มๆ “เธอทำงานอยู่ที่บริษัทที่หนึ่งของพี่ ใหญ่ ทั้งยังพูดคุยกับพี่ใหญ่มากกว่า คงจะดีหากเธอได้ อยู่กับพี่ใหญ่”

“เหม่ยซีเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งเท่านั้น คนที่เธอชอบ คือนาย” สีหน้าของจี้เจียจื้อนิ่งเรียบ “ในฐานะพี่ชาย ก็ ไม่อยากให้แกโดนวิจารณ์หรอก”

หลินเฉิงจี่ยังคงไล่บี้ไปติดๆ “ไม่เป็นไร ผมไม่ใส่ใจ อย่างไรพวกเราก็เป็นพี่น้องกัน ทั้งฉันยังได้ยินมาว่า เมื่อก่อนเหม่ยซืชอบพี่ใหญ่ แต่เพราะพี่เย็นชาเกินไป ไม่ตอบรับอะไรเธอ ผมรู้สึกว่าที่เหม่ยซีหมั้นกับผม ก็ เพราะอยากยั่วโมโหพี่ ไม่อย่างนั้นคงไม่เฉยชากับผม ขนาดนี้”

“แกสานสัมพันธ์กับคุณถังก่อน ถึงได้ขอเลิกกับเหม่ย ซี อย่าได้สาดโคลนใส่ฉัน”

“ผมพูดจริงไหม ไปตรวจสอบที่บริษัทพี่ใหญ่เดี๋ยวก็รู้

มองดูจากนอกวง คนที่ลอบวางกับดักเก่งอย่างงี้ เจียจื้อยังมีสีหน้ามืดครึ้ม ถังซินลอบกล่าวในใจ เธอคิด มาเสมอว่าหลินเฉิงจี่สู้จี้เจียจื้อไม่ได้ พอได้มาเห็นวันนี้หลินเฉิงจี้ก็ไม่ได้น้อยหน้าอะไรเลย

สองพี่น้อง ที่คนหนึ่งหน้าใสราวกับเมฆส่วนอีกคนหน้า ดำราวกับน้ำหมึก

“เถียงกันพอหรือยัง ข้าวยังจะทานกันอยู่หรือไม่” โบ แนร์คิ้วขมวด น้ำเสียงฟังดูไม่สบอารมณ์ “พวกแกสอง คนนี่สู้กันเรื่องธุรกิจแล้ว ก็ยังจะมาสู้กันเรื่องชีวิตประจำ วันอีกหรือ”

ถังซิน “.…………”

ก็เพราะท่านพูดถึง เหม่ยซี ขึ้นมาก่อนไม่ใช่หรือ พวก เขาถึงได้ทะเลาะกันปากเป็นปืนกลแบบนี้

“แย่ แย่แล้ว”

บรรยากาศที่ตึงเครียดถูกทำลายลงด้วยน้ำเสียง ร้อนรนของคนรับใช้

คนรับใช้ที่เดนลงมาจากชั้นบนมีท่าทีร้อนรน เท้าก้าว บนความว่างเปล่า จนร่างกลิ้งหลุนลงมา โบแนร์ที่เห็น เช่นนั้นก็มีสีหน้าย่ำแย่ทันที

โบแนร์กล่าวอย่างโมโห “เจ้าคนรับใช้น่าตายนี่ รีบลุก ขึ้นมาพูดเดี๋ยวนี้”

คนรับใช้รีบยันตัวขึ้นมา โค้งตัวลงด้วยร่างกายที่สั่น เทา “มาร์ธานอนตายอยู่ในห้องคุณถังค่ะ…”
หลินเฉิงจี่รีบลุกขึ้นยืนขึ้นมาทันที “มันเกิดเรื่องอะไร กัน”

“ฉัน ฉันเองก็ไม่รู้เช่นกันค่ะคุณชายรอง” คนรับใช้ กล่าวเสียงสั่น “ฉันเพิ่งสั่งให้มาร์ธานำควันหอมอันใหม่ ไปไว้ที่ห้องของคุณถัง เพื่อให้คุณถังได้นอนหลับสบาย ขึ้น เมื่อเห็นว่าถึงเวลาทานข้าวแล้วแต่เธอยังไม่มา ก็ขึ้น ไปเรียกเธอ เพียงเข้าไป…ก็พบว่าเธอนอนอยู่บนพรม

โบแนร์โยนผ้าเช็ดปากลงกับโต๊ะ ดันเก้าอี้ออกและรีบ ลุกขึ้นมา

“ขึ้นไปดู”

ถังซินเดินอยู่ข้างๆ หลินเฉิงจี๋ เดินขึ้นตึกไปพร้อมกับ ทุกคน และเข้าไปยังห้องที่ตัวเองพักอยู่

ในเบื้องต้นเธอยังไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนั้น คิด ว่าคนรับใช้ที่ชื่อมาร์ธาคนนั้นคงได้โดนอะไรจนตายเข้า แต่พอเข้าไปในห้องและเห็นศพ เธอก็กลัวจนเกือบจะ กรีดร้อง

บนพรมนั้นมีร่างหญิงสาวนอนอยู่คนหนึ่ง ร่างนั้นสวม เดรสที่ลองสวมอยู่เมื่อคืน ใบหน้าบวมหันหน้ามองมา ทางประตู ดวงตาเบิกโพลง

ผิวทั่วร่างกลายเป็นสีดำ ดูแล้วเป็นการตายที่ย่ำแย่มาก
“อย่าดู” หลินเฉิงจี้เอ่ยปลอบ และกอดถังซิน ให้หน้า หันเข้ากับอกของตัวเองไว้

เบื้องหน้าสายตาของถังซินมืดมิด เมื่อเรียกสติกลับ มาได้ ก็ได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นแรง เมื่อรู้ว่าเขา กำลังปกป้องตัวเอง อาการอาเจียนพวกนั้นก็หายไป

แม้แต่โบแนร์เองก็ตื่นตระหนกจนนิ่งชะงักไป เมื่อ เรียกสติกลับมาได้ ก็หันไปถามคนรับใช้คนนั้นทันที “เธอเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน ป่วยเป็นโรคอะไรหรือไม่ พวกเธอได้พบเห็นว่าก่อนหรือเปล่า”

คนรับใช้รีบตอบทันพลัน “คุณท่านคะ ตอนปลายปี พวกเราไปตรวจร่างกายมา ร่างกายก็แข็งแรงดีค่ะ ฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้เป็นเช่นนี้”

“เธอโดนยาพิษจนเสียชีวิต” หลินเฉิงจี่กวาดสายตา มองชุดบนร่างของคนรับใช้ด้วยสายตาเย็นยะเยือก “นี่ คือชุดที่ยินยินลองเมื่อวาน เธอรู้สึกว่าสวย เลยลองใส่

“แกจะบอกว่า เดรสนี้เคลือบยาพิษรึ” โบแนร์หันกลับ ไปมองหลินเฉิงจี๋

หลินเฉิงจี่พยักหน้า

โบแนร์สีหน้ามืดครึ้ม กล่าวอย่างกรุ่นโกรธ “เจ้าคน รับใช้น่าตายนี่ กล้าแม้แต่ลองใส่ชุดของเจ้านายตามใจชอบ โทรเรียกหมอประจำตระกูลมา บอกเรื่องที่เกิดขึ้น ที่นี่ให้เขาฟังซะ”

คนรับใช้รีบไปจัดการทันที

หลังจากนั้น โบแนร์ก็ลงไปชั้นล่าง นั่งอยู่ห้องนั่งเล่น บรรยากาศรอบตัวดูนิ่งสงบจนน่ากลัว

จี้เจียจื้อไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นจนถึงตอน นี้ หลังจากที่นั่งลงแล้ว ก็พบว่าสายตามืดครึ้มของหลิน เฉิงจี่กำลังจ้องมาที่ตน รอยิ้มบนใบหน้าจึงค่อยๆ หาย ไป

“Colbert ต่อให้ฉันไม่พอใจคุณถัง ก็ไม่คิดลงมือที่ บ้านนี้หรอก” จี้เจียจื้อกล่าวอย่างเอื่อยๆ “การลงมือทำ เช่นนี้ มันคือการทำให้ตัวเองเสียเปรียบ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ