ฉันเป็นสุดที่รักของประธานมู่! ?

บทที่ 281 เงินไม่สำคัญ ฉันเพียงต้องการเพื่อนต่าง หาก



บทที่ 281 เงินไม่สำคัญ ฉันเพียงต้องการเพื่อนต่าง หาก

“ช่างเถอะ ให้เขาตามมาด้วยก็ได้” สั่งจิ้งเหอที่อยู่อีก ข้างกล่าวอย่างติดตลก “ให้ห่างออกไปอีกสักหน่อยก็ พอ พอจะไปซื้อของก็ค่อยให้เขาเข้ามาใกล้ๆ จะได้เป็น พ่อบ้านอย่างเต็มตัว”

ลู่เหวินซูอุทานว้าว “ผมหล่อขนาดนี้เป็นได้แค่พ่อบ้าน หรือ”

“ช่างกล้า” หลี่ซูเจ๋เหลือบสายตามองเขาอย่าง ดูแคลน “จูนหลงตอนอายุยี่สิบปีกว่าๆ เอามาเทียบกับ นายแล้ว แม้แต่รองเท้าเขานายก็เทียบได้

“ที่รัก…” ลู่เหวินซูยกมือขึ้นกุมอก ก่อนจะกล่าวอย่าง เจ็บปวด “คุณคงไม่รักผมแล้วสินะ”

มุมปากถังซินถึงกับกระตุก

เมื่อเห็นว่าส้งจิ้งเหอเห็นด้วย ถังซินก็ไม่ได้พูดอะไร อีก มีลู่เหวินซูมาช่วยถือของเพิ่มอีกคนก็ได้ กระเป๋าเดิน ทางต่างๆ ถูกส่งไปทางเขาทันที

เมื่อถึงเวลาขึ้นเรือ เธออดที่จะถามลู่เหวินซูไม่ได้ “คุณมาแค่คนเดียวจริงๆ หรือ”
“แน่นอนสิ ผมไม่วางใจกับนางฟ้าตัวน้อยอยู่แล้ว” ลู่ เหวิน กล่าวอย่างไหลลื่น เขาไม่ได้กล่าวอะไรผิด ก็เขา มาคนเดียว ส่วนชายสองคนนั้นขึ้นเรื่องไปแล้ว

“เขาไม่มาหรือ

“โอ้… คุณหมายถึงพี่รองหรือ” ลู่เหวินซูเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะยิ้มอย่างล้อเลียน “ดูเหมือนคุณจะใส่ใจพี่ของผม อยู่นะ เช่นนั้นให้ผมตะโกนเรียกเขามาดีหรือไม่”

กล่าวพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

ถัง นรีบห้าม และมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉัน หมายความอย่างนั้นตอนไหนกัน ฉันจะบอกว่าไม่มีเขา มันดีกว่า จะได้ไม่อึดอัดเวลาออกไปเที่ยว”

ลู่เหวินซูถามด้วยใบหน้ายิ้มเผล่ “ทำไมล่ะ จะไปหา เด็กหนุ่มที่ญี่ปุ่นอย่างนั้นหรือ

“หุบปาก”

แม้ว่าจะถามกับลู่เหวินซูแล้ว แต่ถังซินก็อดรู้สึก แปลกๆ ไม่ได้ที่ชายคนนั้นไม่มา ตอนที่ขึ้นเรือสำราญ ไปแล้ว ก็รู้สึกว่ามีใครกำลังจับจ้องอยู่ข้างหลัง แต่พอ หันไปมองก็ไม่พบอะไร

หลี่ซูเจ๋ได้ตั๋วมาสามใบ คือห้องธรรมดาชั้นล่าง แต่เมื่อไปถึงเคาน์เตอร์เพื่อทำการเช็คอินแล้ว พนักงาน ต้อนรับกลับบอกว่าตั๋วสามใบของพวกเธอนั้นเป็นตัวรับ โชค แต่สามารถอัพระดับเป็นห้องพรีเมี่ยมชั้นบนสุดได้

ตั๋วใบเดียวไม่ได้แปลกอะไร แต่ตั๋วโชคดีตั้งสามใบ มันทำให้ถังซินรู้สึกว่ากำลังมีใครจัดฉากอยู่เบื้องหลัง แต่พนักงานต้อนรับก็ไม่ได้มีท่าทีน่าสงสัยแต่อย่างใด แต่เธอก็อดที่จะสงสัยไม่ได้

ลู่เหวินซูไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพียงอยู่กับหลี่ซูเจ๋อ ย่างสุขสันต์

ทันทีที่ถังซินเก็บของเสร็จ ส้งจิ้งเหอที่อยู่ห้องข้างๆ ก็ มาหาเธอ ทั้งสองชวนกันไปห้องอาหารที่ชั้นสองของ เรือสำราญ

ชั้นนี้เต็มไปด้วยสถานบันเทิง ทั้งโต๊ะบิลเลียด โรง ภาพยนตร์ จนไปถึงสระว่ายน้ำในร่มก็ยังมี ทั้งยังมีบอล รูมขนาดใหญ่ เปิดบริการเวลาสองทุ่ม เป็นสถานที่ร้อง เล่นเต้นรำของแขกเหรื่อ

หลังจากที่มาถึงห้องอาหารแล้ว สังจิ้งเหอก็เลือกที่ นั่งหกที่ติดริมกระจก

ถังซินเอ่ยด้วยความสงสัย “ต่อให้พวกเขาสองคนลง มา โต๊ะสี่มันก็พอแล้วนะ ทำไมต้องเลือกใหญ่ขนาดนี้ ด้วย”
ส้งจิ้งเหอหัวเราะ เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยเลศนัย “ก็วิวตรงนี้มันดี

ถังชนมองออกไปข้างนอก

ก็ไม่นี่ เธอว่าโต๊ะสี่อยู่ด้านข้าง วิวข้างนอกยังสวยกว่า

อีก

ถังซินและสังจิ้งเหอสั่งอาหารเสร็จแล้ว ในตอนที่ บริการนำกาแฟดำมาเสิร์ฟ หลี่ซูเจ๋และลู่เหวินซูก็มาถึง พอดี

ทั้งสองต่างสวมชุดกันหนาวคู่รักสีเบจ และส่งเสียงดัง กันมาตลอดทาง

หลังจากที่หลี่ซูเจ๋มาถึง ถังซินก็กล่าวเสียงเย็น “รู้จำ คำว่ายิ่งรักกันยิ่งตายไวไหมฉันว่าพวกเธอไปเที่ยวกัน สองคนเถอะ อย่ามาทำให้คนอื่นหงุดหงิดใจเลย”

ส้งจิ้งเหอเองก็พยักหน้าสมทบ “ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้น”

“ว้าย พวกเธออย่ารังเกียจฉันสิ” หลี่ซูเจ๋ย้ายมานั่งข้าง พวกเธอทันที “รอถึงญี่ปุ่นก่อน ฉันจะเลิกกับเขา และพา พวกเธอไปหาชายหนุ่มหล่อๆ เอง”

ลู่เหวินซูสบถ ก่อนจะยิ้มร้ายๆ “นางฟ้าตัวน้อย ผู้ชาย พวกนั้นทั้งตัวเตี้ย ธรรมดา น่าเกลียด คุณหาคนสูงร้อยแปดสิบกว่าๆ แบบผมไม่ได้หรอก มีทั้งกล้าม ทั้งยัง สุขภาพดีอีก”

“พวกเราจะไปไนต์คลับที่กินซ่า ที่นั่นมีพี่ชายสุดหล่อ ตั้งมากมาย ทั้งชั้นสูงอีกด้วย”

“ทําได้แค่ดู จับต้องก็ไม่ได้”

ถังซินกุมขมับ เธออยากจะเปลี่ยนที่นั่งจริงๆ อยากจะ อยู่ห่างสามีภรรยาไร้ยางอายคู่นี้เสียเหลือเกิน

“หือ พี่ใหญ่ พี่รอง”

ทันใดนั้นลู่เหวินซูที่เสียงดังกับหลี่ซูเจ๋ก็ส่งเสียงขึ้นมา โบกมือพร้อมรอยยิ้มไปทางด้านหลังของพวกเธอ ชื่อที่ เขาเรียกออกมานั้นทำให้ถังซินใจเต้นระรัว

เป็นไปไม่ได้

เสียงฝีเท้าที่ข้ามาใกล้ และแล้วเงาของร่างสองร่างก็ มาหยุดยืนที่ข้างโต๊ะของเธอ

ถังซินหันหน้าไปมอง ก็เห็นมู่เฉินหย่วนที่สวมชุด สบายๆ ในทันที สองมือล้วงกระเป๋า ท่าทางเกียจคร้าน บรรยากาศเย็นชารอบตัวหายไปหลายส่วน จนดูน่าเข้าใกล้มากขึ้น

ข้างกายของเขาคือวี่เหวินถิงที่เย็นชาไปทั้งใบหน้า และนัยน์ตา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ให้ความรู้สึกว่าโลกนี้ มันแย่กับเขา จนทำให้เขาดูน่ากลัว

“ไอ้สี่ ไม่ใช่ว่างานยุ่งอยู่อย่างนั้นหรือ” มู่เฉินหย่วน เหลือบมองถังซิน และคลี่ยิ้มบางเบา “ยุ่งจนมีเวลาอยู่ กับแฟน และพาไปเที่ยวเล่นที่ญี่ปุ่นเลยหรือ”

ลู่เหวินซูยิ้มเผล่ “ผมมีความสามารถไง ทำงานเสร็จก็ มาอยู่กับแฟนของผม แต่พวกพี่เถอะ มาได้อย่างไรกัน จะไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นเหมือนกันหรือ”

“ไปสัมมนาปกติ”

ลู่เหวินซูร้องโอ้ ก่อนจะเอ่ยทัก “ไหนๆ ทุกคนก็รู้จักกัน อยู่แล้ว มาๆ มานั่งทานข้าวด้วยกันเลย

“เช่นนั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะ”

ถังซินจ้องมองมู่เฉินหย่วนกับวี่เหวินถึงนั่งลงที่นั่ง ตรงข้าม หยิบเมนูขึ้นมาสั่งอาหาร นึกไปถึงบทสนทนา ของลู่เหวินซูที่พูดคุยกับพวกเขา ก็รู้สึกราวกับกำลังร้อง เพลงต่อกันก็ไม่ปาน

ย่อมต้องวางแผนกันไว้ก่อนเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นจะเหมาะเจาะกันเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

“นางฟ้าตัวน้อย…” ถังซินขยับไปใกล้หลี่ซูเจ๋ และหยิก เข้าที่เอวของเธอ “เงินสองล้านที่จิ้งเหอให้เธอมา คง ไม่ใช่แค่เงินซื้อตั๋วอย่างเดียวใช่หรือไม่”

“โอ๊ยๆ” หลี่ซูเจ๋น้ำตาร่วง ก่อนจะยิ้มแฮะๆ “เธอดูสิ ความสัมพันธ์ของเธอกับคุณวี่ดูไม่ดีเลย พวกเราควร ช่วยไม่ใช่หรือ เงินสองล้านมันไม่ใช่ปัญหา ที่สำคัญคือ ความใจดีของฉันต่างหาก”

ถังซินด่าทอเธอ “คนทรยศ”

เธอก็สงสัย ว่าทำไมมู่เฉินหย่วนถึงไม่กังวลที่เธอจะ ไปต่างประเทศเลย ต้องมีคนไปรายงานก่อนแล้วแน่ เขาถึงได้ตามมา เลยไม่ได้กังวลอะไร

ทั้งเรื่องที่ส้งจิ้งเหอเลือกโต๊ะหกคนนี่อีก คงรู้เรื่องที่ พวกมู่เฉินหย่วนขึ้นเรือมาด้วยเช่นกันล่ะสิ

พวกคนทรยศ

ส้งจิ้งเหอหันตัวมา และกระซิบอย่างกลั้วยิ้ม “ฉันขอ ให้หลี่ซูเจ๋ช่วย ไม่คิดว่าประธานมู่จะตามมาด้วย แต่นี่ก็ ชัดเจนแล้วนะ ว่าประธานมู่เขาใส่ใจเธอ”

ถังซินหน้าแดงระเรื่อ เธอกระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับ “เธอคิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะอภัยให้พวก เธอหรือ พวกเธอรู้อยู่แล้ว แต่ปล่อยให้ฉันงงอยู่คน เดียว”

“โรงงานแปรรูปอาหารทางทิศตะวันออก ต้องการ หรือไม่” สั่งจิ้งเหอเอ่ยถาม “มันถูกซื้อโดยบริษัทตระกูล สังเมื่อเร็วๆ นี้ เธอเขาไปจัดการโรงงานนั้น หลังจากนั้น ก็ให้แม่เธอมอบหน้าที่ให้พนักงานคนอื่นๆ ดูแลต่อแทน จะได้สบายยิ่งขึ้น พอกลับไปฉันจะมอบให้เธอทันที ส่วนมาตราการค้าฉันเก็บเธอเพียงหนึ่งแสนเท่านั้น

“ฉันเอาๆ” หลี่ซูเจ๋แทรกขึ้นมาทันที ก่อนจะกล่าวด้วย ความตื่นเต้น “ซินซินไม่สนใจหรอก ให้ฉันเถอะ ฉันก็ อยากลองเป็นเจ้าคนนายคนบ้าง”

ถังซินเขกเข้าที่หัวของเธอ ก่อนจะตอบสั่งจิ้งเหออ ย่างจริงจัง “เพื่อนกันทั้งนั้น อย่าทำเหมือนเป็นคนอื่น คนไกล แค่โรงงานแปรรูปอาหารเท่านั้น เพื่อนกำลังมี ปัญหาฉันก็อยากช่วย นั่นต่างหากที่สำคัญกว่า”

หลี่ซูเจ๋โวยวายทันที “ซินซิน เธอไร้ยางอายเกินไป แล้วนะ”

“ไม่กล้าหรอก เทียบกับเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
หญิงสาวทั้งสามคนต่างคุยกระซิบกระซาบกัน จน เหล่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่ได้ยิน

ลู่เหวินซูรินชาให้กับชายหนุ่มทั้งสอง ก่อนจะพูดอย่าง อารมณ์ดี “เฮ้อ การได้มาเที่ยวกับคนที่ชอบเป็นเรื่องที่ มีความสุขที่สุดเลยนะครับ พี่ใหญ่ ผมจำได้ว่าพี่จะไป นิวยอร์กไม่ใช่หรือ ทำไม…”

วี่เหวินถึงใช้นิ้วลูบไล้ปากแก้ว ก่อนจะกล่าวเสียงเย็น ไปจนถึงกระดูก “นายพูดมากไปเกินแล้วใช่หรือไม่นะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ