ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 165 ถ้าไม่ใช่ฉันพีก็รับมือไม่ได้หรอก



บทที่ 165 ถ้าไม่ใช่ฉันพีก็รับมือไม่ได้หรอก

“พี่เฉิน พี่จะมากไปแล้วนะ ต่อไปฉันจะไม่มาดูพี่แล้ว!” จู่ ซือซือกล่าวออกไปอย่างโมโหพร้อมหันตัวเดินจากไป

แต่ยังไม่ทันถึงปากประตูเธอก็เดินกลับมา

“พี่จู่ พี่โมโหอะไรก็อย่ามาลงที่ฉันสิ” ถังซินเห็นเธอเดิน มายังถังซิน พลันระวังตัวขึ้นมา “คำพูดพวกนั้นประธาน ล้วนเป็นคนพูด ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”

จ่ซือซือเพียงแต่หยิบเช็คธนาคารออกมาจากกระเป๋าหนึ่ง ใบ พร้อมโยนไปที่หน้าอกของถังซิน “ถังซิน อยากให้ฉัน เรียกเธอว่าพี่สะใภ้มั้ย ทำความฝันอันยิ่งใหญ่ของเธอซะ ชีวิตนี้ฉันคงทำมันไม่ได้หรอก!”

“แล้วก็ หมาป่าได้เลิกกับเธอไปแล้ว ต่อไปอย่าไปยุ่งกับ เขาอีก”

“ค่าเลิก รับไปซะ!”

จ่ซูซูรวบผมขึ้น พร้อมเดินเชิดบนรองเท้าส้นสูงแล้วจาก ไป

ถังซินก้มหน้ามองใบเช็ค จำนวนเงินยี่สิบล้านเหมือนครั้ง ที่แล้วไม่มีผิด แต่ถังซินสับสน ครุ่นคิดว่าเธอเป็นใครสำหรับ จ่ซือซือกัน ถึงให้ตัวเธอมาเป็นโล่กำบัง
ถังซินเห็น เฉินหยวนเป็นทองไม่รู้ร้อนแบบนี้ จึงแกว่งใบ เช็คถามเขา “คุณเชื่อว่าฉันจะเหยียบเรือสองแคมมั้ย?”

“ไม่เชื่อ”

เธอเพิ่งคิดว่ามู่เฉินหยวนจะมีความมั่นใจในตัวเองจริงๆ

มู่เฉินหย่วนกล่าวถัดมาว่า “ผมจะให้คุณหญิงมีโอกาสนั้น เด็ดขาด”

ถังซิ่นไอแค่กๆ อย่างไม่สบายใจ

หลังจากที่เป่าผมให้เฉินหยวนจนแห้งแล้ว เธอก็กลับไป เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง มู่เฉินหย่วนมองแล้วก็ขัดหูขัดตา “โชว์ ท้องแบบนี้ หนาวจะตายชัก

“ร้อนจะตาย เอาที่ไหนมาหนาว!”

มู่เฉินหย่วนทำท่าเข็นวิลแชร์ขึ้นไปด้านบน “งั้นไม่ออกไป ละ”

“เปลี่ยนก็ได้ เปลี่ยนก็ได้!” ถังซินเซ็นรถของเขากลับ ไปยังห้องรับแขก ไม่รู้ว่าเฉินหยวนไม่ได้ออกไปข้างนอ กนานแค่ไหนแล้ว ให้เขาออกไปเดินเล่นให้สบายใจสัก หน่อยดีกว่า “คุณรออยู่นี่นะ”
เธอเพิ่งจะเดินขึ้นไปด้านบน แต่แล้วบานประตูกลับเปิด ออก

“พี่ครับ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” ลู่เหวินซูหอบเอกสารกอง หนึ่งเข้ามา มองซ้ายมองขวา “ถังซินไม่ได้ดูแลพี่หรอกหรอ เธอไปไหนล่ะ”

ลู่เหวินซูเห็นมู่เฉินหย่วนจ้องมองแต่พื้น ไม่มีท่าทีสนใจ เขา จึงเดินเข้าไปหา

“พี่ พี่ครับ”

มู่เฉินหยวนเงยหน้ามองเขา ใจลอยเล็กน้อย

ลู่เหวินซูเห็นเขาไม่มีท่าทีดุร้าย จึงเดาว่าเขายังไม่สร่าง เมา ทันใดนั้นเขานึงเรื่องสนุกๆ ขึ้นมาได้ “พี่ครับ ยังจำได้มั้ย ครั้งที่แล้วพี่แพ้พนัน พี่บอกว่าจะเรียกผมว่าพ่อ”

ในขณะที่มู่เฉินหย่วนเมาค้างอยู่นั้น ลู่เหวินซูกลับแข็งก ร้าวพร้อมก้มหน้าลงมา “เรียกว่าพ่อเร็วๆ สิ!”

“นายอยากจะฟังจริงๆ หรอ?”

ลู่เหวินซูไม่ทันได้สังเกตว่าลักษณะอาการของมู่เฉิน หย่วนได้เปลี่ยนไป เขาถูมือไปมาอย่างดีใจพร้อมกล่าว อีก ทั้งเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอัดเสียง “ใช่ใช่! พี่รีบพูดมาเร็วๆ เถอะ!”
เขาถูกมู่เฉินหย่วนบีบจับข้อมืออย่างแน่นจนร้องออกมา มู่ เฉินหยวนพยายามออกแรง จนมีเสียง “เปราะ” ข้อมือของ เหวินซูได้หักลง เฉินหย่วนแสยะยิ้ม “ฉันไปบอกแกตอนไห นว่าแพ้พนันแล้วจะเรียกแกว่าพ่อ ห้ะ?”

“พี่ครับ ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ” ลู่เหวินซูเจ็บจน ร้องไห้นํ้าตาอาบหน้า เขานึกว่า เฉินหยวนยังไม่สร่างเมา จึงแหย่เล่นนิดหน่อย กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ซะได้

“พี่ดูสิ พี่บีบมือผมจนหักหมดแล้ว สะใจ รึยังล่ะ เมตตา ฉันเถอะ ยกโทษให้ฉันด้วย ต่อไปฉันไม่กล้าทำแล้วล่ะ เห็น กับที่ฉันไปส่งของให้พี่เถอะนะ!”

มู่เฉินหย่วนปล่อยลู่เหวินซู พร้อมกล่าวอย่างช้าๆ “ครั้ง หน้าอย่าเล่นกับไฟแล้วกัน”

“ถ้าไม่ใช่ฉันพี่ก็รับมือไม่ได้หรอก”

มู่เฉินหย่วนสาดสายตาที่เย็นชื่นออกไป เตรียมมือพร้อมที่ จะจัดการ “แกพูดว่าอะไรนะ”

“ป่าว ผมไม่ได้พูดอะไรเลย!” ลู่เหวิน กล่าวอย่างร้อนรน ใบหน้าช่างน่าเวทนา “พี่ ผมไปได้รึยัง มือผมหักด้วย ต้อง ไปรักษาที่โรงพยาบาล”

“เอาเอกสารไปไว้ที่ห้องหนังสือด้วย” มู่เฉินหย่วนหัน วิลแชร์ไปอีกทาง
ลู่เหวินซูอยากจะด่าพ่อล่อแม่ เขามองดูมือขวาของตัวเอง ที่หัก แล้วมองดูเอกสารที่กองอยู่บนพื้น เขากัดฟันกรอด พร้อมใช้มือซ้ายยกกองเอกสารทั้งหมดตามมู่เฉินหย่วนขึ้น ไปด้านบน

หลังจากที่ถึงห้องหนังสือ มู่เฉินหย่วนก็เข้าไปเปิดคอมที่ วางอยู่หลังโต๊ะ

ลู่เหวินซูที่วางเอกสารแล้วกำลังเดินออกไป มองเห็น สภาพของมู่เฉินหย่วนที่เป็นแบบนี้ จึงเดินคลำเข้าไปหา พบว่าเขากำลังตรวจดูกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นของไม่กี่วันมานี้

แต่ว่า จากกล้องวงจรปิด ลู่เหวินซูเห็นสภาพของมู่เฉิน หย่วนที่ดื่มจนเมาเยิ้มกำลังคุยกับถังซิน แถมยังเอาหัว ไปแนบกับท้องของถังซิน หลังจากนั้นท่านก็เข้ามา

หลังจากนั้นก็กินข้าวที่ห้องอาหาร

และหลังจากนั้นของหลังจากนั้น คนที่มีตำแหน่งใหญ่โต ของบริษัทมู่ซือก็เข้ามา แล้วทุกคนก็ไปประชุมที่ห้องประชุม

ลู่เหวินซูมองมู่เฉินหย่วนภายในกล้องวงจรปิดทุกอิริยาบท เขาส่งเสียงอย่างมีเลศนัยพร้อมส่งยิ้มแบบกรุ้ม กริ่มใหมู่ เฉินหย่วน “พี่นี่ใช้ได้เลยนะ ทำถังซินท้องจนได้ จุ๊จุ๊”

มู่เฉินหย่วนชำเลืองมองลู่เหวินซูแวบหนึ่ง “ฉันเย็บปากให้แกเอามัย?”

ลู่เหวินซูรีบหันไปมองชมนกชมไม้ด้านอื่น

หลังจากที่เพิ่งดูวิดีโอในกล้องวงจรปิดเสร็จ ลู่เหวินซูก็ได้ จับจ้องไปที่ภาพภาพหนึ่ง สีหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ

คือภาพที่เขาเพิ่งสร้างเมาในห้องรับแขก แล้วพบว่าลู่เห วิน เข้ามาลวนลามเขา แต่จําไม่ได้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง รู้ตัวอีกทีก็มาดูกล้องวงจรปิดแล้ว ไม่คิดว่ารายละเอียดมัน จะ……เยอะขนาดนี้เ

มิน่าล่ะทุกครั้งตอนที่เขาดื่มเหล้า ผู้ช่วยจางจะตรวจเช็ค ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์อย่างละเอียดตลอด พอเขา สร่างเมาสภาพก็ดูไม่ได้เลย นี่ถ้าหากบริษัทคู่แข่งไหนรู้เข้า หากตายก็คงยังไม่หายสร่างเมาแน่

ถังซินไม่พบมู่เฉินหย่วนบริเวณชั้นล่าง จึงขึ้นมาหาชั้นบน เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือก็พบเหวินซูอยู่ในห้องนั้นด้วย

“คุณลู่ คุณมาแล้วหรอ?”

มู่เฉินหย่วนรีบปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

ถังซินไม่ได้สนใจ เพียงแต่ฉุดดึงลู่เหวินซูมาอีกด้านหนึ่ง อย่างรีบร้อนพร้อมกล่าวเสียงเบา “นั่นคืออะไร เมื่อวาน ประธานมู่ดื่มเหล้าไปนิดหน่อย คุณพูดอะไรกับเขาไปก็จำ ไม่ได้หรอก”
“ห้ะ?” ลู่เหวินซูกล่าวภายใต้จิตสำนึก พีของฉัน เค้า

ไม่กี่วินาทีต่อมา ลู่เหวินซูรู้สึกหนาวบริเวรด้านหลัง จึง ค่อยๆ หันหลังไป ปรากฏสายตาของมู่เฉินหย่วนที่จ้องมอง มายังเขา คล้ายกับกำลังพูดว่า “มือข้างซ้ายของแกจะไม่ เอาแล้วใช่มั้ย”

ถังซินเค้นถาม “คุณลู่ คุณจะพูดอะไรหรอ?”

“ฉันจะบอกว่า ลำบากเธอหน่อยนะที่ต้องมาดูแลพี่ฉัน” ลู่ เหวินซูตบไปที่ไหล่ของถังซิน

ถังซินพยักหน้า มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น

เธอสังเกตเห็นมือขวาของลู่เหวินซูดูไม่มีแรง จึงถามด้วย ความเป็นห่วง “คุณลู่ มือของคุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”

“ไม่เป็นไร ไม่ระวังเลยล้มไปน่ะ”

“งั้นคุณเรียกหมอประจำบ้านคุณมาเถอะ มีเบอร์โทรเครื่อง บินส่วนตัวอยู่” ถังซินกล่าว “วันนี้อากาศไม่เลวนะ เดี๋ยวฉัน พาประธานมู่ออกไปนั่งเล่นสักหน่อยดีกว่า ถ้าเขาสร่างเมา แล้วเดี๋ยวฉันบอก”

พี่เฉินหย่วนเขาสร่างเมาตั้งนานแล้ว !

ลู่เหวินซูโบกมือพร้อมยิ้ม “โอเค พวกเธอไปกันเถอะ”
หลังจากทีรอให้ถังซินเป็นมู่เฉินหย่วนออกไป ลู่เหวินซุก ก้มหน้าก้มตาเอาเอกสารไปใส่ในลิ้นชัก อีกทั้งพูดจาแขวะ เฉินหย่วน “พี่เฉินหย่วนนี่ให้ความสำคัญกับแฟนมากกว่า แม่ตัวเองจริงๆ แถมยังหลอกถังซินอีก!”

แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง ไม่เห็นว่าเขาเป็นน้องเลย แถม ยังหามือเขาหักอีกด้วย

“เอ๊ะ?” ลู่เหวินซูเห็นในลิ้นชักยังมีกล่องเล็กๆ อยู่อีก ใบหนึ่ง จึงหยิบขึ้นมาดูอย่างละเอียด พบว่าด้านบนมีตัว หนังสือเขียวไว้ว่า FX1236 ภายในกล่องใสนั้นบรรจุเป็นยา ลูกกลอนเม็ดเล็กเม็ดหนึ่ง

เขาพึมพัม “นี่ไม่ใช่ยาที่ไอ้สามวิจัยหรอกหรอ?

เมื่อห้าปีก่อนเย่นจิ่งเหนียนก็เคยวิจัยยาตัวนี้ ถึงตอนนี้ยัง คงเป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป ผลข้างเคียงของยาตัวนี้ก็คือ ภายในสามปีหลังจากใช้ยาเม็ดที่สอง มีความน่าจะเป็นร้อย ละเก้าสิบที่จะฟื้นฟูความทรงจำ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการกระ จายข่าวไปยังสังคมภายนอก

เขาเคยฟังเรื่องเกี่ยวกับตุรกีที่เย่นจิ้งเหนียนเคยพูด ใน ตอนนั้นล่ามที่มู่เฉินหย่วนพาไปด้วยถูกซือซือนั้นกลั่นแกล้ง ให้ได้รับยาชนิดนี้ มู่เฉินหย่วนและเ

จิ่งเหนียนจึงต้องการยาสองเม็ดนี้ หลังจากเกิดเรื่องก็ป้อน ยาตัวนี้ให้กับล่ามคนนั้น
จฺจํ เมื่อหาจากคนรอบๆ ตัวของมู่เฉินหย่วน ก็รู้ว่าสามคน นั้นเป็นถังซินแล้ว

ลู่เหวินซูลูบกล่องเล็กๆ ใบนั้นพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม

เรื่องที่พี่เฉินหย่วนไม่อยากให้ถังซินจำได้ เขาต้องทำให้ ถังซินจำขึ้นมาให้ได้!

ถังซินเพิ่งเข็นมู่เฉินหย่วนออกมาด้านนอกได้ไม่นาน โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็สั่นขึ้นสองครั้ง

เธอเปิดวีแชทขึ้นมาดู พบเป็นข้อความใหม่ที่ลู่เหวินซูส่ง เข้ามา บอกว่าชั้นในห้องครัวมีของดีวางอยู่ ให้เธอเปิดออก ดู แล้วกินมันตอนเธอจะนอน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ