ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 318 รอให้บริษัทมู่ซื่อล้มละลาย คุณก็มาทำงาน ให้ฉัน



บทที่ 318 รอให้บริษัทมู่ซื่อล้มละลาย คุณก็มาทำงาน ให้ฉัน

หลังจากที่ถึงห้องทำงานของประธาน ถังซินได้ยิน เสียงคนพูดดังออกมาจากข้างใน และไม่รู้ว่ามีแขกอยู่ ข้างในหรือไม่

เธอจึงเคาะประตูตามมารยาท

“เข้ามา” มู่เฉินหย่วนพูดออกมา และไม่มีเสียงพูด อะไรออกมาอีก

ถังซินผลักประตูเข้าไป และไม่พบว่ามีแขก มู่เฉิน หย่วนได้วิดีโอคอลกับคนอื่นอยู่ที่โต๊ะทำงาน เมื่อได้ยิน เสียงคนเคลื่อนไหว เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองสักครู่ และ สายตาก็กลับไปจับจ้องโน๊ตบุ๊คอย่างรวดเร็ว

ถังซินก้าวเข้าไปอย่างเบาๆ หลังจากที่ไปถึงโต๊ะ ก็เอา กระเป๋าเก็บความร้อนวางไว้ข้างบน และรออย่างเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไร

ชายหนุ่มพูดภาษาอังกฤษ เขาพูดอย่างรวดเร็วแต่มี ความชัดเจน

ถังซินฟังออกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจการส่งออก บนโต๊ะยังมีเอกสารเกี่ยวกับการส่งออกวางอยู่บนโต๊ะ หลายฉบับ ทุกครั้งที่มู่เฉินหย่วนอยากจะหยิบเอกสาร เธอจึงเอาเอกสารฉบับนั้นยื่นไปให้เขาก่อน
การสนทนาเกี่ยวกับธุรกิจการส่งออกในครั้งนี้ ต่อ เนื่องไปจนถึงเวลาครึ่งชั่วโมงเต็มๆ

เมื่อปิดวิดีโอคอล มู่เฉินหย่วนก็ถอดหูฟังออก

ประชุมไปเกือบสองชั่วโมง ชายหนุ่มก็ยังคง กระปรี้กระเปร่า ไม่มีความอ่อนเพลียและง่วงนอนแม้แต่ น้อย

ถังซินเอาน้ำชายื่นให้เขา ทอดถอนใจและชื่นชม “สม กับที่เป็นประธานมู่ การร่วมมือทางการค้าที่ยากขนาดนี้ คุณก็ยังพูดโน้มน้าวใจคนอื่นได้ และรอแค่วันที่จะเซ็นต์ สัญญาเท่านั้น”

มู่เฉินหย่วนขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดอย่างตรง ประเด็นขึ้นว่า “รู้ว่าเขาต้องการอะไร ก็เอาจุดนั้นเป็นตัว ล่อ เขาก็เพียงแค่ไม่ชอบได้กำไรต่ำก็เท่านั้น ถ้าอย่าง นั้นฉันจึงให้ตามราคาที่เขาอยากได้”

ถังซินเอียงหน้ามองเขา “คุณใจดีขนาดนั้นเลยหรอ?”

“ในด้านอื่นจะหักค่าใช้จ่ายหรือไม่ฉันก็ออกความเห็น ไม่ได้” มู่เฉินหย่วนจิบชาไปหนึ่งคำ “ทำธุรกิจจะหาแค่ เงินได้อย่างไร จะต้องควักเงินออกมาด้วย”

“นักลงทุนสมองเฉียบแหลมจริงๆ สุดยอด! สีกละอายที่ไม่อาจเปรียบเทียบ ด้วยไ ” ถังซินรู้

เธอเปิดกล่องเก็บความร้อนออก หยิบกับข้าวและขาหมูน้ำแดงออกมา “แม่ให้ฉันเอาอาหารกลางวันมาให้ คุณ ฉันจำได้ว่าคุณไม่ชอบกินขาหมู ไม่อย่างนั้นให้ฉัน กินแทนคุณเอามั้ย?”

“ของชอบสามารถเปลี่ยนกันได้ มู่เฉินหย่วนลาก กล่องข้าวไปตรงหน้า ไม่ให้เธอได้ฉกฉวยโอกาสนี้ ยิ่ง ไปกว่านั้นนี่คือการแสดงความมีน้ำใจของแม่ยายอย่าง หนึ่ง ฉันจำเป็นต้องกินให้หมด”

ถังซินมองบน “หน้าไม่อายจริงๆ ยังไม่ขอแต่งงาน ก็ เรียกว่าแม่ยายแล้ว!”

มู่เฉินหย่วนมองที่นิ้วของเธอ “ไม่ใช่ว่าสวมแหวนแล้ว หรอ?”

“อันนี้ให้ตอนเล่นเกมส์!”

“ฉันรู้แล้ว คุณนายมู่คิดว่ายังไม่อลังการ ไม่โรแมน ติกพอ มู่เฉินหย่วนหยิบมือถือขึ้นมา ฉันจะเรียกนัก ออกแบบมา ให้เขาได้คุยกับเธอต่อหน้า ดูว่าเธออยากที่ จะได้แหวนแบบไหน”

ถังซินรีบแย่งโทรศัพท์เขามาอย่างรวดเร็ว “ซื้อแหวน ใหม่เปลืองเงินมาก คุณกินข้าวของคุณไป!”

ถ้าหากนักออกแบบมาที่บริษัทมู่ซื่อจริงๆ ไม่แน่ในช่วง บ่ายคนทั้งองค์กรอาจจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับ มู่เฉินหย่วนกันหมด
มู่เฉินหย่วนยิ้มหัวเราะเบาๆ

เมื่อถังซินส่งอาหารกลางวันเสร็จแล้วก็อยากที่จะ กลับออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนพูดซุบซิบนินทา แต่มู่เฉินหย่วนบอกว่าจะสอนเธอเกี่ยวกับทำโครงการ สาธารณะ จึงทำให้เธอหยุดก้าวขาได้สำเร็จและกลับ มานั่งที่ข้างๆเขา

มู่เฉินหย่วนพูดเรื่องโครงการนี้อย่างเข้าใจได้ง่าย ทำให้ถังซินฟังอยู่อย่างตั้งใจ

หลังจากที่พูดจุดสำคัญของโครงการเสร็จแล้ว เขา ก็ได้กินข้าวเสร็จแล้วเช่นกัน

“ปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเถอะ ฉันจะทำออกมาให้ดีอย่าง แน่นอน” ถังซินรีบจัดเก็บกระเป๋าเก็บความร้อน ดูแล้วมี ท่าทางที่ฮึกเหิม “ถ้าไม่หาอะไรทำอีก สมองของฉันใกล้ จะขึ้นสนิมแล้ว”

มู่เฉินหย่วนลูบคลำคาง “สนใจจะเป็นรองประธาน มั้ย? งานเยอะ เธอจะไม่ได้อยู่อย่างสบายแน่นอน”

“ไม่ทำ!” ถังซินปฏิเสธอย่างไม่คิด “ถ้าหากให้ฉันทำ ในบริษัทอื่น ฉันรับปากแน่นอน เป็นโอกาสดีที่จะได้ ฝึกฝน แต่ทำในบริษัทมู่ซื่อไม่ได้”

“ทำไมหล่ะ?”

ถังซินขมวดคิ้ว “ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะปิดเป็นความลับ แต่ฉันไปมาหาสู่กับคุณบ่อยๆ บางคน เขาก็เดากันถูกบ้าง ฉันอยู่แผนก R ทำให้คนไม่พอใจ กันเป็นกอง ถ้าหากได้เป็นรองประธาน คำพูดที่ไม่น่าฟัง เหล่านั้น อาจจะเข้าหูผู้ถือหุ้นอย่างแน่นอน ทำให้คุณถูก พวกเขาจับตาดู”

มู่เฉินหย่วนยิ้ม “คนที่ถือหุ้นมากที่สุดในบริษัทมู่ชื่อ คือฉัน เธอยังกลัวผู้ถือหุ้นรวมกันลงมติไม่ไว้วางใจฉัน หรอ?”

“ไม่กังวล แต่แค่กลัวเรื่องบางเรื่องที่ไม่น่าฟังเผยแพร่ ออกไป”

ใบหน้าของหญิงสาวยิ้มอย่างมั่นใจในตนเอง และมี ความสวยแพรวพราวแต่มีความดุดัน

มู่เฉินหย่วนดึงเธอเข้ามาในอ้อมอก และจูบไปที่นิ้วมือ อันขาวและเรียวเล็ก จากนั้นก็ยิ้มและพูดด้วยเสียงเบาๆ “ดูแล้วคุณผู้หญิงมู่จะโตขึ้นทุกวันๆ เก่งขนาดนี้ ฉันกลัว มากว่าตนเองจะถูกคุณนายมู่สลัดทั้ง”

ถังซินมองบนใส่เขาและพูดบ่นขึ้นว่า “ฉันกลับคิดตรง กันข้ามนะ ฉันรู้คุณค่าและความสามารถของตัวเองดี เฮ้อ! แต่ฉันกลับหวังให้คุณโง่ลงซักนิด เพื่อที่ฉันจะได้ ไม่ต้องกดดันมากขนาดนี้”

“คุณนายมู่ คุณโทษว่าผมฉลาดเกินไปหรอ?”

อืม! ถังซินบึนปาก และพูดแผนการในอนาคตออกมา“ฉันคิดได้แล้ว รอให้ฉันเรียนรู้สมรรถนะต่างๆในบริษัท มู่ชื่อเสร็จแล้ว ฉันก็จะไปเปิดธุรกิจของตัวเอง และ ตนเองก็เป็นประธาน!”

“มีความตั้งใจที่ไม่เลวเลยหนิ” มู่เฉินหย่วนพยักหน้า เห็นด้วย “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ยิ่งต้องอยู่กับฉัน สังเกตดูให้ ละเอียดว่าฉันเจรจาคุยกับคนแบบไหน ทำความรู้จักคน ให้มากๆ เพื่อเตรียมพร้อมในการทำธุรกิจของตัวเอง”

จากนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นอีกว่า “เธออยากที่จะเปิด บริษัทที่ไหน?”

ถังซินเอามือชี้ไปทางหน้าต่าง และพูดอย่างองอาจขึ้น ว่า “ฉันจะซื้อตึกใหญ่ที่อยู่ข้างๆบริษัทมู่ซื่อ!”

“ขอโทษด้วยจริงๆนะ อันนั้นก็เป็นทรัพย์สมบัติของบริ ษัทมู่ซื่อเช่นกัน” มู่เฉินหย่วนทอดถอนใจ “ถ้าฉันจะขาย อย่างน้อยก็ขายสามพันล้าน”

“สามพันล้าน… คุณคิดถึงเงินจนเป็นบ้าแล้วหรอ?” ถัง ซินตกตะลึงจนอ้าปากค้าง และทอดถอนหายใจลึกลึก ขึ้นหนึ่งที “ได้ ซื้อไม่ได้ฉันก็จะเช่าเอา! ฉันอยากแย่ง ธุรกิจของบริษัทมู่ซื่อ ทำให้บริษัทมู่ซื่อล้มละลาย!”

ในแววตาของมู่เฉินหย่วนนั้นแสดงออกถึงการยิ้ม หัวเราะ มองดูมาดของคุณนายมู่ “ฉันคิดว่ามีอัตรา ความสำเร็จสูงมาก ถ้าอย่างนั้น หลังจากที่ทำลาย บริษัทมู่ซื่อจนพังย่อยยับแล้ว คุณนายมู่คิดจะทำ อะไร?”
ถังซืนจ้องมองเขา และยิ้มอย่างไม่สามารถหยั่งรู้ เหตุการณ์ได้ “ให้คุณมาทำงานให้ฉัน ฉันเป็นเจ้านาย ของคุณ!”

“เหตุผลที่คุณนายมู่อยากที่จะเปิดบริษัทของตัวเองก็ คือสิ่งนี้หรอ?”

“ไม่ได้หรอ?” ถังซินพูดอย่างโกรธแค้นกลับไป “ใคร ใช้ให้เมื่อก่อนคุณชอบสั่งการคนอื่น! ครั้งนั้นที่ไป ประเทศตุรกี ทำให้ชัดจดจำไปทั้งชีวิต!

“ฉันแค่อยากกดความทะนงตัวและความเย่อหยิ่งของ นักลงทุนอย่างพวกคุณให้ต่ำลง ทำให้คุณรู้ว่าอะไรคือ โอกาสของคนที่ได้เปรียบกว่า ฉันคิดถึงภาพพวกนั้นมา นานแล้ว ภาพคุณทำงานให้กับฉัน!”

มู่เฉินหย่วนกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้

คำพูดอันฮึกเหิมของคุณนายมู่ของเขา…ช่างน่ารัก มากจริงๆ!

เมื่อเห็นเขาหัวเราะ ถังซินจึงทุบตีเขาไปหนึ่งหมัด “คุณหัวเราะอะไร ไม่เชื่อว่าฉันสามารถทำได้หรอ?”

“ไม่ ผมเชื่อว่าคุณนายมู่สามารถทำได้ทุกอย่าง” มู่ เฉินหย่วนพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง แต่กลับฉีกยิ้มมุมปาก เล็กน้อย หลังจากที่บริษัทมู่ อล้มละลาย ผมต้องไป ขอร้องคุณนายมู่เก็บผมเอาไว้เลี้ยงผม”
ถังซินมองบนใส่เขา

ทั้งสองคนคุยกันได้สักพัก ถังซินกลัวว่าอีกสักครู่พวก เลขาจะเข้ามาเอาเอกสารมาให้ แล้วจะดูไม่ดี จึงลุกขึ้น เพื่อที่จะกลับ

และเมื่อถึงหน้าประตู เธอก็นึกถึงยันต์ที่เกี่ยวกับความ อยู่เย็นเป็นสุขอันนั้น จึงหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และมองดู จากนั้นก็หันกลับไป เอายันต์นั้นมอบให้กับมู่ เฉินหย่วน

มู่เฉินหย่วนถามเธอ “เธอไปขอพรมาหรอ?”

“ไม่ใช่ เพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ประเทศญี่ปุ่นไปขอจากวัด ที่ศักดิ์สิทธิ์มากมา” ถังซินเอ่ยขึ้น ในหัวปรากฎภาพที่ผู้ หญิงคนนั้นส่งยันต์ให้ ด้วยท่าทางที่วิงวอนขอร้องเล็ก น้อย

และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนั้น

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรที่จะให้เธอเก็บไว้เองมากกว่า หรอ?” มู่เฉินหย่วนเอายันต์นั้นส่งคืนกลับมา

ในใจของเธอมีความรู้สึกบางอย่าง ที่คิดว่าถ้าเอายันต์ นี้ให้กับ เฉินหยวนไว้ เธอถึงจะสบายใจ

“ผ่านมือฉันแล้ว ก็ถือว่าฉันขอพรแล้ว”

มู่เฉินหย่วนเผลอยิ้มออกมา
เขาคือคนที่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีอยู่จริง ไม่เชื่อว่า แค่ยันต์อันเดียวจะสามารถรักษาความอยู่เย็นเป็นสุข ได้ แต่นี่คือความมีน้ำใจของคนรัก เขาจึงต้องรับไว้

หลังจากที่ถังซินออกไป มู่เฉินหย่วนเปิดลิ้นชัดและ วางยันต์นี้ลงไป

เขาชำเลืองมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก็เห็นบนยันต์มีภาพ ของเทพเจ้าที่เย็บปักด้วยเทคนิคลึกลับซับซ้อนรู้สึกคุ้น เคย และหยิบยันต์นั้นขึ้นมาอีกครั้ง และสังเกตอย่าง ละเอียด

ภาพเทพเจ้าที่อยู่บนยันต์ไม่ได้ใช้เครื่องเย็บผ้าปัก แต่คือการที่คนประดิษฐ์ปักด้วยมือลงไป ฝีมือการเย็บ ปักดีมาก ภาพเทพเจ้าเหมือนกับมีชีวิต ทำให้จิตใจรู้สึก เคารพยำเกรง

มู่เฉินหย่วนขมวดคิ้วแน่น ผ่านมานานมากแล้วที่ความ รู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้ได้ปรากฎขึ้นอีกครั้ง

ทำไมฝีมือการเย็บปักนี้เขาดูแล้วคุ้นตา?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ