ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 119 ต่อไปประธานมู่ต้องพึ่งวิลแชร์



บทที่ 119 ต่อไปประธานมู่ต้องพึ่งวิลแชร์

มู่จิ่นหลิงตะโกนออกมาว่า “คุณป้า!”

แท้จริงแล้วคือคุณนายที่สี่ มู่เจิ้งหย่า และก็เป็นคุณป้าขอ งมู่เฉินหยวนและมู่จิ้นหลัง

“มากันครบแล้วหรอ?” มู่เจิ้งหย่ายิ้มพร้อมพยักหน้าเล็ก น้อย ชาเลืองมองไฟสีแดงหน้าห้องผ่าตัด แล้วถาม จิ่น หลิง “ฉันได้ข่าวว่าเฉินหยวนประสบอุบัติเหตุหนิ เขาเป็นยัง ไงบ้าง?”

“ยังอยู่ในห้องผ่าตัดค่ะ พวกเราไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่” มู่ จิ่นหลังกล่าว เสียเสียมองไปยังถังซิน “นี่คือถังซิน ผู้จัดการ แผนก Regulator ของมู่ซีอซินเซ่อ เธอก็อยู่บนรถกับเฉิน หยวนเหมือนกัน”

พอได้ยินชื่อของถังซิน มู่เจิ้งหย่าก็มองด้วยสายตา เหี้ยมโหด เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็ส่งสายตาที่แหลมคมไป ยังถังซิน มองเธออย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้านุ่มนวล แต่ สายตากลับดั่งคลื่นลูกใหญ่

ผู้หญิงคนนี้เธอเพียงแต่เคยได้ยินชื่อมาตลอด จนกระทั่ง ได้มาเจอตัวจริงวันนี้ หล่อนก็คือคนที่ปฏิเสธธุรกิจของเธอ แต่กลับไปตุรกีเพื่อนคุยงานกับมู่เฉินหยวน ทั้งยังเป็นคนที่ ทำให้เธอต้องเสียนิ้วไปหนึ่งนิ้ว

มู่เจิ้งหย่าเดินมาอยู่ด้านหน้าของถังซิน ตัวเธอเตี้ยกว่าหล่อน แต่เหมือนมีพลังงานบางอย่างออกมา ฝ่ามือข้าง หนึ่งสะบัดออกด้วยความเร็ว

ขณะที่ถังซินกำลังคิดที่จะขยับมือ มู่หยางซิวก็คว้าแขนข องเธอเอาไว้ แล้วลากมาอยู่ทางด้านหลังของเขา จังหวะ เดียวกันนั้นเขาก็ถูกฝ่ามือฟาดเข้าบริเวณกลางหน้าแบบ ไม่มีปี่มีขลุ่ย เสียงดังชัดเจน

มู่หยางซิวเลียมุมปากที่ชา แล้วพูดว่า “คุณป้า ถังซินเป็น เมียเก่าของผม เขาก็เจ็บเหมือนกัน ถ้ามีเรื่องอะไรก็มาลง ที่ผมสิ แล้วอุบัติเหตุครั้งนี้ก็เกิดจากรถคันอื่นสวนทางมา ไม่ใช่ความผิดเธอซะหน่อย”

“พวกเธอหย่ากันแล้ว ยังจะปกป้องหล่อนอีกหรอ” มู่เจิ้ง หย่ากล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “หล่อนสำคัญกว่าลูกพี่ลูก น้องของแกหรอ?”

“คุณป้า มีเหตุผลหน่อยสิครับ” มู่หยางซิ่วกล่าว

“เดี๋ยวรอเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานก่อน ถ้าพบสาเห ตแล้วเป็นความผิดของเธอจริง คุณป้าก็ค่อยจัดการกับเธอก็ ยังไม่สายเกินไปนะครับ

มู่จิ่นหลิงยิ้มขึ้นมา “มู่หยางซิ่ว เมียของแกอาละวาดเรื่อง ที่แกนอกใจ และยังย้ายแกไปยังบริษัทย่อยที่เมืองหวยเป่ย จนถูกผู้คนหัวเราะเยาะ คาดไม่ถึงเลยว่าเรื่องพวกนี้จะทำให้ แกยังปกป้องเมียเก่าของแก ป้าไม่เข้าใจแกเลยจริงๆ ! ”
มู่หยางซิ่วพูดแค่ว่า “เรื่องที่ผมนอกใจผมผิดอยู่แล้ว ผม ทําร้ายเธอ เธอตอบกลับผมมาแบบนี้ก็สมควรแล้ว แต่ยังไง ก็ตามเราสองคนก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน ผมเห็นเธอ ถูกทําร้ายไม่ได้

ถังซินมองมายังมู่หยางซิ่วพริบตาหนึ่ง

เมื่อเทียบกับแต่ก่อน ผู้ชายคนนี้ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละ คน แต่เพราะอะไรกันล่ะ?

มู่เจิ้งหย่าดึงมือกลับ ถังซินสังเกตุเห็นมือขวาของมู่เจิ้ง หย่ามีเพียง 4 นิ้วเท่านั้น นิ้วนางกลับว่างเปล่า เมื่อดูจา กบาดแผลที่ราบเรียบนั้น เหมือนกับว่ามันถูกตัดออก มู่เจิ้ง หย่ากล่าว “นี่เป็นเรื่องของตระกูลมู่ ไม่ต้องการคนนอกที่นี่ พวกเธอไปซะ”

“พวกเธอ” เพียงแค่สองคำ แต่กล่าวรวมถึงมู่หยางซิ่ว ภายในนั้นด้วย สถานะที่ไม่ถูกยอมรับจากครอบครัว เป็น เช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร มู่หยางซิ่วเป็นเพียงแค่คนใน ครอบครัวของภรรยา แซ่ “ปู” เป็นเพียงแค่ชื่อห้อยท้าย เท่านั้น

มู่หยางซิ่วไม่ได้มีความรู้สึกอะไร ไม่มีการแสดงออก เพียงแต่หมุนตัวและคว้ามือของถังซินมาจับ ไปกันเถอะ เดี๋ยวต้องจัดการแผลที่อยู่บนไหล่ของคุณอีก ไม่งั้นจะเป็น หนองเอา” ถังซินไม่พูดและไม่เดิน

ไม่ว่าตระกูลมู่จะมากันสักกี่คน จะเป็นห่วงอาการของมู่เฉินหยานสักแค่ไหน แต่เธอคนนึงที่เชื่อไม่ลง

“ถังซิน” มู่หยางซิ่วแตะตัวเธอ

ถังขนยังคงนิ่งเงียบ ไม่ขยับเขยื้อน

“โอเค ยัง รีบๆ ไปซะ ที่นี่ไม่ต้องการคุณมาดูแล!” มู่จิ่น หล็งไม่อดทน อยากจะตะโกนเรียก ร.ป.ภ. มาลากไป

ไร้ซึ่งวี่แววของ รป.ภ แต่กลับปรากฏร่างของคนสามคน

การปรากฏตัวของชายหนุ่มสามคน คนหนึ่งสูงกว่าอีกคน โดดเด่นกว่า ใบหน้า ลักษณะรูปร่าง ล้วนเหมือนกัน

โดยเฉพาะผู้ชายที่อยู่ด้านหน้า ใบหน้าเหมือนดั่งคมมีด เย็นชาไปทุกหนทุกแห่ง ขาสูงยาวภายใต้กางเกงสีดำที่ กำลังเดิน แต่กลับให้ความรู้สึกไร้ชีวิตชีวา

ถังซินมองใบหน้าชายคนนั้นสักพัก มีความรู้สึกเหมือน พบเห็นเขาที่ไหนมาก่อน หลังจากนั้น ใบหน้าของเด็กชาย ตัวเล็กๆ ที่พบเจอในห้างเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็ค่อยๆ ซ้อน ทับกับใบหน้าของชายคนนั้น

หรือจริงๆ เด็กชายคนนั้นก็คือร่างก็อปปี้ของชายคนนี้ !

มันบังเอิญไปมั้ย ?

ถังซินยังคงใจลอย ชายสามคนนั้นเดินเข้ามา
เย่นจิ่งเหนียนที่ถังซินเคยเจอในวิดีโอคอลเมื่อก่อน ทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “พี่ถัง”

“แหม พี่สาวดูสวยจริงๆ !” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาเสริมเย่นจิ่ง เหนียน มองไปยังแววตาของถังซินเต็มไปด้วยความสนใจ เขาพุ่งเข้าใส่ถังซินพร้อมโบกไม้โบกมือ “พวกเราแอด วีแชทไปแล้วนะ พี่รับ รึยัง?”

ถูกเรียกว่าพี่สาว ทำให้ถังซินนึกถึงตอนที่มู่เฉินหยวน เอาวีแชทให้กับเธอ เขาเป็นอะไรของเขากันนะ? “พี่สาว คุ ยกันแบบเจาะลึกหน่อยได้มั้ย?” เธอกระตุกที่มุมปาก “ลู่เห วินซู ?”

“ใช่ ผมเอง! ” ลู่เหวินซูยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก “ดูเหมือนผม จะอยู่ในใจพี่ไม่น้อยเลยนะ! ”

ถังซิน “.…..”

เย่นจิ้งเหนียนเอาศอกจ้วงไปที่หน้าท้องของลู่เหวินซูให้ เขาเงียบปาก พลันถามถังซิน “แล้วพี่ชายของผมเป็นยังไง บ้าง? ”

“เขายังอยู่ในห้องผ่าตัดน่ะ” นึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเองเพิ่ง ได้ประสบมาก่อนหน้า ไหล่ของถังซินก็สั่นเทา เธอประสาน ฝ่ามือเข้าหากัน พร้อมกล่าวออกไปอย่างเรียบๆ “หมอบอก ว่าไม่ต้องกังวล อาการไม่ได้หนักมาก”

เย่นจิ้งเหนียนโล่งใจขึ้นเล็กน้อย “งั้นพี่ก็คงไม่เป็นอะไรแหละ”

ถังซินได้พูดคุยกับเย่นจิ้งเหนียน ฝั่งตระกูลมู่นั้นก็ต่าง สับสนกัน บางคนไม่เคยเจอกับเย่นจิ่งเหนียนมาก่อน

ตาของมู่เจิ้งหย่าได้กลายเป็นสีเข้ม

ดูจากการเรียกชื่อของเย่นจิ้งเหนียน มู่เจิ้งหย่าคาดว่าพวก เขาน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับมู่เฉินหยวน

“พวกคุณเป็นเพื่อนกับจิ้งเหนียนหมดเลยรึเปล่า? ” มู่เจิ้ง หย่ากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม แต่กลับไร้ซึ่งความปราณี “แต่เชิญพวกคุณกลับไปเถอะ ส่วนเฉินหยวนพวกเราตระกู ลมู่ดูแลเองได้”

ชายคนแรกจ้องมายังมู่เจิ้งหย่าครู่หนึ่ง

ลู่เหวินซูกลับหัวเราะขึ้นมา “ป้าคนนี้ พี่ชายของผมเป็น คนในตระกูลมู่ แต่ก็เป็นญาติของผมเหมือนกัน พอเกิดเรื่อง กับเค้า พวกเราก็ควรที่จะมาดูแลเค้า”

มู่จิ่นหลิงกล่าว “พวกเธอไม่ได้แซ่มู่ ถ้าให้พวกเธอดูแล ก็ เท่ากับว่าพวกฉันไม่ได้ดูแลเค้าอย่างเต็มที่น่ะสิ! ”

ลู่เหวินซูหรี่ตาเล็กน้อย ผิวปากพร้อมกล่าว “นังพังพอนนี่ คือใคร ทําเรื่องอะไรไว้ ทำไมพูดตรงจัง”

เธอหมายความว่ายังไง พูดให้มันดีๆ นะ! ” มู่จิ่นหลิงถลึงตาใส่ลู่เหวินซู พร้อมน้ำเสียงที่ดุดัน “เฉินหยวนเป็น ลูกพี่ลูกน้องของฉัน คุณคิดว่าเกิดเรื่องกับเค้า แล้วฉัน จะแกล้งทําเป็นห่วงหรอ? ”

“เซ็นซิทีฟจังคุณ ผมคงไม่มีอะไรต้องพูดละ” ลู่เหวินซูเริ่ม วางมือ

ทันใดนั้นชายหนุ่มที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำท่าทีดูสุขุมก็กล่าวขึ้น น้ำเสียงเยือกเย็นสุดขีด “ไอ้สี่”

ลู่เหวินซูฮึดฮัด ไม่พูดไม่จ่ากับเย่นจอชิ่งเหนียนอีก มู่จิ่น หลิงชำเลืองมองตาของชายคนนั้น ก็พอรู้ว่าไม่สบอารมณ์ นัก สีหน้าที่โกรธก็ค่อยๆ คลายลง

ถังซินมองไปยังชายหนุ่มพริบตาหนึ่ง

เมื่อมองดูไกลๆ มู่เฉินหย่วน เป็นสุภาพบุรุษมาก ดูอบอุ่น อีกทั้งชายคนนี้ดูไร้ชีวิตชีวา แววตาดั่งบ่อน้ำลึก เหมือนโยน หินลงไปอย่างไรก็ไม่มีคลื่นเช่นนั้น ราวกับไร้จิตใจ

เย่นจิ่งเหนียนเห็นถังซินมองชายคนนั้นอยู่บ่อยๆ จึงแนะ นำเธอให้รู้จัก “นี่คือพี่ใหญ่ของผม วี่เหวินถึง”

ถังซินพยักหน้าเล็กน้อย

ทันใดนั้น ไฟของห้องฉุกเฉินก็ดับลง ประตูบานหนาทั้ง สองบานได้เปิดออก เผยให้เห็นร่างของหมอเดินนำออก มา ด้านหลังเผยให้เห็นร่างที่ยังไม่ได้สติอยู่บนเตียง และใบหน้าอันซีดเซียวของเฉินหยวนและเหล่าพยาบาล

ผู้คนต่างพากันขึ้นไปรุมล้อม

มู่เจิ้งหยาถามอย่างรีบร้อน “หมอคะ หลานชายของฉันเป็น อย่างไรบ้าง? ”

“ขอโทษด้วยนะครับ พวกเราทําอย่างสุดความสามา รถแล้ว” ใบหน้าของหมอเต็มไปด้วยความเสียดาย พร้อม กล่าว “ขาทั้งสองข้างของคุณมู่บาดเจ็บอย่างมาก เกรงว่า ต่อไปอาจจะต้องใช้รถเข็นในการใช้ชีวิต”

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ !! ” ใบหน้าของมู่เจิ้งหย่าขาว ซีดไปทั้งหน้า ลำตัวสั่นเทา จนถูกประคองไม่ให้ล้มลงไป “ลองใหม่เถอะหมอ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ฉันพร้อมจ่าย! ”

ถังซินเหมือนตกเข้าไปในอุโมงค์น้ำแข็ง หนาวสั่นไปทั้ง ตัว

ล่อกันเล่นหรอ?

เฉินหยวนเพิ่งจะอายุสามสิบ ตระกูลมู่ยังมีเรื่องอีกมากมาย ที่รอให้เค้ากลับไปจัดการ แล้วจะมาเสียขาทั้งสองข้างไป ได้ยังไง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ