ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 131 ท่านมู่เป็นพนักงานส่งเสริมการขาย



บทที่ 131 ท่านมู่เป็นพนักงานส่งเสริมการขาย

อาจจะเป็นเพราะคำพูดของถังซินนั้นน่าตกใจกลัวมาก เกินไป จู่ซือซือจึงกลัวมาก “เธอเธอเธอ” ใช้เวลานานก็ไม่ สามารถพูดออกมาให้ครบประโยคได้ ถังซินก็ไม่อยากที่จะ พูดอะไรต่อแล้ว จึงเดินออกมา

หลังจากที่รถของถังซินขับไปไกลแล้ว จู่ซือซือถึงจะมีสติ ขึ้นมา คิดได้ว่าตนเองถูกถังซินขู่โดยที่เธอไม่ได้คาดคิด จึง ร้องออกมาเสียงแหลมและโกรธจนกระทืบเท้าอย่างแรง

เธออยากที่จะให้ถังซินได้เห็นถึงอำนาจแท้ๆ แต่ทำไมถึง กลับถูกเธอรังแกได้หล่ะ?

น่าอับอายจริงๆเลย

เมื่อได้รับคำสั่งจากถังซิน นักข่าวจำนวนหนึ่งเอาข่าวเกี่ยว กับประธานเว่ยของบริษัทเฟิงเยี่ยเผยแพร่ออกไปอย่าง เงียบๆ ไม่กี่ชั่วโมงก็เกิดเรื่องเกิดราวใหญ่โต

แผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทเฟิงเยี่ยไม่ทันที่จะติดต่อ นักข่าวเพื่อปิดข่าว องค์กรราชการได้ไปเชิญประธานเว่ยที่ บริษัทเฟิงเยี่ยแล้ว ข้างนอกมีนักข่าวถ่ายช่วงเวลาที่ประธาน เว่ยถูกพาตัวไป นำเอาบริษัทเฟิงเยี่ยพลัดเข้าไปในการต่อสู้ ทางสังคมที่รุนแรง หุ้นของบริษัทเฟิงเยี่ยตกลงมาอย่าง หนัก เมื่อถึงวันที่สามก็หยุดการเทรดลง
เพราะว่าในสายตาของคนทั่วไปในตอนนี้ได้ถูกดึงดูด ด้วยเรื่องของบริษัทเฟิงเยี่ย เรื่องของบริษัทมู่ซื่อจึงเลือน หายออกมาอย่างเงียบๆ ผู้ที่มีตำแหน่งสูงบางคนได้บินไป ที่บนภูเขาของเมืองเล็กๆเพื่อทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ สาธารณะ ด้วยเหตุนี้ทำให้หุ้นของบริษัทมู่ชื่อกลับมามั่นคง อีกครั้ง

อาจจะเป็นเพราะในคืนนั้นได้ถูกถังซินอบรมสั่งสอนชุด ใหญ่ จู่ซือซือรู้ดีว่าบริษัทมู่ชื่อนั้นสำคัญมาก และเมื่อเธอไป เปิดตัวหนังใหม่กับกองถ่าย ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าได้ รับงานหนังสารคดีที่เกี่ยวกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเด็กๆ บนเขตภูเขาของผู้กำกับบางท่านแล้ว ไม่มีค่าตอบแทนใน การแสดง ทีมงานเบื้องหลังก็ให้การเผยแพร่อย่างยิ่งใหญ่ ว่าเธอได้บริจาคเงินเป็นสิบล้านในการสร้างโรงเรียนบนเขต ภูเขาบางแห่ง

จ่ซือซือหน้าตาสระสวยจึงมีแฟนคลับเป็นของตัวเองเยอะ บวกกับข่าวนี้ที่แพร่ออกไป ทำให้คนที่ไม่รู้จักมาเป็นแฟน คลับเธอ ผู้ที่มีเงินบางคนก็มาช่วยซื้อหุ้นของบริษัทมู่ชื่อ โดยเฉพาะ

เมื่อมีสังคมภายนอกมาช่วยแล้ว ในที่สุดหุ้นของบริษัทมู่ ชื่อก็มั่นคง และค่อยๆขึ้นไปเรื่อยๆ

ในช่วงนี้เพื่องานของบริษัทมู่ชื่อ ถังซินยุ่งจนหัวแทบจะ ระเบิด ต้องจัดการเรื่องข้างนอก และยังต้องทำจิตใจให้สงบ เพื่อปลอบขวัญผู้ถือหุ้นบางคนที่ร้อนรนและวุ่นวายใจ
หลังจากที่หุ้นของบริษัทมู่ชื่อคงที่ ถังซินก็รู้สึกผ่อนคลาย ขึ้นมาโดยสิ้นเชิง เธอนั่งลงบนเก้าอี้อย่างนิ่งๆ เปิดดูเวยโป๋ ไปมา ได้ไปเห็นคลิปวิดีโอที่จู่ซือซือไปเปิดตัวหนัง

ยังดีที่จู่ซือซือยังมีสมองอยู่บ้าง รู้จักใช้ฐานะนักแสดงของ ตนเองและกลุ่มแฟนคลับในการช่วยเหลือบริษัทมู่ชื่อ

เมื่อนึกถึงเมื่อคืนวันที่จู่ซือซือเอาเช็คให้ ถังซินรู้สึกเสียใจ ทีหลัง

ยังไม่ต้องสนใจว่าคำพูดที่จู่ซือซือพูดว่า แฟน นั้นหมาย ถึงใคร ตัวเองมีหรือไม่มียังไม่ชัดเจนอีกหรอ? ทำไมต้องฉีก เช็คยี่สิบล้านด้วย สมองไม่ดีจริงๆเลย!

เอ๊ะ? ถังซินมองเห็นภาพเงาของบุคคลคนหนึ่งที่รู้สึกคุ้น เคยจากในคลิปวิดีโอจนเกือบที่จะลุกจากเก้าอี้ จึงย้อนคลิป วิดีโอกลับไป และหยุดคลิปมองดูอย่างละเอียด

คลิปวิดีโอเป็นเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของข้าราชการ ระดับ ความชัดเจนนั้นสูง แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะใส่หมวกและสวม ผ้าปิดปาก แต่รูปร่างและเค้าโครงที่ออกมาให้เห็นครึ่งตัว เหมือนกับกวนชิงเฟิงเป็นอย่างมาก

กวนชิงเฟิงทำไมถึงไปอยู่สถานที่แบบนั้นได้?

คลิปวิดีโอไม่สามารถขยายได้ ถังซินหรี่ตาดู เมื่อคิดได้ก็ มองดูอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นก็มีคนเคาะที่ประตู
“ผู้จัดการถัง ยุ่งอยู่หรือไม่?

ถังซินรีบเงยหน้า แล้วพบว่าท่านมู่ได้มายืนอยู่ที่หน้าประตู ห้องทํางาน เธอรีบวางมือถือและเดินไปต้อนรับ “ท่านมู่ คุณ เรียกฉันว่าเสี่ยวถังก็พอแล้ว คุณนั่งก่อนค่ะ”

เธอเอาเก้าอี้สบายๆที่นั่งเป็นประจำให้ท่านมู่นั่ง

ท่านคู่กลับโบกมือปฏิเสธ และนั่งลงที่เก้าอี้หวายที่อยู่ตรง ข้าม เอากระบอกเก็บความร้อนที่อยู่ในมือวางลงที่บนโต๊ะ และพูดคุยกับถังซินอย่างคุ้นเคย “ไม่กี่วันมานี้ที่บริษัทคงยุ่ง มากใช่มั้ย? ”

“ยุ่ง ทุกคนยุ่งกันหมดค่ะ!” ถังซินพูดอย่างยิ้มๆ “ฝ่าย ประชาสัมพันธ์ยุ่งที่สุดแล้ว เรื่องในครั้งนี้สามารถสงบลง อย่างเร็ว ก็ได้คุณจู่ช่วยไว้มาก”

ท่านมู่พยักหน้า “ยัยเด็กสาวซือซือปกติแล้วดูเป็นคนยิ่ง ผยองเอาแต่ใจตนเอง นึกไม่ถึงว่าจะสามารถแยกแยะเรื่อง ความเหมาะสมได้ ครั้งนี้เธอทำได้ไม่เลวเลยจริงๆ แต่ว่าคน ที่ลำบากที่สุดก็คือเธอ

“ไม่รู้ว่านอกจากเธอจะต้องจัดการเรื่องของบริษัทมู่ซื่อ แล้ว ยังต้องรับมือกับผู้ถือหุ้นพวกนั้นอีก” ท่านมู่เอ่ยขึ้น “งานที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานต้องทำไม่ใช่งานที่ดีอะไร นําบากเธอแล้วจริงๆ!”

ถังซินเข้ามารับตำแหน่งหน้าที่มาตั้งนาน ส่วนใหญ่จะเจอแต่ถ้าเธอสู้ฉัน ฉันก็จะสู้ นอกจากหัวหน้าแผนกหลิว ก็ยัง ไม่มีใครที่จะเอาใจใส่เธอ ความเหนื่อยล้าที่อยู่ในใจก็หมด สิ้นไปในชั่วพริบตาเดียว รู้สึกอบอุ่นในใจ

“มา เธอลองชิมซุปนกพิราบ” ท่าน เปิดฝากระบอกเก็บ ความร้อน พูดอย่างยิ้มขึ้นว่า “พ่อครัวที่บ้านต้มซุปเก่งมาก เฉินหย่วนชอบมากๆ ทุกครั้งที่กลับบ้านจะต้องกินสองถ้วย”

“ขอบคุณค่ะ คุณนั่งก่อน เดี๋ยวฉันทำเอง” ยังไงก็เป็นน้ำใจ ของท่านมู่ ถังซินจึงไม่ได้ปฏิเสธ เมื่อเห็นเขาเทเสร็จแล้ว จึงรีบรับถ้วยเล็กที่อยู่ในมือของเขามา

เวลาที่ใช้ต้มซุปนกพิราบกำลังดี หอมมากๆ

ถังซินกินไปหนึ่งคำ แววตาก็เป็นประกาย แล้วกล่าวชื่นชม ว่า “อร่อยมากจริงๆค่ะ ทำให้ท่านมู่เปลืองแรงแล้วยังเอา ของดีขนาดนี้มาให้ฉันจากบ้าน”

“แค่ซุปนกพิราบเอง จะถือว่าเป็นของดีอะไรกัน” ท่านมุ่ ยกมือโบก แววตาที่มองเธอนั้นอบอุ่นและห่วงใย เหมือน กับมองลูกในบ้านตัวเอง “ถ้าเธอชอบ ฉันจะส่งพ่อครัวมาที่ บริษัท ยังไงแผนกของพวกเธอก็มีพ่อครัวรับผิดชอบโดย เฉพาะ คนอื่นก็คงจะไม่นินทาหรอก”

“ฉันได้รับความหวังดีของท่านแล้ว แต่ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ถังซินยิ้มแล้วพูด “ประธานมู่จัดการเรื่องพ่อครัวให้พวกเรา ล้วนแล้วแต่มาจากโรงแรมห้าดาว ทำอาหารได้ยอดเยี่ยม เหมือนกันค่ะ”
เมื่อเห็นถังซินพูดเช่นนี้ ท่านมู่จึงต้องยอมแพ้

ท่านมู่พูดคุยกับถังซินสักครู่ จากนั้นก็พูดถึงเรื่องที่ครั้งนั้น ไปกินหม้อไฟ “เสียดายจังเลย ถ้าฉันมาเดินที่บริษัทมู่ชื่อเร็ว กว่านี้ก็ดีหน่ะสิ ไม่แน่อาจจะจำเธอได้แล้ว”

“ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะทำงานที่บริษัทมู่ซื่อ และเฉิน หย่วนก็ยังเชื่อใจเธอขนาดนี้”

ถังซินได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย

ถึงอย่างไรเธอก็เคยแต่งงานอย่างมีชื่อเสียงกับมู่หยางซิว และคิดไม่ถึงว่ามู่เฉินหย่วนกับเขาจะมีความสัมพันธ์เป็นพ่อ ลูกกัน

ท่านมู่ถามขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ลูกสาว เธอชอบเฉิน หย่วนมั้ย?”

ค็อก คอก ถังซินสำลักน้ำซุปในปาก เธอรีบหยิบกระดาษ ทิชชู่สองแผ่นขึ้นมาเช็ดปาก อายจนหูแดง “มู่ ท่านมู่ ฉันเคา รพประธานมู่มาก

“แค่เคารพเอง ไม่ชอบหรอ?” ท่านปูไม่เลิกที่จะซักถาม

ถังซินพยักหน้า และพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติขึ้นว่า “ฉัน รู้สึกปลื้มใจมากที่ประธานมู่เชื่อใจฉัน แต่พวกเรามีความ สัมพันธ์แค่เจ้านายกับลูกน้อย ประธานมู่ตาดีไม่เลว คุณสั่ง ทั้งอ่อนหวานทั้งสวย
ท่านมู่รู้สึกผิดหวังมาก

“สั่งจิ้งเหอคนนั้นถือว่าไม่เลว กตัญญูต่อพ่อแม่มาก มัก จะไปมาหาสู่กับเขาบ่อยๆ แต่เฉินหย่วนชอบเธอ” ลูกสะใภ้ คนที่เข้าตาเขาก็ยังคงเป็นถังซิน กิริยาท่าทางสง่า สุภาพ เรียบร้อยและฉลาด

เสียดายมาก…

ท่านมู่อยู่ที่นี่ได้ไม่นาน คุณหมอก็โทรมา อยากให้เขาไป ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ถังซินเดินไปส่งท่านมู่ และให้ กาวเหม่ยซีขับรถไปส่งท่านมู่ที่โรงพยาบาล

“ลูกสาว เธอสามารถคิดดูใหม่ได้นะ” ก่อนที่ท่านพู่กำลังจะ ออกไปเขาก็ยังไม่เลิกล้มความคิด พูดกับถังซินขึ้นว่า “ลูก ของฉันนั้นไม่เลวเลยจริงๆนะ หน้าตาไม่แย่ ไม่มีนิสัยที่ไม่ดี ทรัพย์สมบัติก็มีมากมาย

“ถึงแม้ว่าเฉินหย่วนจะแก่กว่าเธอห้าหกปี แต่ก็เป็นผู้ใหญ่ ในทุกด้าน ไม่ต้องให้เธอมาคอยสั่งสอนอะไร ดีกว่าหยางซิว เป็นสิบเท่า ไม่ทำให้เสียใจแน่นอน”

ถังซินยิ้มหัวเราะออกมาอย่างหนัก “ได้ค่ะ ท่านไปโรง พยาบาลกับเลขากาวเถอะค่ะ”

หลังจากที่เลขาเกาเอาตัวท่านดู่ไปแล้ว ถังซินก็เข้ามาที่ห้องทํางาน เธอหันกลับไปอย่างเร็ว ไม่ได้สนใจว่ากาวเหม่ ยซีได้หันกลับมามองเธออีกครั้ง เพียงแต่คิดว่าไม่สามารถที่ จะร้องไห้หรือหัวเราะได้

หากดูตามฐานะทางสังคมของมู่เฉินหย่วน ถ้าอยาก แต่งงานก็คงจะไม่ขาดคนรัก ปัญหาคำเดียวก็คือ ท่านมู่ เหมือนกับกลัวว่าเขาจะหาลูกสะใภ้มาแต่งงานไม่ได้

เหมือนกับเป็นพนักงานส่งเสริมการขาย

ท่านมู่ช่างน่ารักและร่าเริงมากจริงๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ